แพทย์ญี่ปุ่นแนะ 4 นิสัยที่ควรทำเป็นประจำ ช่วยฝึกสมอง-ลดเสี่ยงอัลไซเมอร์

แพทย์ญี่ปุ่นแนะ 4 นิสัยที่ควรทำเป็นประจำ ช่วยฝึกสมอง-ลดเสี่ยงอัลไซเมอร์

แพทย์ญี่ปุ่นแนะ 4 นิสัยที่ควรทำเป็นประจำ ช่วยฝึกสมอง-ลดเสี่ยงอัลไซเมอร์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ปัจจุบันจำนวนผู้ป่วยสมองเสื่อมและอัลไซเมอร์เพิ่มมากขึ้นในญี่ปุ่นและทั่วโลก นอกจากความเครียดแล้วพบว่าปัจจัยสำคัญที่ทำให้สมองเป็นสนิมซึ่งเป็นสาเหตุของภาวะสมองเสื่อมนั้นเกิดจากการที่คนในปัจจุบันมีชีวิตที่สะดวกสบาย มีการใช้เทคโนโลยีแทนสมอง ทำให้การใช้สมองเพื่อคิด จดจำ ตัดสินใจน้อยลงเรื่อยๆ จนทำให้เซลล์ประสาทเสื่อมและตายไปในที่สุด เพื่อป้องกันปัญหาสมองเป็นสนิมอันเป็นสาเหตุของภาวะสมองเสื่อม มาฟังคำแนะนำนิสัยที่ควรปฏิบัติเป็นประจำเพื่อช่วยให้สมองทำงานได้ดีและป้องกันไม่ให้สมองเป็นสนิมจากผู้เชี่ยวชาญด้านสมองญี่ปุ่นกัน

แพทย์ญี่ปุ่นแนะ 4 นิสัยที่ควรทำเป็นประจำ ช่วยฝึกสมอง-ลดเสี่ยงอัลไซเมอร์

  1. การคิดบวก

คนเราทุกเพศวัยตั้งแต่นักเรียน นักศึกษา คนทำงาน นักธุรกิจ ไปจนถึงผู้สูงอายุ ต่างต้องการให้ตนเองมีสมองดีและทำงานได้อย่างแข็งขัน นิสัยสำคัญเป็นอันดับแรกที่จะทำให้การทำงานของสมองดีคือ การคิดบวกและทำงานด้วยทัศนคติที่เป็นบวกซึ่งจะทำให้มีสมาธิและทำให้ความจำดีขึ้น ส่งผลให้มีความเป็นไปได้สูงที่จะประสบความสำเร็จในวิชาที่เรียนหรือในสิ่งที่ทำ ในทางกลับกัน หากมีทัศนคติที่เป็นลบต่อสิ่งที่ทำ รู้สึกกังวลว่าจะไม่สามารถทำงานที่ได้รับมอบหมายได้ หรือตนเองไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ ก็จะส่งผลให้บุคคลนั้นขาดสมาธิและความจำก็จะค่อยๆ ลดลง

นอกจากนี้ข้อดีของการคิดบวกคือ ทำให้สมองหลั่งสารโดปามีน (Dopamine) ออกมามาก สารชนิดนี้เป็นสารสื่อประสาทที่เสริมให้สมองส่วนหน้าทำงานได้ดี ทำให้ความสามารถในการจำและการเรียนรู้เพิ่มขึ้น เมื่อคิดบวกทำให้คนเรามีความสุขร่างกายจะยิ่งหลั่งสารโดปามีนเพิ่มขึ้น ในทางตรงข้ามการคิดลบก็จะทำให้ร่างกายหลั่งสารโดปามีนได้ต่ำ โดยสรุปคือทัศนคติเชิงบวกจะทำให้เรียนหนังสือหรือทำงานด้วยใจที่เป็นสุขและทำให้มีความคิดสร้างสรรค์เพื่อประสบความสำเร็จในสิ่งที่ทำ

  1. การชมเชยตนเอง

การชมเชยตนเองจากผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม เช่น สามารถอ่านหนังสือที่ยากจบลงในเวลาสั้นๆ หรือทำงานยากได้เสร็จตามเวลา หรือจัดการเวลาต่างๆ ได้ดีขึ้น เป็นต้น จะช่วยให้รู้สึกดี รู้สึกมั่นใจในตัวเอง และทำให้รู้สึกมีความสุข เมื่อมีความสุขร่างกายจะหลั่งสารโดปามีนออกมามากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้การเรียนรู้และความจำดีขึ้น ตลอดจนสร้างแรงบันดาลใจในการเรียนรู้และการทำงาน

  1. การชมเชยผู้อื่น

นอกจากการชมเชยตนเองแล้วการชมเชยผู้อื่นจากความรู้สึกยินดีไปกับเขา และมีความสุขที่ได้เห็นคนอื่นมีความสุข จะช่วยเพิ่มให้ร่างกายหลั่งสารโดปามีนได้มากขึ้นและทำให้สมองทำงานได้ดี  การชมเชยผู้อื่นนั้นเกิดจากที่ผู้ชมสังเกตเห็นสิ่งดีๆ ของคนอื่น รวมถึงการฟังในสิ่งที่เขาพูดอย่างใกล้ชิด ทำให้ได้ใช้สมองในการคิดหาคำชม ซึ่งนอกจากจะช่วยให้เรียนรู้สิ่งดีๆ จากผู้อื่นแล้วก็ยังทำให้สมองได้คิดและได้ทำงานอย่างแข็งขัน

  1. พยายามไม่เครียดมากเกินไป

ความเครียดที่มากเกินไปจะส่งผลให้ต่อมหมวกไตส่วนนอกหลั่งฮอร์โมนแห่งความเครียดชื่อคอร์ติซอล (Cortisol) ออกมาในปริมาณมาก และหากเครียดมากและเครียดบ่อยเข้า ก็จะทำให้ฮอร์โมนคอร์ติซอลที่หลั่งออกมาในปริมาณมากไปทำลายและทำให้สมองส่วนฮิปโปแคมปัส (Hippocampus) ฝ่อลง สมองส่วนนี้เป็นศูนย์กลางของความจำ และหากถูกทำลายก็จะทำให้ยากที่จะจดจำสิ่งต่างๆ หากต้องการให้สมองทำงานได้ดีไปนานๆ ควรหลีกเลี่ยงการมีความเครียดที่มากเกินไป และพยายามผ่อนคลายความเครียดให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

เพื่อป้องกันไม่ให้สมองเป็นสนิมจนนำไปสู่ภาวะความจำเสื่อมและอัลไซเมอร์ในที่สุด เรามาเริ่มฝึกนิสัยข้างต้นตั้งแต่วันนี้กันค่ะ นอกจากจะช่วยป้องกันไม่ให้สมองเป็นสนิมแล้วนิสัยข้างต้นก็ยังช่วยให้สุขภาพเราแข็งแรงและมีอายุยืนด้วย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook