สูติแพทย์แนะ รอ 30–60 วินาที ก่อนตัดสายรกหลังทารกคลอด
สภาสูติศาสตร์ - นรีเวชวิทยาอเมริกัน (American Congress of Obstetricians and Gynecologists) หรือ ACOG แนะนำว่า หลังทารกคลอด สูติแพทย์ควรรออีกสัก 30-60 วินาทีก่อนที่จะตัดสายรก ไม่ควรรีบตัดสายรกทันทีที่ทารกคลอดออกมา
เเถลงการณ์ของ ACOG ชี้เเจงว่า สายรกเป็นส่วนที่เชื่อมระหว่างทารกกับถุงรก การรออีกสักครู่หนึ่งก่อนจะตัดสายรกในทารกที่คลอดครบเทอม จะมีส่วนช่วยเพิ่มปริมาณฮีโมโกลบิลในตัวทารก
ฮีโมโกลบิลเป็นโปรตีนเม็ดเลือดแดงที่นำออกซิเจนไปเลี้ยงทั่วร่างกาย และช่วยส่งเสริมการสะสมธาตุเหล็กเอาไว้ในร่างกายได้นานหลายเดือน
แถลงการณ์ของ ACOG ดังกล่าวชี้ว่า การมีระดับฮีโมโกลบิลในกระเเสเลือดอย่างเต็มที่ช่วยป้องกันอาการโลหิตจางเพราะขาดธาตุเหล็ก ซึ่งเป็นภาวะที่มักเกิดขึ้นกับเด็กในช่วงขวบปีเเรกของชีวิต
การขาดธาตุเหล็กมีผลให้เกิดความล่าช้าในการพัฒนาความสามารถด้านการคิดอ่าน การควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อมัดเล็ก ตลอดจนพัฒนาการด้านพฤติกรรมในเด็ก
นอกจากนี้ ACOG ยังกล่าวด้วยว่า การรอสักครู่หนึ่งก่อนตัดสายรกยังมีผลดีต่อทารกที่คลอดก่อนกำหนดอีกด้วย เพราะช่วยปรับปรุงการไหลเวียนของโลหิตในตัวทารกทันทีหลังคลอดออกมา และช่วยลดความจำเป็นในการให้เลือด เนื่องจากปริมาณเม็ดเลือดแดงลดลง
ผู้เชี่ยวชาญอเมริกันยังชี้ว่า การเลื่อนเวลาตัดสายรกออกไปครึ่งนาทีถึงหนึ่งนาที ยังช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะเลือดออกในสมองและโรคเกี่ยวกับลำไส้ในทารกอีกด้วย
Maria Mascola หัวหน้าผู้ร่างคำเเนะนำใหม่นี้กล่าวว่า มีหลักฐานยืนยันเพิ่มมากขึ้นที่ชี้ว่าการรอนานขึ้นอีก 30-60 วินาทีก่อนจะตัดสายรก มีผลดีชัดเจนต่อสุขภาพของทารก
ข้อเสนอเเนะของ ACOG เกี่ยวกับการไม่รีบตัดสายรกทันทีหลังคลอด ยังย้ำด้วยว่า มีความเสี่ยงเล็กน้อยที่จะเกิดภาวะตัวเหลืองในทารก แต่ภาวะตัวเหลืองนี้จัดการได้ โดยสูติเเพทย์กับเจ้าหน้าที่การเเพทย์ต้องเตรียมตัวรับมือไว้ล่วงหน้าอย่างเหมาะสมอยู่เเล้ว
อาการตัวเหลืองเป็นภาวะที่ทารกแรกคลอดมีผิวและตาเป็นสีเหลืองชั่วคราว เนื่องจากมีปริมาณสารบิลิรูบิน (bilirubin) ในร่างกายมากเกินไป บิลิรูบินเป็นสารสีเหลืองในเซลล์เม็ดเลือดแดง
สภาสูติศาสตร์ - นรีเวชวิทยาอเมริกันย้ำว่า การรอนานครึ่งนาทีถึงหนึ่งนาทีก่อนตัดสายรกจะลดปริมาณเลือดในสายรกที่ได้จากตัวทารกที่จะนำไปเก็บเข้าคลังไว้ใช้ในอนาคต โดยครอบครัวที่ต้องการเก็บเลือดจากทารกเอาไว้ใช้ในอนาคต ควรได้รับคำปรึกษาในเรื่องนี้อย่างเหมาะสมเสียก่อน
ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าเลือดจากสายรกที่เก็บเข้าคลังเอาไว้ มีเซลล์ตั้งต้นซึ่งมีศักยภาพในการช่วยรักษาชีวิตของทารก หากเกิดกรณีทารกเกิดป่วยด้วยมะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งต่อมน้ำเหลือง โรคเม็ดเลือดเเดงรูปเคียวและโรคอื่นๆ