คนญี่ปุ่นแนะนำ 3 อาหารป้องกัน “สมองเสื่อม”
ในยุคที่คนมีอายุขัยเฉลี่ยสูงขึ้น สิ่งสำคัญที่คนญี่ปุ่นคำนึงถึงเป็นอย่างมากนอกเหนือจากสุขภาพกายที่แข็งแรง คือ สุขภาพสมอง จากรายงานพบว่าผู้สูงอายุญี่ปุ่น 1 ใน 6 มีภาวะสมองเสื่อม เพราะไม่อยากเป็นภาระของลูกหลานในอนาคตคนญี่ปุ่นจึงหันมาใส่ใจเรื่องการดูแลสุขภาพกายและสมองตั้งแต่อายุเริ่ม 40 ปีมากขึ้น มารู้จักอาหารที่นักวิทยาศาสตร์ด้านสมองชาวญี่ปุ่นแนะนำให้รับประทาน เพื่อป้องกันอาการหลงลืมและภาวะสมองเสื่อมกัน
ชาวญี่ปุ่นแนะนำ 3 อาหารป้องกัน “สมองเสื่อม”
- อาหารที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุสังกะสี
นอกจากอาหารหลัก 5 หมู่แล้ว สังกะสีเป็นสารอาหารที่ร่างกายขาดไม่ได้ เนื่องจากสังกะสีเป็นส่วนประกอบของเอนไซม์ในร่างกายมากกว่า 300 ชนิด และมีบทบาทสำคัญในการเจริญและการเปลี่ยนแปลงของเซลล์เพื่อทำหน้าที่ต่างๆ สมองส่วนฮิปโปแคมปัส (Hippocampus) ซึ่งเป็นส่วนที่เกี่ยวกับความจำต้องการแร่ธาตุสังกะสีในปริมาณมาก หากร่างกายขาดแร่ธาตุชนิดนี้ก็จะส่งผลให้ความจำไม่ดี และทำให้เกิดภาวะสมองเสื่อมได้
อาหารที่อุดมไปด้วยสังกะสีได้แก่ เนื้อวัว หอยนางรมและปลาไหล แต่ในความเป็นจริงคนเราไม่สามารถรับประทานอาหารเหล่านี้ได้ทุกวัน ดังนั้นอีกแหล่งอาหารที่มีสังกะสีสูง คือ อัลมอนด์ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ และถั่วต่างๆ ที่สามารถรับประทานเป็นของว่างได้ในทุกวัน
- รับประทานน้ำตาลฟรุกโตโอลิโกแซคคาไรด์แทนน้ำตาล
เมื่อรับประทานขนมหรืออาหารที่มีส่วนประกอบของน้ำตาลหรืออาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาล (Glycemic index, GI) สูง จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงขึ้นและลดต่ำลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลทำให้สมองขาดพลังงานและทำให้เกิดการขาดสมาธิและรู้สึกหงุดหงิด ในขณะที่อาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำซึ่งไม่ทำให้เกิดการเพิ่มและลดของน้ำตาลในเลือดอย่างรวดเร็วจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมอง
น้ำตาลฟรุกโตโอลิโกแซคคาไรด์มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ ที่ไม่ถูกย่อยสลายด้วยเอนไซม์ย่อยอาหาร และไม่ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย น้ำตาลชนิดนี้จะถูกส่งโดยตรงไปยังลำไส้ใหญ่ น้ำตาลชนิดนี้จะทำให้ร่างกายรู้สึกรับรสหวานและส่งสัญญาณให้สมองหลั่งฮอร์โมนบีต้า เอนโดรฟิน (β-endorphin) ซึ่งส่งผลในการบรรเทาความเครียด ทำให้กายและใจรู้สึกผ่อนคลาย โดยสรุปคือ แม้ว่าการรับประทานขนมหวานที่มีส่วนประกอบของน้ำตาลทั่วไปจะทำให้คนเรามีความสุข แต่น้ำตาลทั่วไปจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มและลดลงอย่างรวดเร็วซึ่งส่งผลเสียต่อสมอง น้ำตาลฟรุกโตโอลิโกแซคคาไรด์ เป็นทางเลือกที่ทำให้ร่างกายผ่อนคลายมีความสุขที่ส่งผลดีต่อสมองในระยะยาว โดยน้ำตาลชนิดนี้มีมากในหอมหัวใหญ่และกล้วย และมีจำหน่ายทั่วไปตามซูเปอร์มาร์เก็ต
- รับประทานเส้นใยอาหารวันละ 25 กรัม สำหรับผู้หญิง และ 38 กรัม สำหรับผู้ชาย
เส้นใยอาหารที่รับประทานเข้าสู่ร่างกายจะเป็นอาหารของแบคทีเรียชนิดดีในลำไส้ และช่วยขับของเสียออกจากร่างกายผ่านทางอุจจาระ ทำให้สภาพแวดล้อมในลำไส้ดี ปัจจุบันคนญี่ปุ่นได้ตระหนักว่าลำไส้และสมองมีความสัมพันธ์กัน หากลำไส้ดีจะทำให้สภาวะของสมองดี และหากสภาวะแวดล้อมในลำไส้แย่ ก็จะทำให้สมองหลั่งฮอร์โมนแห่งความสุข คือ เซโรโทนิน (Serotonin) ได้ต่ำ ซึ่งส่งผลในการทำลายสภาวะในสมอง การรับประทานผักและผลไม้ที่มีเส้นใยอาหารในปริมาณวันละ 25 กรัม สำหรับผู้หญิงและ 38 กรัม สำหรับผู้ชาย จะช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อมได้
สุขภาพกาย ใจ และสมองที่ดีจะส่งผลให้เรากลายเป็นผู้สูงอายุที่มีความสุขและไม่เป็นภาระต่อลูกหลานในอนาคตข้างหน้า หลังจากอ่านบทความนี้แล้วก็ชวนกันมาใส่ใจดูแลสุขภาพสมองจากการรับประทานอาหารที่ดีต่อสมองเป็นประจำกัน