อันตราย! หากคิดอยาก "ฝ่าไฟแดง"

อันตราย! หากคิดอยาก "ฝ่าไฟแดง"

อันตราย! หากคิดอยาก "ฝ่าไฟแดง"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

อ.พญ.เจนจิต  ฉายะจินดา
หน่วยโรคติดเชื้อทางนรีเวชและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สตรี
ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา  
Faculty of Medicine Siriraj Hospital
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

 

           

“ฝ่าไฟแดง” เป็นคำที่สามารถใช้หมายถึงการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างการมีประจำเดือน   สตรีวัยรุ่นร้อยละ 2.4-4 และสตรีวัยผู้ใหญ่ร้อยละ 25-30  ตอบในแบบสอบถามว่าตนมีความสัมพันธ์ทางเพศขณะมีประจำเดือน  โดยพบว่ากลุ่มวัยผู้ใหญ่มักเป็นกลุ่มที่มีการศึกษาดี รายได้ดี และไม่รังเกียจความสกปรกของเลือด  บางคนเชื่อว่า เลือดช่วยเป็นสารหล่อลื่นในการมีเพศสัมพันธ์และการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงนี้ถือเป็นการคุมกำเนิดไปในตัว  ในขณะเดียวกัน ก็มีผู้หญิงอีกจำนวนมากที่คิดว่าพฤติกรรมดังกล่าวเป็นสิ่งต้องห้าม  น่ารังเกียจ

จากการศึกษาพบว่า  พฤติกรรมนี้สัมพันธ์กับการถ่ายทอดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น หนองใน หนองในเทียม พยาธิในช่องคลอด หูดหงอนไก่ เป็นต้น อย่างชัดเจนประมาณ 3เท่า  เนื่องมาจาก 2 สาเหตุ  ได้แก่

เหตุผลแรกคือ ระหว่างการมีประจำเดือน ปากมดลูกจะเปิดออกเพื่อให้เลือดประเดือน และเยื่อบุโพรงมดลูกออกมา  การเปิดของปากมดลูกนี้ทำให้เชื้อแบคทีเรียประจำถิ่นในช่องคลอดเองและจากการมีเพศสัมพันธ์สามารถเดินทางขึ้นไปในโพรงมดลูกได้ง่ายขึ้น  นอกจากนี้ธาตุเหล็กที่อยู่ในเลือดประจำเดือนจะส่งเสริมการเจริญเติบโตของเชื้อหนองในได้ดีเป็นพิเศษ  และการที่เยื่อบุโพรงมดลูกลอกหลุดเชื้อก็จะสามารถเข้าสู่กระแสเลือดได้มากขึ้น  เกิดการติดเชื้อลุกลามได้    

เหตุผลที่สองคือ ภูมิต้านทานในร่างกายต่อเชื้อแบคทีเรีย รา และไวรัส จะทำงานแย่ลงตั้งแต่ด่านแรกของร่างกายไปจนถึงการตอบสนองขั้นต่อๆ ไป   โดยทั่วไปร่างกายจะมีกลไกป้องกันตนเองหลายชั้น  ชั้นแรกจะเป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติ  เกิดขึ้นทันที  จากนั้นจะมีการส่งต่อข้อมูลคล้ายกับการวิ่งผลัดไปจนถึงศูนย์บัญชาการแล้วศูนย์นั้นจะส่งสารออกมาทำลายเชื้อโรคอย่างมากและจำเพาะ  ดังนั้นการมีการติดเชื้อในช่วงนี้สามารถทำให้เกิดอาการอักเสบภายหลังหมดประจำเดือนไปแล้วได้ถึง 1-2สัปดาห์

สำหรับการติดเชื้อบางอย่างที่ข้อมูลยังไม่ชัดเจน  อาทิ การติดเชื้อเอชไอวี  ซึ่งโดยปกติ การมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอดในช่วงที่ไม่มีประจำเดือน  ฝ่ายหญิงมีโอกาสติดจากฝ่ายชาย 10 ใน 10000  ในขณะที่ฝ่ายชายมีโอกาสติดจากฝ่ายหญิง 5 ใน 10000 เมื่อมีเลือดและสารคัดหลั่งออกมาอย่างมากอัตราการติดเชื้อน่าจะเพิ่มขึ้นทั้งสองฝ่ายอย่างมหาศาล  แต่ข้อมูลในปัจจุบันก็ยังขัดแย้งกันอยู่

เชื้อเริมถือว่าเป็นเชื้อที่มีการถ่ายทอดได้ง่ายอยู่แล้ว  ทั้งขณะมีและไม่มีรอยโรค  ดังนั้น การมีเพศสัมพันธ์ระหว่างมีประจำเดือนจึงไม่ได้เพิ่มการถ่ายทอดเชื้ออย่างชัดเจน  อย่างไรก็ตาม โรคเริมมักกลับเป็นซ้ำมากช่วงมีประจำเดือนเพราะภูมิต้านทานร่างกายอ่อนแอลง  ความแสบร้อนจนรำคาญจากรอยโรคจะช่วยให้ผู้ป่วยงดความสัมพันธ์ทางเพศ (ชั่วคราว) โดยอัตโนมัติ

จะเห็นได้ว่าการมีพฤติกรรมดังกล่าวเป็นความเสี่ยงต่อสุขอนามัยสตรีไม่มากก็น้อย  ดังนั้น  จึงควรหลีกเลี่ยงโดยการพูดคุยกับคู่สมรสของตนให้เข้าใจตรงกันเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมา  สำหรับผู้ที่อยู่ในกลุ่มนิยมการมีเพศสัมพันธ์ในระหว่างการมีประจำเดือน มีข้อควรคำนึงคือ  คุณและคู่นอนของคุณจะต้องไม่เป็นผู้มีความสำส่อนทางเพศ  และควรเฝ้าสังเกตความผิดปกติที่เกิดขึ้นในร่างกายให้ดีเพื่อเข้ารับการรักษาอย่างทันท่วงที

หากท่านมีข้อสงสัยใดหรือต้องการรับคำปรึกษาเพิ่มเติม  กรุณาติดต่อได้ที่ หน่วยโรคติดเชื้อทางนรีเวชและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สตรี (คลินิก 309) โทรศัพท์ 02-412-9689 หรือ 02-419-7377  เวลา  07.00-15.30 น.

 

 

ขอบคุณเนื้อหาจาก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
ภาพประกอบจาก istockphoto

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook