ลองมั้ย? “พาเลโอ ไดเอท” สูตรลดความอ้วนแบบ “มนุษย์ถ้ำ” !

ลองมั้ย? “พาเลโอ ไดเอท” สูตรลดความอ้วนแบบ “มนุษย์ถ้ำ” !

ลองมั้ย? “พาเลโอ ไดเอท” สูตรลดความอ้วนแบบ “มนุษย์ถ้ำ” !
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กระแสรักสุขภาพยังแรงต่อเนื่อง เทรนด์การลดความอ้วนใหม่ๆ ก็ได้รับการพูดถึงมากขึ้นเรื่อยๆ วันนี้เราเลยมีอีกหนึ่งเทรนด์รักสุขภาพมาแนะนำให้รู้จัก แต่ขอบอกเลยว่าสำหรับสายโหดเท่านั้น!

ขอแนะนำให้รู้จักกับ “พาเลโอ ไดเอท” (Paleo Diet) วิถีการกินตามแบบฉบับของมนุษย์ถ้ำ เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น ลองนึกย้อนกลับไปในยุคที่บรรพบุรุษของเรายังใช้ชีวิตกันแบบชนเผ่า ดำรงชีพด้วยการเข้าป่าล่าสัตว์ เก็บผลไม้ วิธีการปรุงอาหารก็ไม่ซับซ้อน มีแค่การย่างให้สุกเท่านั้น

แน่นอนว่าบรรดาสรรพสัตว์ในยุคนั้น เกิดและโตตามธรรมชาติ ไม่ได้โตขึ้นมาในระบบฟาร์มปศุสัตว์ ดังนั้น ตัดปัญหาเรื่องไขมันส่วนเกินไปได้เลย ส่วนอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตก็แทบจะไม่มีให้กิน เพราะอาหารจำพวกแป้งหรือข้าว ต้องมาจากกระบวนการเพาะปลูก ผ่านกระบวนการผลิตที่มีเทคโนโลยีเข้ามาเป็นองค์ประกอบหลักๆ

“มนุษย์ถ้ำ” หรือบรรพบุรุษของเราจึงร่างกายฟิตปั๋ง เพราะทานแต่อาหารไขมันต่ำ ใช้ชีวิตแบบแอคทีฟกันตลอดเวลา ถือเป็นสูตรการดูแลสุขภาพในอุดมคติสำหรับคนในยุคเรา

ไอเดียตั้งต้นของพาเลโอ ไดเอท คือความเชื่อที่ว่าวิถีการบริโภคในสมัยใหม่นี่แหละ คือตัวการของปัญหาสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นเบาหวาน ความดัน ไขมันอุดตันในเส้นเลือด โรคอ้วน มะเร็ง ฯลฯ หรือก็คือกลุ่มโรคไม่ติดต่อ (Non-communicable diseases หรือ NCD) นั่นเอง

ลองคิดๆ ย้อนกลับไปแล้วก็เห็นด้วย เพราะงานวิจัยด้านสุขภาพหลายๆ ฉบับชี้ให้เห็นว่า คนยุคเราๆ จะมีความเสี่ยงกับโรค NCD หรือกลุ่มโรคไม่ติดต่อมากขึ้นเรื่อยๆ และชัดเจนเลยว่าอาหารที่กินเข้าไปและวิธีใช้ชีวิตที่วนเวียนอยู่กับการนั่งๆ นอนๆ นี่แหละ คือสาเหตุหลัก

เช้ามาก็ปาท่องโก๋จิ้มนมข้นหวาน กาแฟใส่ครีมเทียมพร้อมน้ำตาล ข้าวราดแกงก็เต็มไปด้วยอาหารจำพวกผัดๆ ทอดๆ ตกดึกก็ออกไปปาร์ตี้ ดื่มของมึนเมา เสาร์อาทิตย์ก็บุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างมีแต่ชิ้นเนื้อติดมัน ยังไม่นับของว่างระหว่างมื้อที่มีแต่น้ำตาล...กินแบบนี้จะเอาอะไรมาผอม ลองถามใจดู...

สำหรับคนที่อยากลองลดความอ้วนด้วยพาเลโอ ไดเอทจะกินอาหารได้อยู่ไม่กี่อย่าง หลักๆ แล้วก็คือ เนื้อ (ถ้าจะให้เป็นมนุษย์ถ้ำ 100% ก็ต้องใช้เนื้อของสัตว์ที่กินหญ้าเป็นอาหารเท่านั้น) ไข่ ปลา ผักสด ผลไม้ ถั่ว เมล็ดธัญพืช เพราะทั้งหมดนี้คืออาหารที่หาได้ตามธรรมชาติ และกินได้โดยไม่ต้องผ่านกรรมวิธีการปรุงที่ซับซ้อน บางอย่างกินแบบดิบๆ เลยก็ยังได้

ถ้าจะกินแบบมนุษย์ถ้ำ ต้องลืมน้ำตาล เกลือ ขนมปัง น้ำมัน และอะไรทำนองนี้ไปให้หมด เพราะมันไม่มีในยุคนั้น

พอพูดถึงวิธีลดความอ้วน หลายๆ คนก็อาจจะนึกถึงตารางอาหาร 7 วัน ตั้งแต่มื้อเช้า กลางวัน เย็น แต่สำหรับพาเลโอ ไดเอท จะไม่มีตารางแบบนั้น เนื่องจากมันเป็นการเลือกกินเฉพาะอาหารบางอย่าง ไม่จำเป็นต้องมีตารางก็ได้ คุณแค่รู้ว่าอะไรที่กิน อะไรที่ไม่ควรกิน เท่านั้นเอง

นอกจากนี้ เรายังไม่แนะนำให้ทำตามสูตรลดความอ้วนประเภท 3 วัน 7 วัน เพราะในช่วง 7 วันที่คุณกินตามสูตร คุณอาจจะน้ำหนักลดลง แต่พอถึงวันที่ 8 และวันต่อๆ ไป ที่คุณกลับมากินตามปกติ น้ำหนักก็จะกลับมา ถ้าโชคร้ายหน่อยอาจจะมีโยโย่เอฟเฟกต์เป็นของแถมด้วย

พูดง่ายๆ คือ วิธีลดความอ้วนที่ดีคือวิธีที่เราจะทำมันไปได้ตลอดชีวิต กลายเป็นไลฟ์สไตล์ ไม่ใช่ทำแค่ไม่กี่วัน ลองคิดดูเถอะว่าเราสะสมความอ้วน สะสมไขมันกันมากี่ปี มันไม่มีทางหายไปด้วยสูตรลดความอ้วนภายใน 7 วันแน่นอน

กลับเข้ามาที่พาเลโอ ไดเอท กันต่อ หลายๆ คนอาจจะสงสัยว่าการกินแบบพาเลโอ ไดเอท จะเป็นเรื่องยากเกินไปหรือเปล่า สำหรับคนทำกับข้าวเองทุกวัน อาจจะทำได้ แต่วิธีนี้ไม่ตอบโจทย์คนที่กินข้าวนอกบ้านเป็นส่วนใหญ่ นอกจากนี้ มันอาจจะมีรสชาติไม่ถูกปาก เพราะมันเป็นอาหารที่แทบจะไม่ปรุงอะไรเลย

ถ้าเราอยากจะกินแบบ “มนุษย์ถ้ำ” อย่างจริงจัง เราคงต้องเลี้ยงหมู วัว และขุดบ่อเลี้ยงปลาด้วยตัวเอง เพื่อจะได้ควบคุมอาหารที่สัตว์เหล่านี้กินเข้าไปได้แบบ 100% เลี้ยงด้วยหญ้าและอาหารตามธรรมชาติเท่านั้น แน่นอนว่าเราคงทำแบบนั้นไม่ได้

ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุดคือการเอาคอนเซปต์มาประยุกต์ใช้กับวิถีชีวิตของตัวเอง น่าจะได้ประโยชน์มากกว่าเก็บกดอดทนกินแบบนี้ไปทุกมื้อ ทั้งที่ในใจอยากจะกินแป้ง กินข้าว หรือของหวานให้มันสาแก่ใจบ้างในบางมื้อหรือบางวัน

ขนาดนักกีฬาที่มีตารางการกินเคร่งครัดเขายังต้องมี “วันปล่อยผี” หรือ Cheat day สำหรับกินอะไรก็ได้ที่อยากจะกิน แล้วคนธรรมดาๆ อย่างเราจะทนเก็บกดไปทำไม จริงมั้ย?

ขอยกตัวอย่างการนำเอาคอนเซปต์ของพาเลโอ ไดเอท มาใช้สักเล็กน้อย สมมุติว่าเราไปร้านอาหารญี่ปุ่น เราอาจจะสั่งเมนูสลัดปลาแซลมอนย่าง หรือหมูย่างซีอิ๊ว ถ้าไปนั่งร้านส้มตำ เราอาจจะสั่งไก่ย่าง ส้มตำ ลาบหมู (อ๊ะๆ คอหมูย่างไม่นับนะ เพราะหมูสมัยนี้ไขมันเยอะ) หรือเมนูง่ายๆ อย่างเกาเหลาไม่ใส่กระเทียมเจียว แบบนี้ก็พอถูไถไปได้

พูดง่ายๆ คือเลือกทางสายกลางดีที่สุด เพราะเมื่อถึงจุดหนึ่ง เราจะเกิดอาการ “ตบะแตก” กินทุกอย่างที่ขวางหน้า เพราะเอียนกับอาหารเดิมๆ เต็มทน แบบนี้ที่ทำมาทั้งหมดก็จะไร้ความหมาย

ขอทิ้งท้ายไว้ว่า พาเลโอ ไดเอท ไม่ได้ช่วยแค่เรื่องการลดความอ้วนเพียงอย่างเดียว หากสามารถจัดการอาหารที่กินเข้าไปในแต่ละวันตามหลักการของพาเลโอ ไดเอท ได้แล้ว ก็จะช่วยลดอาการสิวเห่อ ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ เบาหวาน รวมทั้งยังช่วยเพิ่มขีดความสามารถของร่างกายสำหรับคนที่เป็นนักกีฬาได้อีกด้วย

ถ้าจะมีประโยชน์ขนาดนี้ ลองเป็นมนุษย์ถ้ำกันบ้างก็น่าจะดีนะ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook