ท้องเฟ้อ เรอ ผายลมบ่อย เป็นโรคอะไรหรือไม่

ท้องเฟ้อ เรอ ผายลมบ่อย เป็นโรคอะไรหรือไม่

ท้องเฟ้อ เรอ ผายลมบ่อย เป็นโรคอะไรหรือไม่
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
  • แม้ภาวะท้องเฟ้อ เรอ ตด เป็นเพียงอาการ ซึ่งไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่หากพบความผิดปกติร่วมกับอาการอื่นๆ อาจบ่งบอกถึงโรคร้ายที่ซ่อนอยู่ในระบบทางเดินอาหาร เช่น โรคแผลในกระเพาะอาหาร กระเพาะอาหารอักเสบ หรือมะเร็งกระเพาะอาหาร ได้ 
  • ภาวะท้องอืด ท้องเฟ้อ มากกว่า 50% ไม่สามารถระบุสาเหตุได้ แพทย์จะให้การรักษาด้วยการรับประทานยา รวมถึงปรับเปลี่ยนอาหารและพฤติกรรม  แต่หากพบว่ามีอาการนานเกินกว่า 2 สัปดาห์ รับประทานยาแล้วไม่ดีขึ้น เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ซีด ตัวเหลือง อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคร้าย ซึ่งต้องตรวจเพิ่มเติมอย่างละเอียด  
  • หากพบปัญหาท้องเฟ้อ เรอบ่อย ตดบ่อย หรือมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น แสบร้อนกลางอก ปวดเกร็งท้อง เจ็บหน้าอก ถ่ายเป็นเลือด ควรพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยอย่างถูกต้อง 

ปัจจุบันนี้การใช้ชีวิตของคนเราเปลี่ยนไปอย่างมากจากเมื่อก่อน ทั้งความเครียด อาหารการกิน การออกกำลังกาย รวมถึงไลฟ์สไตล์และความเร่งรีบในแต่ละวัน โรคในระบบทางเดินอาหารจึงเป็นโรคที่พบได้บ่อยขึ้น

นพ. ณัฐวุฒิ สิริมนตาภรณ์ แพทย์ชำนาญการด้านโรคระบบทางเดินอาหาร รพ. สมิติเวช สุขุมวิท ระบุว่า ระบบทางเดินอาหารของคนเรา นับตั้งแต่ช่องปาก หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ ทวารหนัก รวมถึงอวัยวะที่ช่วยผลิตน้ำย่อย ได้แก่ ตับและถุงน้ำดี  ดังนั้นหากเกิดความผิดปกติขึ้นกับอวัยวะใดอวัยวะหนึ่ง ระบบทางเดินอาหารก็จะเริ่มแสดงอาการต่างๆ แม้อาการแสดงออกจะเป็นเพียงอาการท้องเฟ้อ เรอ ผายลม ซึ่งไม่ได้รุนแรง แต่ก็อาจรบกวนการดำเนินชีวิตประจำวันและสร้างความกังวลใจ หรืออาจเป็นสัญญาณเตือนโรคในระบบทางเดินอาหาร เช่น โรคแผลในกระเพาะอาหาร  กระเพาะอาหารอักเสบ พยาธิในทางเดินอาหาร  อาการแสบบริเวณหน้าอกซึ่งอาจเป็นอาการของโรคกรดไหลย้อน หรือโรคร้ายแรงอย่าง มะเร็งกระเพาะอาหาร ได้ 

ท้องอืด ท้องเฟ้อ

ท้องอืด ท้องเฟ้อ คืออาการของภาวะอาหารไม่ย่อย (Dyspepsia) ซึ่งพบบ่อยมากถึง 25% ของคนทั่วไป จะทำให้รู้สึกปวดท้องช่วงบน เนื่องจากระบบการย่อยไม่ปกติ ส่งผลให้ท้องอืด จุกเสียดแน่นท้องและอึดอัด ไม่สบายตัว   โดยอาการมักดีขึ้นและหายได้เอง หรือบางคนอาจมีอาการเรื้อรังจนไม่สามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติ  

สาเหตุของอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ

มากกว่า 50% ไม่สามารถระบุสาเหตุของภาวะท้องอืดท้องเฟ้อได้ แพทย์จะให้การรักษาด้วยการรับประทานยา รวมถึงปรับเปลี่ยนอาหารและพฤติกรรม  อย่างไรก็ตาม หากพบว่ามีอาการนานเกินกว่า 2 สัปดาห์ รับประทานยาแล้วไม่ดีขึ้น รวมถึงเบื่ออาหาร น้ำหนักลด ซีด ตัวเหลือง อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคร้ายอื่นๆ ซึ่งต้องมีการตรวจเพิ่มเติมอย่างละเอียด นอกจากนี้อาการท้องอืดท้องเฟ้ออาจมาสาเหตุและปัจจัยอื่นๆ ดังนี้ 

  • โรคประจำตัว ภาวะอาหารไม่ย่อยอาจเกิดจากผลข้างเคียงของโรคเรื้อรัง เช่น โรคกระเพาะอาหารอักเสบ กระเพาะเป็นแผล การติดเชื้อพยาธิ มะเร็งทางเดินอาหารหรือลำไส้ โรคลำไส้แปรปรวน หรือเป็นการทำงานที่ผิดปกติของลำไส้ นอกจากนี้โรคทางร่างกายอื่นๆ ก็สามารถทำให้เกิดอาการท้องอืดร่วมด้วย เช่น โรคไทรอยด์และโรคเบาหวาน เป็นต้น   
  • อาหาร อาการท้องอืดท้องเฟ้อ รู้สึกมีลมในกระเพาะอาหาร จนอึดอัดไม่สบายตัว  อาจเกิดจากอาหาร เช่น ผักผลไม้ที่มีเส้นใยมาก หากรับประทานมากเกินอาจทำให้เกิดอาการท้องอืดได้ นอกจากนี้ อาหารเผ็ด แอลกอฮอล์ อาหารไขมันสูง นมและกาแฟ และพฤติกรรมการรับประทานก็มีผลทำให้ท้องอืดท้องเฟ้อได้เช่นกัน โดยเฉพาะการรับประทานอาหารเร็วเกินไป เคี้ยวน้อยและรับประทานอาหารมากเกินไป   
  • ยา การรับประทานยาบางประเภทอาจส่งผลให้เกิดการระคายเคืองของทางเดินอาหาร เช่น ยานอนหลับ ยากล่อมประสาท ยาคลายเครียด  และยาปฏิชีวนะบางชนิด  

อาการเรอ

เรอ เป็นการขับลมจากกระเพาะอาหาร ผ่านหลอดอาหารออกมาทางปาก อาจมีแค่เสียง หรือเรอออกมาพร้อมกลิ่นอาหาร เป็นหนึ่งในอาการที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะผู้ที่ชอบรับประทานอาหารเร็วและมากเกินจำเป็น

เมื่อเรอออกมา อาจช่วยให้รู้สึกดีขึ้น แต่หากเรอบ่อยๆ อาจเป็นสัญญาณเตือนโรคระบบทางเดินอาหารบางชนิด โดยเฉพาะเรอเปรี้ยว ขมปากและมีอาการแสบร้อนกลางอก  อาจเป็นจุดเริ่มต้นของโรคกรดไหลย้อน ซึ่งสามารถเกิดได้กับทุกช่วงวัยและกลุ่มที่มีความเสี่ยง เช่น มีน้ำหนักมาก หญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่ดื่มสุราหรือสูบบุหรี่เป็นประจำ

สาเหตุของอาการเรอ

เกิดจากมีลมในกระเพาะอาหารมาก ทำให้กระเพาะอาหารพองตัวและขับลมออกมา   ซึ่งการเกิดลม หรือแก๊สในกระเพาะ  เกิดได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้ 

  • กลืนลมหรืออากาศโดยไม่รู้ตัว เช่น รับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มเร็วเกินไป พูดคุยระหว่างมื้ออาหาร การสูบบุหรี่  
  • รับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่ทำให้เกิดแก๊ส เช่น อาหารไขมันและคาร์โบไฮเดรทสูง ยีสต์ ถั่วชนิดต่างๆ น้ำอัดลม และแอลกอฮอล์   
  • ยาบางชนิดหากใช้ในปริมาณมาก อาจส่งผลให้กระเพาะอาหารเกิดการอักเสบ ทำให้เรอบ่อย เช่น ยารักษาโรคเบาหวาน   ยาระบาย   ยาแก้ปวด  
  • โรคประจำตัว ทำให้ เรอบ่อย หรือมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น เจ็บหน้าอก จุกแน่นลิ้นปี่ อาจเป็นโรคกรดไหลย้อน หรือโรคกระเพาะ  นอกจากนี้อาการเรอบ่อยอาจมาจากโรคอื่นๆ  เช่น โรคตับอ่อน ที่ไม่สามารถผลิตน้ำย่อยออกมาย่อยอาหาร   
  • ความเครียด ภาวะความกดดันสูง  ความวิตกกังวล หรือปัจจัยกระตุ้นอื่นๆ    

ตด หรือ ผายลม

ตด หรือผายลม เป็นการปล่อยแก๊สในลำไส้ออกทางทวารหนัก ซึ่งเป็นผลมาจากกระบวนการสะสมในระบบย่อย อาจมีเฉพาะเสียง กลิ่น หรือทั้งสองอย่าง   ทางการแพทย์ระบุว่ามนุษย์ต้องตดเฉลี่ยวันละ 10-20 ครั้ง  ซึ่งเป็นเรื่องธรรมชาติเป็นการระบายแก๊สที่สะสมอยู่ในร่างกายที่อาจส่งผลให้ท้องอืด แต่หากมีกลิ่นและเสียงผิดปกติ หรือเกิดขึ้นพร้อมกับอาการทางเดินอาหารอื่นๆ  อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าระบบการย่อยมีความผิดปกติ หรืออาจบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพได้ เช่น โรคเบาหวาน  โรคตับ โรคลำไส้อักเสบ

สาเหตุของการผายลม

  • อาหารบางชนิดที่ทำให้เกิดแก๊สมาก เช่น อาหารโปรตีนสูง เนื้อสัตว์ ไข่ ถั่ว น้ำอัดลมและแอลกอฮอล์ สำหรับอาหารที่ทำให้ตดมีกลิ่นรุนแรง เช่น คะน้า กะหล่ำปลี หน่อไม้ฝรั่งและผักที่มีกลิ่นแรง  
  • การกลืนอากาศระหว่างการเคี้ยวอาหาร หายใจ สูบบุหรี่   
  • โรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคตับ โรคลำไส้อักเสบ   
  • อาหารไม่ย่อย   
  • รับประทานอาหารในปริมาณมากและเร็วเกินไป   

ลมในท้องเยอะ ตดบ่อย ทำอย่างไร และวิธีป้องกันปัญหาท้องเฟ้อ เรอบ่อย แน่นท้อง

ทั้งปัญหาท้องเฟ้อ เรอ ตด เกิดจากสาเหตุคล้ายคลึงกัน  การป้องกันจึงสามารถทำได้คล้าย ๆ กัน ดังนี้ 

  • หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดกรดและแก๊ส เช่น อาหารไขมันสูง ย่อยยาก ถั่ว และผักตระกูลกะหล่ำ รวมถึงกาแฟ น้ำอัดลม และแอลกอฮอล์  
  • รับประทานอาหารแต่ละครั้งไม่มากเกินไป 
  • ลดการพูดคุยในระหว่างมื้ออาหาร 
  • หลีกเลี่ยงอาหารที่แพ้ หรืออาหารที่ร่างกายย่อยไม่ได้ 
  • ไม่รีบรับประทานอาหารและเคี้ยวอาหารให้ละเอียด 
  • หลีกเลี่ยงการล้มตัวลงนอน หรืออยู่ในท่าก้มงอตัว หรือรัดเข็มขัดแน่นเกินไป หลังรับประทานอาหาร 
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ โดยเฉพาะหากต้องทำงานแบบนั่งโต๊ะเป็นประจำ   
  • งดสูบบุหรี่ 
  • ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรหากพบว่าสาเหตุของอาการดังกล่าวมาจากยา 
  • ดูแลและควบคุมโรคประจำตัว โดยพบแพทย์ตามนัด 
  • หากพบปัญหาท้องเฟ้อ เรอ ผายลม ที่ผิดปกติหรือมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น แสบร้อนกลางอก ปวดเกร็งท้อง เจ็บหน้าอก ถ่ายเป็นเลือด ควรพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยอย่างถูกต้อง 

การรักษาภาวะท้องเฟ้อ เรอ ตด

แม้ภาวะท้องเฟ้อ เรอ ตด จะเป็นเพียงอาการ ซึ่งไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่หากพบความผิดปกติร่วมกับอาการอื่นๆ อาจบ่งบอกถึงโรคร้ายที่ซ่อนอยู่ในระบบทางเดินอาหาร หรืออาจพัฒนาไปสู่โรคอื่นๆ ได้ ดังนั้นควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัย และรักษาอย่างมีประสิทธิภาพ   

สำหรับผู้ที่ไม่มีข้อบ่งชี้ว่าเป็นโรคที่อันตราย แพทย์อาจรักษาโดยการให้รับประทานยาแนะนำการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการรับประทานอาหาร  รวมถึงนัดเพื่อติดตามอาการเป็นระยะ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook