จริงหรือไม่? เล่นมือถือนานๆ ทำให้ตาบอด?
เห็นทีคราวนี้ชาวโซเชียลทั้งหลายต้องมีร้อนๆ หนาวๆ บ้างแหละ ด้วยประโยคที่เราจั่วหัวเอาไว้อาจทำให้เริ่มกลัวขึ้นมานิดนึงใช่ไหมล่ะ หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ตามอ่านดราม่า ดูซีรี่ยส์ เม้นเฟซบุ๊ค รีทวิต ใส่แฮชแท็ค คุยไลน์อย่างเพลิดเพลินจนติดเป็นนิสัย วันหนึ่งๆ อยู่หน้าจอหลายชั่วโมง คุณต้องรีบอ่านบทความด้านล่างอย่าด่วน
แสงจากหน้าจอ ทำร้ายดวงตา?
เคยได้ยินเรื่องแสงสีฟ้าจากจอสมาร์ทโฟน หรือจอคอมพิวเตอร์ไหมคะ แสงนี้มีจริงๆ นะ เป็นคนละตัวกับแสง UV ที่ทำร้ายผิว หรือที่มาจากแสงอาทิตย์ แสงสีฟ้า หรือ Blue Light นี้มีความยาวคลื่นสั้นอยู่ที่ 380-500 นาโนเมตร ทำให้มีการกระจายตัวของแสงสีได้มาก จึงทำให้เกิดอาการตาล้า ปวดตาได้ง่าย
แสงสีฟ้าจากจอมือถือ จอคอมพิวเตอร์ ทำให้ตาบอดได้?
ความเชื่อนี้ ไม่เป็นความจริง ค่ะ แม้ว่าแสงสีฟ้าจะทำให้ตาล้า แต่ก็เป็นเพียงอาการชั่วคราวเท่านั้น ยังไม่มีรายงานวิจัยที่ระบุถึงภัยอันตรายของแสงสีฟ้า ที่มีต่อโรคจอประสาทตาเสื่อมแต่อย่างใด เพราะโรคจอประสาทตาเสื่อมขึ้นอยู่หลายๆ ปัจจัย
อาการไม่สบายตา สายตาล้า ปวดตา จากแสงสีฟ้า แก้ไขได้ง่ายๆ เพียงหยุดการใช้สายตาจ้องหน้าจอ อาจจะหลับตาพักสักครู่ หรือหันไปมองสีเขียวของต้นไม้แทน เป็นการผ่อนคลายประสาทตาไปในตัว
ประโยชน์ของแสงสีฟ้า
แสงสีฟ้านี่ไม่ได้มีแต่อันตรายเสมอไป เพราะเราสามารถนำแสงสีฟ้ามาใช้กระตุ้นประสาทตา และร่างกายให้ตื่นตัวได้ ใครที่อยากอ่านหนังสือสอบนานๆ ไม่ง่วง ลองเปลี่ยนหลอดไฟที่มีสีขาวอมฟ้าดูได้ แต่ในทางกลับกัน หากอยากนอนหลับสบายๆ แสงไฟที่หัวเตียงควรไฟอมเหลืองอมส้มจะเหมาะสมกว่า
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าแสงสีฟ้าจะไม่ได้ทำลายประสามตาถึงขั้นตาบอด แต่ก็ยังส่งผลเสียต่อดวงตามากอยู่ดี อ่านต่อได้ที่ 5 อันตรายจากการใช้มือถือในที่มืดนานๆ