10 ปัจจัยเสี่ยงเบาหวานแฝง รีบตรวจก่อนแสดงอาการ
ผู้ป่วยเบาหวานส่วนใหญ่ไม่รู้ตัว ว่าตัวเองมีความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน รู้อีกทีก็ตอนมีอาการหนัก จนอาจะเป็นเบาหวานระยะรุนแรงไปแล้ว แต่หากคุณมีปัจจัยเสี่ยงตามด้านล่างเกิน 3 ข้อ เราว่าถึงเวลาที่คุณต้องไปตรวจเบาหวานแล้วล่ะ
- อายุเกิน 45 ปี
อายุ 45 ปีถือวาเป็นช่วงอายุที่มีความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานมากกว่าช่วงอายุอื่นๆ แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าอายุน้อย หรือมากกว่า 45 ปีจะมีความเสี่ยงน้อยกว่า ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ของแต่ละบุคคลด้วย แต่อายุ 45 ปีเมื่อไร หากยังไม่เคยเข้ารับการตรวจเบาหวาน ก็ควรไปเสียหน่อย
- น้ำหนักเกินมาตรฐาน
มาตรฐานอยู่ที่เท่าไร คำนวณได้ง่ายๆ จากค่า BMI โดยนำน้ำหนักหน่วยกิโลกรัม หารด้วยค่าของความสูงหน่วยเมตรยกกำลังสอง (คูณกันสองครั้ง) เราก็จะได้เป็นค่า BMI ออกมา
ต่ำกว่า 18.5 จัดว่าผอม
18.5-22.9 น้ำหนักปกติ
23-24.9 น้ำหนักเกิน
25-29.9 อ้วนระดับ 1
มากกว่าหรือเท่ากับ 30 อ้วนระดับ 2
ใครที่ได้ค่า BMI มากกว่า 23 จึงถือว่าอยู่ในภาวะน้ำหนักเกินมาตรฐาน
- มีพ่อแม่พี่น้องเป็นโรคเบาหวาน
หลายคนอาจจะทราบกันดีอยู่แล้วว่า โรคเบาหวานไม่ได้มีความเสี่ยงจากพฤติกรรมการทานอาหารของเราอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงเพิ่มจากกรรมพันธุ์ด้วย ดังนั้นหากพบพ่อแม่พี่น้อง หรือญาติๆ ของตัวเองเป็นโรคเบาหวานมาก่อน เราก็ควรเข้ารับการตรวจด้วย
- มีความดันโลหิตสูง
หากใครเคยเข้ารับการตรวจร่างกาย แล้วนางพยาบาลเคยบอกว่า “คนไข้มีความดันค่อนข้างสูงนะคะ” นั่นหมายความว่าคุณมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคเบาหวานด้วยเช่นกัน ความดันโลหิตสูง คือความดันที่มากกว่า 140/90 มม. ปรอทขึ้นไป ให้พยาบาลวัดให้ หรือจะซื้อเครื่องวัดความดันมาวัดที่บ้านก็ได้
- มีไขมันในเลือดสูง
ข้อนี้อาจจะต้องเป็นผู้ที่เคยเข้ารับการตรวจร่างกายด้วยการเจาะเลือดมาแล้ว หากมีค่า HDL น้อยกว่า 35 มก./ดล. และ/หรือ มีค่าไตรกลีเซอไรด์มากกว่า 250 มก./ดล. ก็อาจเป็นไปได้ว่าคุณมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคเบาหวานได้
istockphoto
- ขาดการออกกำลังกาย
หากรู้ตัวว่าแทบไม่ได้ออกกำลังกายเลย ตื่น ทำงาน/เรียน กลับบ้าน นอน ไม่มีกิจกรรมใดๆ หรือไม่ได้หาเวลาออกกำลังกายมานานร่วมเดือน อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ร่างกายไม่แข็งแรง เสี่ยงภาวะอ้วน จนเสี่ยงเป็นเบาหวานด้วยอีกต่อหนึ่ง
- เคยเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์
สำหรับคุณผู้หญิง ขณะที่ตั้งครรภ์ รกจะสร้างฮอร์โมนขึ้นมาหลายชนิด ทำให้ร่างกายมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน อาจนำไปสู่ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง จนกลายเป็นเบาหวานได้ แต่หลังคลอด ระดับน้ำตาลมักกลับสู่ภาวะปกติ หากเคยประวัติแบบนี้ ก็อาจเสี่ยงเป็นเบาหวานหลังคลอดได้เช่นกัน
- เป็นโรคอื่นๆ ที่มีความสัมพันธ์กับภาวะดื้ออินซูลิน
เช่น เป็นโรคมะเร็งตับอ่อน ตับอ่อนอักเสบเรื้อรัง มักพบในผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์จัด เนื้องอกที่ต่อมหมวกไต หรือผลข้างเคียงจากการรับยาสเตียรอยด์ หรือยาอื่นๆ
- มีประวัติเป็นโรคหลอดเลือดแข็ง หรือตีบ
โรคหลอดเลือดแข็ง หรือตีบ เป็นโรคที่เกิดจากภาวะไขมันในเลือดสูง ที่เข้าไปอุดตันจนทำให้การลำเลียงเลือดไม่สะดวก หลอดเลือดเลยแข็ง หรือตีบ และอาจส่งผลต่อไปถึงภาวะที่อวัยวะบางส่วนขาดเลือดได้ โดยโรคนี้อาจเป็นก่อน หลัง หรือเป็นระหว่างที่เป็นโรคเบาหวานด้วยก็ได้
- เคยตรวจพบว่ามีภาวะเบาหวานแฝง
ข้อสุดท้ายสำหรับผู้ที่เคยตรวจสุขภาพ แล้วแพทย์แจ้งว่ามีภาวะที่จะเป็นโรคเบาหวาน แต่ในขณะนั้นคุณอาจไม่ให้ความสำคัญกับคำเตือนของแพทย์ เพราะยังไม่เห็นว่าร่างกายจะมีความผิดปกติอะไร แต่การตรวจพบภาวะเบาหวานแฝง เป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญ และชัดเจนที่สุด ว่าคุณมีความเสี่ยงมากที่จะเป็นเบาหวานจริงๆ ดังนั้นอย่านิ่งนอนใจเด็ดขาด
วิธีปรับพฤติกรรมให้มีความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานน้อยที่สุด ก็ง่ายๆ แค่ปรับพฤติกรรมในการทานอาหาร ลดแป้งลดน้ำตาล ลดน้ำหนักไม่ให้อยู่ในภาวะน้ำหนักเกินมาตรฐาน ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำให้เพียงพอ และเข้ารับการตรวจเบาหวานทุกๆ 3-6 เดือน เท่านี้ก็อุ่นใจได้มากแล้วล่ะค่ะ ขอให้ไม่เป็นเบาหวานกันนะคะ