อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ไม่สดชื่น ต้องรู้จัก “เฟอซัลไทอามีน"

อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ไม่สดชื่น ต้องรู้จัก “เฟอซัลไทอามีน"

อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ไม่สดชื่น ต้องรู้จัก “เฟอซัลไทอามีน"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ในยุคที่ต้องแอ็กทีฟตลอดเวลา ไม่ว่าจะเรื่องเรียน หรือทำงาน ต้องใช้พลังกาย พลังใจ พลังสมองอย่างหนัก แถมบางทียังพักผ่อนน้อย นอนหลับไม่เป็นเวลากันอีกด้วย เจอแบบนี้…ความเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย ไม่สดชื่น เหนื่อยง่าย ไม่ค่อยมีแรง อาการเหล่านี้เกิดขึ้นแน่

อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ไม่สดชื่น ต้องรู้จักกับ “วิตามินบี 1”

วิตามินบี 1 เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ต้องรับประทานจากอาหาร หรืออาหารเสริมเท่านั้น โดยวิตามินบี 1 มีประโยชน์ในการช่วยเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน และน้ำตาล แล้วแปลงเป็นพลังงานให้กับร่างกาย มีส่วนช่วยสำคัญต่อการบำรุงระบบประสาท บำรุงหัวใจและกล้ามเนื้อ

หากไม่ได้รับวิตามินบี 1 อย่างเพียงพอ ร่างกายอาจเกิดอาการเหน็บชา ชาตามปลายมือและปลายเท้า อ่อนเพลีย เป็นตะคริวได้ง่าย หอบเหนื่อย หัวใจเต้นเร็ว หงุดหงิดง่าย ท้องผูก และเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ

ทำยังไง? ถึงจะได้รับวิตามินบี 1 ได้เต็มที่

ปกติร่างกายของคนเราสามารถดูดซึมวิตามินวิตามินบี 1 (Thiamine) ได้ค่อนข้างยาก แต่ถ้าเป็นอนุพันธ์วิตามินบี 1 เฟอซัลไทอามีน (Fursulthiamine) ที่คิดค้นโดยประเทศญี่ปุ่น มีการเพิ่มความเป็นไขมันมากขึ้นโดยเติมโครงสร้างที่เป็นไลโปฟิลิค (Lipophilic) เข้าไป ทำให้เฟอซัลไทอามีน สามารถดูดซึมได้ดีกว่าวิตามินบี 1 ถึง 7 เท่า

วิตามินบี 1 เติมพลังงานให้เซลล์ร่างกายทั่วไป

เฟอซัลไทอามีน เติมพลังได้ดีกว่า เพราะสามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้มากกว่าถึง 7 เท่า บำรุงลึกถึงเซลล์สมองและกล้ามเนื้อ

วิตามินบี 1 บรรเทาอาการอ่อนเพลียได้

เฟอซัลไทอามีน บรรเทาได้ทั้งอาการอ่อนเพลีย อาการชา และอาการเมื่อยกล้ามเนื้อ

ยิ่งเมื่อเฟอซัลไทอามีน ได้ทำงานร่วมกับวิตามิน บี 6  บี12 แคลเซียมแพนโททีเนท และวิตามิน อี เซลล์ต่างๆ ในร่างกาย รวมถึงเซลล์กล้ามเนื้อและสมองได้รับพลังงานอย่างเต็มที่

6 เคล็ดลับช่วยฟื้นฟูอาการอ่อนเพลีย เพิ่มพลังในแต่ละวัน 

  1. วางแผนการกิน เพื่อให้ร่างกายกระฉับกระเฉงตลอดทั้งวัน โดย แบ่งมื้อย่อยกินทุกๆ 3-4 ชั่วโมง เน้นโปรตีน คาร์โบไฮเดรต เน้นอาหารที่ใยอาหารสูง
  2. ดื่มน้ำให้เพียงพอ สามารถเช็กการดื่มน้ำว่าเพียงพอหรือไม่ ด้วยการสังเกตว่าคุณจะต้องปัสสาวะทุกๆ 2-3 ชั่วโมงระหว่างวัน หากปัสสาวะมีสีเข้มมาก นั่นก็บอกได้ว่าคุณดื่มน้ำน้อยเกินไป
  3. นอนหลับอย่างมีคุณภาพ ควรเข้านอนเวลาเดิมทุกครั้ง หากเข้านอนและตื่นในเวลาที่แตกต่างกันตลอดทั้งสัปดาห์ ก็จะทำให้รู้สึกเหนื่อยล้ามากขึ้น
  4. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ แม้ว่าจะรู้สึกเหนื่อย แต่การออกกำลังกายจะช่วยทำให้รู้สึกตื่นตัว ลดความง่วงนอน และอ่อนล้าได้
  5. ควบคุมความเครียด ยิ่งเครียด ยิ่งอ่อนล้า ยิ่งนอนไม่หลับ ต้องหาวิธีจัดการกับความเครียด ด้วยกิจกรรมหรืองานอดิเรกที่ชื่นชอบ
  6. หากทำได้ไม่สม่ำเสมอ ยังรู้สึกอ่อนเพลียระหว่างวัน เหนื่อยง่าย เครียด หรือมีอาการชาบริเวณปลายมือ ปลายเท้า ลองทำความรู้จักกับ “อนุพันธ์วิตามินบี 1” ตัวช่วยในการแก้ไขและฟื้นฟูอาการต่างๆ เติมพลังให้ร่างกาย บำรุงลึกถึงสมองและกล้ามเนื้อ

ใช้ชีวิตอย่างแอ็กทีฟขั้นสุดแล้ว ก็อย่าลืมใส่ใจดูแลสุขภาพตัวเองด้วย แต่ถ้าทำตามวิธีที่แนะนำแล้วไม่ดีขึ้น แนะนำให้ไปปรึกษาแพทย์ เพื่อทำการวินิจฉัยและรักษาได้อย่างถูกวิธี

 
ศึกษาต่อเพิ่มเติมได้ที่ 
https://www.facebook.com/alinaminclub

 

 

[Advertorial]

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook