6 สัญญาณอันตราย “ตับอ่อนอักเสบ”
โรคที่น่ากลัวไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่า “มะเร็ง” และ “หัวใจ” ก็คงหนีไม่พ้นโรคที่เกี่ยวกับ ตับ และไต เพราะเมื่อไรที่มีปัญหากับ 2 อวัยวะดังกล่าว ผู้ป่วยมักต้องเข้ารับการรักษาเป็นระยะเวลานาน และวิถีชีวิตก็ต้องเปลี่ยนไปมาก โดยเฉพาะเรื่องของอาหารการกิน และสุขภาพโดยทั่วไป
อีกอวัยวะหนึ่งที่คนหลายคนมองข้าม “ตับอ่อน” หากอักเสบขึ้นมาจะเป็นอย่างไร มีอาการอย่างไร มาศึกษากันค่ะ
ตับอ่อน อยู่ตรงไหน
ตับอ่อน เป็นอวัยวะหนึ่งในระบบทางเดินอาหาร มีลักษณะเป็นต่อมขนาดใหญ่ รูปร่างยาวรีคล้ายใบไม้ประมาณ 10 เซนติเมตร อยู่ด้านหลังกระเพาะอาหารใกล้ลำไส้เล็กส่วนต้น ประกอบด้วยเซลล์จากต่อมไร้ท่อ ที่สร้างฮอร์โมนหลายชนิด เช่น อินซูลิน และกลูคากอน ที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และเซลล์จากต่อมมีท่อที่สร้างน้ำย่อยอาหารโดยเฉพาะไขมัน
รู้อย่างนี้แล้ว หน้าที่ของตับอ่อนก็ดูจะสำคัญไม่แพ้อวัยวะอื่นๆ เลยใช่ไหมล่ะ
ตับอ่อนอักเสบ คืออะไร มีกี่ชนิด?
ตับอ่อนอักเสบ เป็นภาวะที่น้ำย่อยในตับอ่อนไม่สามารถไหลผ่านท่อของตับอ่อนได้ ทำให้น้ำย่อยทำการย่อยเนื้อเยื่อของตัวตับอ่อนเอง จนทำให้เกิดอาการอักเสบ
หากตับอ่อนอักเสบมากๆ ก็จะเกิดอาการตับอ่อนเรื้อรัง จนอาจมีคราบหินปูนมาเกาะที่ตับอ่อน
ตับอ่อนอักเสบ แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ ตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน และตับอ่อนอักเสบเรื้อรัง
ใครที่เคยมีอาการตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน แล้วไม่เข้ารับการรักษาให้หายดี อาจเสี่ยงเป็นตับอ่อนอักเสบเรื้อรังในภายหลังได้
สัญญาณอันตราย ตับอ่อนอักเสบ
ตับอ่อนเฉียบพลัน
- ปวดท้องอย่างรุนแรง และเกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน ตำแหน่งที่ปวดอยู่บริเวณท้องร้าวไปที่หลัง และอาจปวดอยู่ราว 2-3 วัน
- คลื่นไส้ อาเจียน
- มีไข้
ตับอ่อนเรื้อรัง
- ปวดท้องแบบเป็นๆ หายๆ หรือปวดตลอดเวลา
- อุจจาระเป็นสีเทา หรือสีซีดๆ และอาจมีไขมันปนออกมากับอุจจาระ
- น้ำหนักตัวลดลง
สาเหตุของโรคตับอ่อนอักเสบ
สาเหตุของอาการตับอ่อนอักเสบอาจไม่สามารถระบุได้แน่ชัด แต่ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้มีอาการตับอ่อนอักเสบ คือ
- ผลข้างเคียงจากโรคนิ่วในถุงน้ำดี ที่ทำให้ท่อตับอ่อนอุดตัน และอักเสบ จนกลายเป็นสาเหตุของตับอ่อนอักเสบ
- ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
การรักษาจากอาการตับอ่อนอักเสบ
- งดการทานอาหาร และดื่มน้ำ เพื่อลดการทำงานของตับอ่อน
- ให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ เพื่อรักษาสมดุลของร่างกาย และป้องกันร่างกายขาดน้ำ
- งดดื่มแอลกอฮอล์
- หากพบนิ่วในถุงน้ำดี ให้เข้ารับการผ่าตัดโดยด่วน
หากมีอาการเตือนตามที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น ควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยโดยด่วน เพราะหากปล่อยไว้นานเข้า นอกจากจะกลายเป็นตับอ่อนอักเสบเรื้อรังที่รักษาได้ยากกว่าแล้ว ยังอาจกลายเป็นสาเหตุของโรคอื่นๆ เช่น เบาหวาน และมะเร็งตับอ่อนได้ค่ะ
