แพทย์ตอบปัญหา “ยาแจกฟรีหลังบริจาคเลือด ไม่ทานได้ไหม?”
ใครที่เคยไปบริจาคเลือดที่สภากาชาดไทย คงจะเคยได้รับซองยาสีขาวบรรจุเม็ดยาสีแดงเอาไว้เต็มถุง โดยให้นำกลับไปทานที่บ้านฟรี เฟซบุ๊ค “หมอแล็บแพนด้า” หรือ ทนพ. ภาคภูมิ เดชหัสดิน นักเทคนิคการแพทย์ สังกัดสภากาชาดไทย กล่าวถึงเจ้ายาถุงนี้เอาไว้ว่า เป็น “ยาเสริมธาตุเหล็ก” ทำไมคนที่บริจาคเลือดต้องเสริมธาตุเหล็ก แล้วถ้าเราไม่ทานจะเป็นอันตรายอะไรต่อร่างกายหรือไม่ ไปอ่านคำตอบของนักเทคนิคการแพทย์กันค่ะ
ยาที่ได้รับแจกฟรีๆหลังบริจาคเลือดที่จริงแล้วก็คือ ยาเสริมธาตุเหล็ก นั่นเองครับ (Ferrous Fumarate 200 mg ผสมวิตามิน B1 , B12 และวิตามิน C) ยาบางแห่งก็อาจแตกต่างจากนี้ได้ แต่ก็คือยาเสริมธาตุเหล็กเหมือนๆกันนั่นแหละ
เอ๊ แล้วทำไมต้องเสริมธาตุเหล็ก?
เหตุผลก็เพราะว่าธาตุเหล็กเป็นส่วนประกอบสำคัญที่อยู่ในเม็ดเลือดแดงไงครับ ในการบริจาคโลหิตแต่ละครั้งเราจะเสียธาตุเหล็กไปประมาณ 200-250 มิลลิกรัม หากเราวัดความเข้มข้นโลหิตทันทีหลังบริจาคเลือด จะพบว่าลดลง 0.5กรัม/เดซิลิตร พูดแบบบ้านๆก็คือ เลือดจางลงทันที 0.5 เช่น ถ้าตอนแรกเราวัดความเข้มข้นของเลือดได้ 13 กรัม/เดซิลิตร พอบริจาคเสร็จปุ๊บ ความเข้มข้นของเลือดก็อาจจะเหลือ 12.5 ทันที โดยเฉพาะผู้หญิงจะมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะซีดหรือโลหิตจางได้ง่าย เนื่องจากการมีประจำเดือนทุกเดือน
แต่ก็ไม่ต้องตกใจครับ เขาศึกษากันมาแล้วว่า ธาตุเหล็กที่สูญเสียไปจะสามารถทดแทนได้ด้วยการกินอาหารไทยๆตามปกตินี่แหละ ถ้ากินอาหารที่มีประโยชน์ในช่วงระยะเวลา 3 เดือน ความเข้มข้นของเลือดจะกลับมาเป็นปกติได้ ยังไงก็ตาม คนที่กินยาเสริมธาตุเหล็ก 30 เม็ด ในเวลา 1 เดือนจะสามารถเพิ่มระดับความเข้มข้นของเลือดได้ดีกว่ากลุ่มที่เลือกทานอาหารเพียงอย่างเดียวโดยไม่กินยา
อ่านมาถึงตรงนี้ แสดงว่าถ้าเราทานยาที่เขาแจกมาให้ฟรีๆก็น่าจะดีเนาะ ไม่ใช่ขาดเหล็กต้องไปกินเหล็กเส้นตามร้านวัสดุก่อสร้างเจ๊จูเด้อ 5555555
____________________
ขอบคุณเนื้อหาจาก เฟซบุ๊ค “หมอแล็บแพนด้า”