คุณหรือเปล่า? ที่กำลังเสี่ยงภาวะ “ต่อมหมวกไตอ่อนล้า”
มีคนจำนวนไม่น้อยที่เอาใจใส่ดูแลสุขภาพของตนเองเป็นอย่างดี ทั้งเข้ายิม ออกกำลังกาย ทั้งเลือกรับประทานอาหารคลีน แต่ก็ยังไม่รู้สึกว่าสุขภาพยังไม่ค่อยดีเท่าไร บางคนทำทุกวิถีทางที่จะผ่อนคลาย ไม่เครียด แต่ก็ยังมีโมโหง่าย และนอนไม่หลับ หรือบางคนก็มีโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ ปอดอักเสบ ปอดบวมกันอยู่บ่อยๆ
ไม่ว่าเราจะดูแลตัวเองดีแค่ไหนแล้วก็ตาม แต่ปัญหาเหล่านี้ ก็ยังคงรบกวนการดำเนินชีวิต หากคุณเป็นคนหนึ่งเป็นเช่นนี้ อาจจะเป็นไปได้ว่าคุณอาจจะประสบภาวะต่อมหมวกไตอ่อนล้าเข้าให้แล้ว
ผู้ทีมีภาวะต่อมหมวกไตอ่อนล้า มาเป็นเวลานาน อาจจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตและความเจ็บป่วย ยิ่งปล่อยไว้นาน ก็ยิ่งทำให้ต่อมหมวกไตทำงานหนัก ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
ต่อมหมวกไต สำคัญอย่างไร?
ต่อมหมวกไต รับคำสั่งจากสมอง และตอบสนองออกมาเป็นความเครียดในหลายรูปแบบ ทั้งทางกาย และทางอารมณ์ รวมทั้งยังมีผลต่อฮอร์โมน การผลิตพลังงาน และการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายด้วย
หากเราปล่อยให้ร่างกายของเราได้รับน้ำในปริมาณไม่สมดุล ไม่ได้รับการเยียวยา ไม่ได้รับการพักผ่อน ไม่ได้รับอาหารที่มีคุณประโยชน์ นั่นย่อมส่งผลกระทบต่อการทำงานของต่อมหมวกไตด้วย และจากนั้น ร่างกายก็จะส่งสัญญาณเตือนต่าง ๆ นานา ดังที่ได้กล่าวข้างต้นออกมา
อย่างไรก็ตาม วิธีที่จะช่วยให้การทำงานของต่อมหมวกไตดีขึ้น ตามแนวธรรมชาติ ก็มีเช่นกัน ดังนี้
- ประเมินวิถีดำเนินชีวิตของตัวเอง ให้มีความเหมาะสม หากพบว่ามีสิ่งใดบกพร่อง ก็ให้รีบแก้ไข เช่น ขาดการรับประทานอาหารที่มีคุณค่าหรือไม่ หรือขาดการพักผ่อน การออกกำลังกาย
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะการนอนที่เพียงพอนั้น เป็นสิ่งที่ร่างกายของคนทุกคนต้องการ
- ดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอ
- บำรุงร่างกายด้วยการเสริมแร่ธาตุ วิตามิน เช่นวิตามินซี ที่เราสามารถหาได้จากการดื่มน้ำมะนาว เป็นต้น
- รับประทานอาหารให้เพียงพอ และเลือกรับประทานอาหารที่มีคุณค่า พวกปลา ตับ และอย่าอดอาหาร
- พยายามรักษาความสมดุลในร่างกายทุกๆ ด้าน
หากคุณพบว่า คุณเป็นคนหนึ่งที่มีภาวะต่อมหมวกไตอ่อนล้า ให้พยายามจำให้ขึ้นใจว่า การดูแลตนเองตามวิธีธรรมชาติเป็นสิ่งที่สำคัญ เลือกรับประทานอาหารคลีน อาหารที่มีประโยชน์ และหมั่นทำตามคำแนะนำข้างต้น แต่ถ้าหากว่า หลังปฏิบัติตัวอย่างดี ต่อเนื่องมาเป็นเวลานานถึง 2 เดือนแล้ว ยังไม่พบว่ามีอาการใดๆ ดีขึ้น ควรจะปรึกษาแพทย์ เพื่อเข้ารับการตรวจวินิจฉัยและรักษาต่อไป