ระวัง! เชื้อโรคในห้องน้ำ ก่อโรคสารพัด

ระวัง! เชื้อโรคในห้องน้ำ ก่อโรคสารพัด

ระวัง! เชื้อโรคในห้องน้ำ ก่อโรคสารพัด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

อ.นพ.สุสัณห์  อาศนะเสน
ภาควิชาอายุรศาสตร์
Faculty of Medicine Siriraj Hospital
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

  

ถ้าพูดถึงเชื้อโรคแล้ว  เราพบได้ในทุกๆ ที่  แต่ในห้องน้ำมีเชื้อโรคร้ายแฝงตัวอยู่เป็นจำนวนมาก  วันนี้จะบอกเคล็ดลับเพื่อทุกคนจะได้ป้องกันตนเอง

 

เชื้อโรคที่อยู่ในห้องน้ำส่วนใหญ่เกิดจากการปนเปื้อนของสิ่งปฏิกูล เช่น อุจจาระ  ร่วมกับความอับชื้น ส่งผลให้เชื้อโรคสามารถอาศัยอยู่ในห้องน้ำได้เป็นเวลานาน เนื่องจากเชื้อแบคทีเรียและไวรัสก่อโรคต่างๆ มีขนาดเล็กมาก ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ดังนั้น การประเมินความสะอาดของห้องน้ำ โดยการสังเกตคราบสกปรก จึงไม่สามารถยืนยันความปลอดภัยได้ร้อยเปอร์เซ็นต์

เมื่อเข้าห้องน้ำ หากมือไปสัมผัสถูกพื้นผิว หรือสุขภัณฑ์ที่มีเชื้อโรคแฝงอยู่แล้ว  ไม่ได้ทำความสะอาดมือ  หลังจากนั้นหยิบอาหารมารับประทาน จะทำให้เกิดการติดเชื้อตามมาได้ เช่น การติดเชื้อซาลโมเนลล่า ซึ่งมักจะพบปนเปื้อนในอุจจาระได้บ่อยๆ หากได้รับเชื้อนี้เข้าไป อาจทำให้มีอาการไข้ ปวดท้อง และท้องเสีย ในกรณีผู้ป่วยภูมิต้านทานต่ำ อาจทำให้ติดเชื้อในกระแสเลือดและเสียชีวิตได้ 

toilet-2


นอกจากโรคติดต่อทางเดินอาหารแล้ว เชื้อราที่อยู่ในห้องน้ำนั้น อาจทำให้ผู้ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้หรือหอบหืด มีอาการกำเริบได้ แต่สำหรับผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำแล้ว เชื้อราดังกล่าว อาจทำให้เกิดปอดอักเสบรุนแรงและฝีในสมองได้ ดังนั้น ผู้ป่วยที่มีภูมิต้านทานต่ำทุกราย ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการทำความสะอาดห้องน้ำด้วยเสมอ 

ซึ่งห้องน้ำที่ดี ต้องมีการทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอและถูกวิธี ไม่ควรมีกลิ่นเหม็น หรือ มีคราบสกปรกปรากฏให้เห็น สำหรับผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดห้องน้ำโดยทั่วไปนั้น มักจะมีส่วนผสมของกรด  ซึ่งอาจฆ่าเชื้อโรคได้ไม่ดีเท่าที่ควร  ดังนั้น ควรทำความสะอาดหัวและสายฉีดน้ำ ชำระฐานรองนั่งและที่จับประตู  รวมถึงใช้ผลิตภัณฑ์ล้างห้องน้ำที่ออกฤทธ์ทำลายเชื้อได้ดี  เช่น  ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของสารโซเดียมไฮโปคลอไรท์ เป็นต้น  และนอกเหนือจากการทำความสะอาดห้องน้ำเป็นประจำแล้ว การล้างมืออย่างถูกวิธีหลังการใช้ห้องน้ำ จะช่วยป้องกันไม่ให้เราติดเชื้อโรคได้อีกทางหนึ่งด้วย

 

อ่านบทความเพิ่มเติม >>>>>  SIRIRAJ  E-PUBLIC  LIBRARY
ขอบคุณเนื้อหาจาก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
ภาพประกอบจาก istockphoto

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook