“เล็บเหลือง” สาเหตุ และวิธีรักษาดูแลให้เล็บสวยงามแข็งแรง
เล็บเหลือง อาจเกิดได้หลายสาเหตุ เช่น กลุ่มอาการเล็บเหลือง การติดเชื้อราที่เล็บ การแพ้ยาทาเล็บ รวมถึงอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคเบาหวาน โรคปอด โรคไทรอยด์ และโรคทางเดินหายใจอื่นๆ ซึ่งอาจจำเป็นต้องเข้าพบคุณหมอเพื่อตรวจหาสาเหตุและทำการรักษาอย่างเหมาะสม
สาเหตุที่ทำให้เล็บเหลือง
เล็บเหลือง อาจเกิดจากสาเหตุต่างๆ ดังนี้
-
ติดเชื้อราที่เล็บ
การติดเชื้อราที่เล็บเกิดขึ้นเมื่อเชื้อราบริเวณเล็บมีการเจริญเติบโตมากเกินไป จนทำให้เกิดการติดเชื้อที่เล็บ และมีอาการเล็บเหลือง เปราะบาง รูปร่างผิดปกติ และมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากการไหลเวียนของเลือดลดลง ที่ส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันในบริเวณมือและเท้าลดลง จนไม่สามารถควบคุมปริมาณของเชื้อราได้ หรืออาจเกิดจากความอับชื้นในบริเวณเล็บมือหรือเล็บเท้า โดยอาจมีปัจจัยอื่นเข้ามากระตุ้น เช่น การมีเหงื่อออกมาก การเช็ดมือหรือเท้าไม่แห้ง การเดินเท้าเปล่าบริเวณรอบสระว่ายน้ำและห้องอาบน้ำ
-
ยาทาเล็บ
การใช้ยาทาเล็บบ่อยๆ ต่อเนื่องเป็นเวลานาน อาจทำให้เล็บเปลี่ยนสีได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากชอบทาเล็บสีเหลือง ซึ่งมักจะไม่เป็นอันตรายใดๆ และอาจค่อยๆ หายได้เอง
-
กลุ่มอาการเล็บเหลือง
กลุ่มอาการเล็บเหลืองเป็นภาวะที่พบได้ยาก ซึ่งอาจเกิดจากการที่เล็บเจริญเติบโตช้า หนังกำพร้ารอบเล็บเสียหาย ส่งผลให้เล็บเปลี่ยนสีเป็นสีเหลืองและหนาขึ้น
นอกจากสาเหตุข้างต้นแล้ว อาการเล็บเหลืองอาจเป็นสัญญาณเตือนของการเกิดโรคสะเก็ดเงิน โรคเบาหวาน โรคต่อมไทรอยด์ ไซนัสอักเสบ วัณโรค และโรคปอด หากพบว่ามีอาการเล็บเหลืองนานเกินกว่า 10 วัน รวมถึงมีอาการเจ็บปวดที่เล็บ เล็บบวม เลือดออก ควรเข้าพบคุณหมอเพื่อตรวจหาสาเหตุที่แน่ชัดและทำการรักษาในทันที
การรักษาเล็บเหลือง
การรักษาเล็บเหลือง อาจทำได้ ดังนี้
- ยาต้านเชื้อรารูปแบบรับประทาน เช่น เทอร์บินาฟีน (Terbinafine) ไอทราโคนาโซล (Itraconazole) ใช้เพื่อยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา ยานี้อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ผื่นที่ผิวหนัง ตับได้รับความเสียหาย อีกทั้งยังไม่แนะนำสำหรับผู้ที่เป็นโรคตับและโรคหัวใจ
- ยาต้านเชื้อราในรูปแบบทา ใช้สำหรับทาบนเล็บและผิวหนังรอบเล็บเพื่อช่วยกำจัดเชื้อรา โดยควรทายาวันละ 1 ครั้ง และควรล้างมือให้สะอาดและเช็ดให้แห้งก่อนทายา ควร
- การผ่าตัด สำหรับผู้ที่มีอาการเล็บเหลืองเนื่องจากการติดเชื้อราที่เล็บอย่างรุนแรง และไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยา อาจจำเป็นต้องรับการผ่าตัดเพื่อถอดเล็บออก และทายาต้านเชื้อราบนผิวหนังใต้เล็บโดยตรง
- หลีกเลี่ยงการทาเล็บ สำหรับผู้ที่มีอาการเล็บสีเหลืองเนื่องจากน้ำยาทาเล็บ ควรงดการทาสีเล็บอย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพื่อให้สีเล็บกลับมาเป็นปกติ
นอกจากนี้ สำหรับผู้ที่มีอาการเล็บเหลืองเนื่องจากโรคทางเดินหายใจ โรคสะเก็ดเงิน โรคเบาหวาน โรคต่อมไทรอยด์ ไซนัสอักเสบ และวัณโรค ควรรักษาโรคที่อาจเป็นสาเหตุของอาการเล็บเหลือง ซึ่งอาจแตกต่างกันออกไปตามแต่ละโรค
วิธีดูแลเล็บให้มีสุขภาพดี
วิธีดูแลเล็บให้มีสุขภาพดี อาจทำได้ดังนี้
- ตัดเล็บมือและเล็บเท้าให้สั้นในระดับที่พอเหมาะ รวมถึงทำความสะอาดบริเวณเล็บและหนังกำพร้าโดยรอบ หากเล็บแข็งเกินไปหรือตัดยาก ควรแช่มือและเท้าในน้ำอุ่นผสมเกลือประมาณ 5-10 นาที ก่อนตัดเล็บ
- ไม่ควรกัดเล็บหรือหนังกำพร้าเพราะอาจทำให้เล็บได้รับความเสียหาย
- ใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์หรือโลชั่นสำหรับบำรุงเล็บและมือเป็นประจำ
- ไม่ควรใช้เล็บเจาะ แกะ แคะ หรือเปิดของแข็งๆ เช่น กระป๋องน้ำอัดลม กระป๋องนม
- เลือกสวมรองเท้าที่พอดีกับเท้า ระบายอากาศได้ดี ไม่อับชื้น และควรสวมรองเท้าในบริเวณที่มีน้ำขังหรือมีความชื้นสูง เพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อรา เช่น รอบสระว่ายน้ำ ห้องอาบน้ำสาธารณะ