“โลหิตจาง” ควรกิน-ไม่ควรกินอะไร เพื่อบำรุงเลือดให้ได้ผล

“โลหิตจาง” ควรกิน-ไม่ควรกินอะไร เพื่อบำรุงเลือดให้ได้ผล

“โลหิตจาง” ควรกิน-ไม่ควรกินอะไร เพื่อบำรุงเลือดให้ได้ผล
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เลือดจางกินอะไร จึงจะส่งผลดีต่อสุขภาพและสามารถช่วยป้องกันโรคเลือดจางได้ อาจเป็นคำถามที่หลายคนสงสัย โดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะเลือดจาง การกินอาหารที่อุดมไปด้วยธาตุเหล็กและโฟเลต (Folate) เช่น ผักใบเขียว เนื้อสัตว์ ตับ อาหารทะเล ถั่วและเมล็ดพืช อาจช่วยบำรุงเซลล์เม็ดเลือดให้แข็งแรง และยังช่วยป้องกันภาวะเลือดจางเนื่องจากขาดโฟเลตได้อีกด้วย

เลือดจางควรกินอะไร

ผู้ที่มีภาวะเลือดจางควรกินอาหารที่อุดมไปด้วยธาตุเหล็ก ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่ช่วยบำรุงเลือด โดยอาหารที่อุดมไปด้วยธาตุเหล็ก อาจมีดังนี้

  • เนื้อสัตว์ เช่น เนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อแกะ อุดมไปด้วยโปรตีนและเหล็กที่ช่วยบำรุงเลือด
  • เครื่องใน เช่น หัวใจ ไต ลิ้นวัว ตับ อุดมไปด้วยเหล็ก และโฟเลตที่ช่วยป้องกันภาวะเลือดจาง
  • อาหารทะเลสดและอาหารทะเลกระป๋อง เช่น หอยนางรม หอยเชลล์ หอยแครง ปู กุ้ง ปลาทูน่า ปลาทู แซลมอน ปลาซาร์ดีน อุดมไปด้วยธาตุเหล็ก
  • ผักใบเขียว เช่น ผักโขม คะน้า กะหล่ำปลี บร็อคโคลี่ ผักกูด ถั่วฝักยาว ผักแว่น เห็ดฟาง พริกหวาน ใบแมงลัก ใบกะเพรา ผักปวยเล้ง อุดมไปด้วยธาตุเหล็กและโฟเลต ซึ่งมีส่วนช่วยในการบำรุงเลือด และป้องกันภาวะเลือดจางเนื่องจากการขาดโฟเลต
  • ถั่วและเมล็ดพืช เช่น เมล็ดฟักทอง เม็ดมะม่วงหิมพานต์ เมล็ดทานตะวัน ถั่วพิสตาชิโอ อัลมอนด์ ถั่วชิกพี ถั่วดำ ถั่วเหลือง ถั่วลิสง อุดมไปด้วยเหล็กที่มีส่วนช่วยในการบำรุงเลือด

อาหารที่ผู้ที่มีภาวะเลือดจางควรหลีกเลี่ยง

สำหรับผู้ที่มีภาวะเลือดจางควรหลีกเลี่ยงการกินอาหารต่อไปนี้ เนื่องจากอาจรบกวนการดูดซึมธาตุเหล็กและธาตุอาหารอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อร่างกาย เช่น

  • ชา กาแฟ นมและผลิตภัณฑ์จากนมบางชนิด
  • อาหารที่มีกรดออกซาลิก (Oxalic Acid) เช่น ถั่วลิสง ผักชีฝรั่ง ช็อกโกแลต
  • อาหารที่มีแทนนิน (Tannins) เช่น องุ่น ข้าวโพด ข้าวฟ่าง
  • อาหารที่มีไฟเตต (Phytates) หรือกรดไฟติก (Phytic Acid) เช่น ข้าวกล้อง ผลิตภัณฑ์จากข้าวสาลี

เคล็ดลับการเพิ่มธาตุเหล็กในอาหาร

สำหรับผู้ที่ไม่สามารถกินอาหารที่มีธาตุเหล็กได้อย่างเพียงพอ อาจเลือกกินอาหารเสริมที่ช่วยเสริมธาตุเหล็กให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย นอกจากนี้ การกินอาหารเสริมธาตุเหล็กให้ได้ประโยชน์สูงสุดอาจทำได้ ดังนี้

  • กินอาหารเสริมธาตุเหล็กในขณะท้องว่าง เพื่อให้ร่างกายสามารถดูดซึมธาตุเหล็กได้อย่างเต็มที่ แต่สำหรับบางคน การกินอาหารเสริมธาตุเหล็กในขณะท้องว่างอาจทำให้ปวดท้อง จึงควรกินพร้อมกับอาหารเพื่อป้องกันอาการปวดท้อง
  • กินอาหารเสริมธาตุเหล็กพร้อมกับวิตามินซี เนื่องจากวิตามินซีมีส่วนช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีขึ้น โดยควรกินอาหารเสริมธาตุเหล็กคู่กับอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินซี เช่น น้ำส้มคั้น น้ำมะนาวคั้น
  • หลีกเลี่ยงการกินอาหารเสริมธาตุเหล็กคู่กับยาลดกรด ยาลดกรดที่ช่วยบรรเทาอาการเสียดท้องอาจรบกวนการดูดซึมธาตุเหล็กได้ ดังนั้น ควรกินอาหารเสริมธาตุเหล็กหลังจากกินยาลดกรดประมาณ 2-4 ชั่วโมง

สำหรับผลข้างเคียงของอาหารเสริมธาตุเหล็ก คือ อาจทำให้อุจจาระเป็นสีดำหรืออาจทำให้บางคนมีอาการท้องผูก ซึ่งเป็นผลข้างเคียงที่ไม่อันตราย ดังนั้น คุณหมออาจแนะนำให้กินอาหารที่มีเส้นใยสูงเพิ่มขึ้นเพื่อช่วยบรรเทาอาการท้องผูก

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook