ท้องเสียแบบไหน ถึงต้องทานยาฆ่าเชื้อ?
อากาศร้อนมาทีไร สิ่งที่ตามมาด้วยเสมอๆ คือโรคท้องเสียท้องร่วง ที่มาจากอาหารบูดเน่าเสียเร็วกว่าเดิม ทั้งจากในบ้าน และร้านอาหารนอกบ้าน วิธีแก้ไขง่ายๆ คือการทานแต่อาหารปรุงสดใหม่ แต่บางครั้งบางคราเราอาจจะเผลอ หรือหลีกเลี่ยงไม่ได้ไปบ้าง จนเกิดเหตุผิดพลาด ท้องไส้ปั่นป่วน จนท้องเสียท้องร่วงได้
คนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่า ถ้าท้องเสียต้องกินยาฆ่าเชื้อ เพื่อจะได้ฆ่าเชื้อในลำไส้และช่วยให้หยุดถ่าย แต่จริง ๆ แล้ว เมื่อท้องเสียไม่จำเป็นต้องกินยาฆ่าเชื้อทุกครั้ง
ท้องเสีย เกิดจากสาเหตุอะไร?
ท้องเสีย หรือ อุจจาระร่วง เป็นอาการที่ถ่ายอุจจาระเหลว เกิดจากการรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่ไม่สะอาด มีเชื้อโรคปนเปื้อน หรือรับประทานอาหารรสจัด หรือเกิดจากยารักษาโรคบางชนิด หรือเกิดจากโรคบางชนิด
รักษาอาการท้องเสียได้อย่างไร?
ส่วนใหญ่อาการท้องเสียจะหายได้เอง โดยการดื่มน้ำเกลือแร่ (ORS) เพื่อทดแทนน้ำและเกลือแร่ที่สูญเสียไป แต่หากผู้ป่วยมีอาการถ่ายเป็นมูกเลือด และมีไข้สูง หรือถ่ายเป็นน้ำซาวข้าว จึงควรกินยาฆ่าเชื้อ
ท้องเสีย กินยาฆ่าเชื้อ เมื่อมีอาการเหล่านี้....
- ถ่ายเหลวผิดปกติตั้งแต่ 3 ครั้งขึ้นไป ภายใน 24 ชั่วโมง
- ถ่ายเป็นเลือด มูกเลือด หรือน้ำซาวข้าวเพียงครั้งเดียว ใน 24 ชั่วโมง
- ถ่ายเหลวพร้อมกับมีไข้ขึ้นสูง
ส่วนกรณีที่มีอาการท้องเสียรุนแรง เช่น อุจจาระมีมูกปน กลิ่นเหม็นเหมือนหัวกุ้งเน่า คลื่นไส้อาเจียนรุนแรง มีไข้สูงกว่า 38.5 องศาเซลเซียส มีโรคประจำตัวอยู่แล้ว ผู้ป่วยเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี หรือเป็นผู้สูงอายุ และมีอาการท้องเสียนานกว่า 48 ชั่วโมง ควรรีบพบแพทย์ด่วน เพื่อรับการรักษาอย่างทันท่วงที
ที่สำคัญ ไม่ควรซื้อยาหยุดถ่านทานเองเด็ดขาด
อาการท้องเสียท้องร่วงที่มีการติดเชื้อ หากมีอาการหนักอาจติดเชื้อในกระแสเลือด มีอาการแทรกซ้อนอื่นๆ หรืออาจถ่ายมากเกินจนมีอาการช็อคจากการสูญเสียน้ำในร่างกายมากเกินไป จนอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะคะ ดังนั้นไม่ว่าจะฤดูไหนๆ ควรให้ความสำคัญกับอาการท้องเสียท้องร่วงให้ดี อย่าปล่อยให้เป็นหนัก รีบพบแพทย์จะดีที่สุดค่ะ