ระวัง! ใช้ “ยาระบาย” มากเกินไป เสี่ยง “ลำไส้ทะลุ-ริดสีดวงทวาร”
ลำไส้อัมพาต อันตรายที่เกิดขึ้นเมื่อใช้ยาระบายมากเกินไป คนท้องผูกประจำควรระมัดระวัง
สาเหตุของอาการท้องผูกเรื้อรัง
นายแพทย์สุขประเสริฐ จุฑากอเกียรติ อายุรแพทย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลเวชธานี เปิดเผยว่า ท้องผูกเรื้อรัง ปัจจุบันแนวโน้มพบในคนที่อายุน้อยหรือวัยทำงานมากขึ้น โดยเฉพาะผู้หญิง โดยมีปัจจัยเสี่ยง คือ
- กลั้นอุจจาระ เพราะรถติด หรือไม่กล้าเข้าห้องน้ำสาธารณะเนื่องจากกลัวสกปรก หรือชีวิตประจำวันที่เร่งรีบทำให้ไม่มีเวลาเข้าห้องน้ำ ทำให้เกิดภาวะท้องผูกได้บ่อย
- หันไปพึ่งยาระบายเพื่อการขับถ่ายและการลดความอ้วน
- รับประทานอาหารที่มีกากใยปริมาณน้อย
- ดื่มน้ำเปล่าไม่เพียงพอ
- ขาดการออกกําลังกาย นั่งทํางานอยู่กับที่ทั้งวัน
- รับประทานยาหรือวิตามินแร่ธาตุบางชนิดที่ลดการเคลื่อนไหวของลําไส้
- โรคภัยบางชนิด เช่น โรคต่อมไทรอยด์ทำงานน้อยลง โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ เป็นต้น
- ลำไส้ใหญ่เคลื่อนไหวช้าลง
- หูรูดทวารหนักทำงานผิดปกติ หูรูดไม่ยอมเปิดขณะทำการเบ่งถ่าย มักมีอาการถ่ายไม่ค่อยสุด รู้สึกอุจจาระมาติดค้างที่ทวารหนักแต่ไม่ออก บางคนต้องใช้น้ำฉีด ใช้ลูกยางสวน การทำดีท็อกซ์หรือแม้กระทั่งใช้นิ้วล้วงออก
- โรคลำไส้แปรปรวน ลำไส้ใหญ่เคลื่อนไหวช้า มักมีอาการปวดถ่ายอุจจาระน้อยครั้งหรือแทบไม่มีความรู้สึกอยากถ่ายเลยเป็นเวลาหลายวัน
กลุ่มที่เป็นลำไส้แปรปรวน แต่เดิมเป็นกลุ่มที่ไม่ทราบสาเหตุของโรค แต่ปัจจุบันพบว่ามีความสัมพันธ์กับแบคทีเรียในลำไส้บางชนิด ที่ผลิตก๊าซมีเทน ซึ่งก๊าซมีเทนทำให้การเคลื่อนไหวของลำไส้ช้าลง ส่งผลให้เกิดภาวะท้องผูกตามมา
ทำไมถึงไม่ควรใช้ยาระบาย เพื่อลดอาการท้องผูกเรื้อรัง
การใช้ยาระบายเป็นเพียงการรักษาที่ปลายเหตุ โดยเฉพาะยาประเภทกระตุ้นการบีบตัวของลําไส้ใหญ่ ถ้าใช้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน อาจทำให้ลำไส้ไม่บีบตัว และอาจต้องเพิ่มปริมาณยามากขึ้นเรื่อยๆ
นอกจากนี้การรักษาท้องผูกเรื้อรังที่ไม่ถูกวิธี อาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้ เช่น การสวนทวารหนักหรือดีท็อกซ์อาจเสี่ยงลำไส้ทะลุ ทวารหนักเป็นแผลอักเสบ ลำไส้ไม่สามารถบีบตัวได้จากการใช้ยากระตุ้นลำไส้ หรือการเบ่งแรงและนานก็อาจทำให้เกิดโรคริดสีดวงทวารได้
การรักษาอาการท้องผูกเรื้อรังที่ถูกวิธี
เมื่อการใช้ยาระบายเป็นวิธีแก้ปัญหาท้องผูกที่ปลายเหตุ นพ.บุญเลิศ อิมราพร อายุรแพทย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลเวชธานี แนะนำวิธีรักษาอาการท้องผูกเรื้อรังที่ถูกต้องเอาไว้ ดังนี้
- แพทย์อาจพิจารณาใช้การส่องกล้องลำไส้ใหญ่กรณีที่สงสัยมะเร็งลำไส้ใหญ่หรือลำไส้อุดตัน
- ผู้ป่วยที่มีอาการท้องผูกเรื้อรังจากสาเหตุหูรูดไม่คลายตัวขณะเบ่งอุจจาระ แพทย์อาจแนะนำวิธีฝึกเบ่งเปิดหูรูดทวารหนัก ซึ่งวิธีนี้สามารถรักษาให้ผู้ป่วยหายขาดได้ถึงร้อยละ 60-70
- พิจารณาให้ยาฆ่าเชื้อ ยาปฏิชีวนะ กำจัดเชื้อแบคทีเรีย สามารถรักษาภาวะท้องผูกและท้องอืดให้หายขาดได้
วิธีป้องกันอาการท้องผูก
การป้องกันภาวะท้องผูกสามารถทำได้เองโดยใช้หลัก “3 อ” คือ
- อาหาร เพิ่มอาหารที่มีกากใยมาก เช่น พรุน เป็นผลไม้ที่มีกากใยมากมีฤทธิ์ระบายตามธรรมชาติ ดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน
- ออกกำลังกาย ให้กล้ามเนื้อหูรูดและลำไส้มีการเคลื่อนไหวเพื่อบีบตัวขับถ่ายได้ดีขึ้น
- อุจจาระ ฝึกขับถ่ายให้เปนเวลา ไม่ควรอ่านหนังสือ หรือทํากิจกรรมอย่างอื่นไปด้วยขณะขับถ่าย ควรใช้ยาระบายเป็นทางเลือกสุดท้าย ถ้าจําเป็นต้องใช้ ไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน
หากปฏิบัติได้ตามนี้ จะช่วยให้สามารถขับถ่ายได้เป็นปกติโดยไม่ต้องพึ่งยาระบายอีกเลย