ทำอย่างไร "ล้างไตด้วยตัวเอง"
พญ.สุมาลี นิมมานนิตย์
Faculty of Medicine Siriraj Hospital
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
ถาม สวัสดีคะคุณหมอคะเรามาเข้าเรื่องของการล้างไตด้วยตนเองกันเลยนะคะ ก่อนอื่น มาทำความเข้าใจกันก่อนนะคะ ว่าการล้างไตด้วยตนเองนั้นคืออะไร
ตอบ ที่พูดว่าการล้างไตนี้นะคะ ทีจริงคำอันนี้อาจจะทำให้คนทั่วไปไขว้เขวได้ คือว่า จะต้องเอาไตออกมาล้าง อันนี้ก็ทำให้เห็นภาพว่าน่ากลัวไปต่างๆ นาๆ ที่จริงอันนี้หมายถึงว่า การที่เราขจัดของเสียออกในเลือดโดยมีวิธีการต่างๆ ที่ทำหน้าที่แทนไต ซึ่งโดยปกติ ไตนี้ต้องเอาของเสียออกจากตัวทุกวันโดยออกมาจากปัสสาวะ การล้างไตเนี่ย ไม่ใช้เป็นการเอาไตออกมาล้าง แต่เป็นวิธีที่เราทำอย่างไรให้เลือดสะอาด ไม่มีของเสีย วิธีการก็คือการใส่ท่อพลาสติกเข้าไปที่ท้อง และเอาน้ำใส่ไปในช่องท้อง ให้ของเสียในเลือดซึมออกมาในน้ำ และก็เอาน้ำนั้นทิ้งออกไป อีกทีหนึ่ง อันแหละคะที่คนทั่วไปเข้าใจกันว่า เรียกว่าการล้างไต ซึ่งวิธีการมันไม่ได้ยุ่งยากสับสน และก็ไม่ได้ทำให้เกิดการเจ็บปวดไม่ได้มีเลือดออกอะไรมากมาย การที่จะเอาท่อพลาสติกใส่ในท้อง ก็ต้องทำการผ่าตัดแต่ก็เป็นการผ่าตัดนิดเดียวเท่านั้นเองไม่ต้องดมยาสลบด้วยซ้ำไปเพียงแต่ว่าใช้ยาชาและแผลก็เล็กนิดเดียวเท่านั้นเอาท่อใส่พลาสติกใส่ไว้ในท้องเพื่อเป็นทางที่สำหรับจะเอาน้ำใส่ในช่องท้องเป็นการแลกเปลี่ยนเอาของเสียออกมาจากเลือดนะคะ
ถาม ที่ทำอย่างนั้นเพราะว่าไตทำหน้าที่ไม่ได้แล้วใช่ไหมคะ
ตอบ คะ พวกนี้จะใช้ทำต่อเมื่อเป็นโรคไตชนิดที่ไตจะไม่ฟื้นมาทำงานอีกได้แล้ว ไม่ใช่ว่าคนที่เป็นโรคไตทุกชนิดแล้วจะต้องได้รับการรักษาชนิดนี้นะคะ โรคไตที่จะต้องรักษา ด้วยวิธีนี้ก็คือโรคไตวายระยะท้ายเท่านั้นเองที่จะต้องการการรักษาด้วยวิธีนี้
ถาม นั้นก็เป็นความรู้เรื่องการล้างไตนะคะ คุณหมอสุมาลีก็ได้อธิบายแล้วว่าไม่ได้นำไตออกมาล้างนะคะซึ่งฟังดูแล้วก็น่ากลัวแต่คุณหมอก็ได้อธิบายแล้วว่าเป็นการทำท่อพลาสติกเข้าไปในไตและก็เอาน้ำใส่เข้าไปไม่ได้เป็นอันตรายอะไรคะ นั้นก็คือเรื่องของการล้างไตที่นี้ในปัจจุบันนี้มักจะมีคนพูดกันถึงว่าการล้างไตด้วยตนเองไม่ทราบว่าเรื่องนี้เป็นอย่างไรถึงได้พูดว่าการล้างไตด้วยตนเองคะ
ตอบ การที่เรียกว่าล้างไตด้วยตนเองนี้ อยากจะพูดสักนิดหนึ่งว่า ที่ว่าเรียกการล้างไตด้วยตนเอง ที่จริงก็คือการรักษาไตวายโดยการกำจัดของเสียทางเยื่อบุช่องท้องด้วยตนเอง วิธีนี้ทางแพทย์และพยาบาล จะฝึกให้คนไข้สามารถทำได้ด้วยตนเองคือสามารถที่จะใส่น้ำไปในช่องท้องได้ด้วยตนเอง และก็เอาน้ำออกทิ้งไปได้ สมัยใหม่นี้ได้มีวิวัฒนาการ ใช้ถุงพลาสติกที่พับได ้เมื่อคนไข้เอาถุงน้ำยาต่อเข้ากับถุงพลาสติก แล้วก็ปล่อยน้ำเข้าไปในท้องจนหมด แล้วถุงพลาสติกก็จะแฟบลงพับเก็บกับตัวไปไหนมาไหนได้ทิ้งน้ำยาไว้ในช่องท้องประมาณ 6 ชั่วโมงถึงเวลาก็ปล่อยน้ำยาออก โดยเอาถุงน้ำยาวางต่ำกว่าช่องท้องน้ำยาก็จะไหลออก พอไหลออกจนหมดแล้วก็ปลดถุงนั้นทิ้งไป เอาถุงใหม่มาต่อและก็ใส่น้ำยาเข้าไปทิ้งไปอีกทำอย่างนี้วันละ 4 ครั้ง คนไข้สามารถที่จะไปไหนมาไหนได้ แต่ว่าจะต้องได้รับการฝึกให้ทำก่อน และจะต้องระมัดระวัง วิธีการรักษาความสะอาดเป็นพิเศษเพราะมิฉะนั้นจะเกิดโรคแทรกซ้อนขึ้นได้ซึ่งบางครั้งนี้จะมีอันตรายถึงชีวิตได้ถ้าประมาทไม่ระวังความสะอาดให้ดี การรักษาด้วยวิธีนี้จะต้องทำทุกวันวันละ 4 ครั้งสัปดาห์ละ 7 วันตลอดไปถึงจะมีชีวิตอยู่ได้ทั่วไปตามปกติ ที่ต้องทำเช่นนี้ เพราะว่าไตจะต้องขับของเสีย อยู่ตลอดเวลาเช่นกัน
ถาม สำหรับการล้างไตด้วยตนเองที่คุณหมออธิบายให้ทำ ไม่ทราบว่าใช้กับโรคไตชนิดไหนบางคะที่ใช้วิธีนี้ได้
ตอบ คะ เมื่อกี้เรียนไปนิดหนึ่งแล้วนะคะว่าโรคไตวายระยะสุดท้ายเท่านั้นเอง โรคไตชนิดอื่น ยังไม่ต้องการรักษาตลอดเวลาแบบนี้ ถ้าเป็นโรคไตวายเฉียบพลัน คือ เป็นชนิดที่วายชั่วคราว แล้วฟื้นได้ พวกนี้จะต้องการการรักษาเพียงชั่วคราวเท่านั้น ไม่จำเป็นที่จะต้องรักษาไปตลอดชีวิต เช่นในโรคที่ไตวายเป็นจนกระทั่งถึงระยะสุดท้ายแล้วนะคะ
ถาม สำหรับการล้างไตด้วยตนเองที่คุณหมออธิบายให้ทำ ไม่ทราบว่าใช้กับโรคไตชนิดไหนบางคะที่ใช้วิธีนี้ได้
ตอบ คะ เมื่อกี้เรียนไปนิดหนึ่งแล้วนะคะว่าโรคไตวายระยะสุดท้ายเท่านั้นเอง โรคไตชนิดอื่น ยังไม่ต้องการรักษาตลอดเวลาแบบนี้ ถ้าเป็นโรคไตวายเฉียบพลัน คือ เป็นชนิดที่วายชั่วคราว แล้วฟื้นได้ พวกนี้จะต้องการการรักษาเพียงชั่วคราวเท่านั้น ไม่จำเป็นที่จะต้องรักษาไปตลอดชีวิต เช่นในโรคที่ไตวายเป็นจนกระทั่งถึงระยะสุดท้ายแล้วนะคะ ตอบ พวกที่ได้รับการรักษาด้วยการขจัดของเสียทางช่องท้องที่ทำด้วยตนเอง จะต้องระมัดระวังตัวเองเป็นพิเศษ โดยเฉพาะการรักษาความสะอาด ที่นี้ก็มาถึงเรื่องอาหารเป็นที่น่ายินดีว่าการรักษาด้วยวิธีนี้ผู้ป่วย สามารถรับประทานอาหารได้อย่างมีอิสระ มากกว่าการรักษาชนิดอื่นๆ มีเพียงแต่ว่าจะต้องจำกัดอาหารเค็ม ยังจะต้องทำอยู่บ้างเท่านั้นเอง แต่ก็ยังสามารถรับประทานเค็มอยู่ได้มากกว่าการรักษาวิธีอื่น แต่ไม่ได้เป็นปกตินะคะ เพียงแต่มากกว่านิดหน่อยเท่านั้นเอง อันนั้นก็เป็นอาหารที่คนไข้จะต้องยังคอยระวังอยู่ ส่วนเรื่องความสะอาดนั้น เป็นสิ่งที่จะต้องทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะดีได้ เพราะมิฉะนั้นจะเกิดการอักเสบมีโรคติดเชื้อของเยื่อบุช่องท้อง ทำให้การรักษาไม่ได้ผล และก็ยังทำให้เกิดการปวดท้องอย่างมากด้วยนะคะ แต่ว่าคนไข้สามารถที่จะทำได้นะคะ ฉะนั้นก็จะทำให้คนไข้นี้สามารถที่จะมีชีวิตใกล้เคียงคนปกติมากที่สุด
ถาม คุณหมอสุมาลีได้พูดถึงเรื่องอาหาร และพูดถึงเรื่องการกินเค็ม ขอนอกเรื่องสักนิดนะคะคุณหมอที่บอกว่า เรื่องการกินเค็ม มีคนสงสัยว่าการกินเค็มนั้น เป็นการบังคับหรือว่ากำหนดไว้หรือเปล่าว่าการกินเค็ม จากเกลือหรือเค็มจากน้ำปลามันจะดีหรือว่าต่างกันเหมือนกันหรือเปล่า
ตอบ คือเค็มนี้นะคะ ไม่ว่าจะเค็มจากอะไรหรือเกลืออะไรก็ตาม ก็คือเป็นเค็มคือเป็นสารเกลือที่ต้องห้ามนะคะเป็นของแสลงทั้งนั้น เพราะฉะนั้นไม่ใช่เฉพาะเกลือเท่านั้นเองน้ำปลา ซีอิ้ว ซอสทุกชนิดนี้ ไม่ควรจะใช้ทั้งสิ้นคือว่าเป็นเกลือทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นก็ควรที่จะจำกัดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้นะคะ
ถาม คนที่กินเค็มนี้นะเขาถามว่าถ้ากินน้ำเข้าไปเยอะๆ ไปล้างความเค็มนั้น ด้วยเพื่อไปแลกเปลี่ยนกันอันนั้นเป็นผลดีหรือเปล่าคะ
ตอบ อันนั้นจะยิ่งไปใหญ่เลย เพราะว่าเมื่อไตไม่ทำงานแล้วก็อะไรที่เข้าไปเยอะเกินไป ก็ไม่สามารถจะขับออกจากร่างกายได้ทั้งสิ้น เพราะฉะนั้น ถ้าเผื่อว่าทานกันเค็มแล้วทานน้ำเข้าไป เพื่อเจือจางเกลือนั้นก็จะมีสารคลั่งทั้งของเกลือ และของน้ำเกิดภาวะน้ำเป็นพิษ ได้อีกซึ่งอันตรายซ้ำร้ายเข้าไปใหญ่เลย ทีนี้เมื่อพูดถึงเรื่องเค็มแล้ว ละก็อยากจะขอเพิ่มเติมนิดหนึ่งว่า เค็มนี้ไม่ใช่เฉพาะที่ลิ้นรู้รสเท่านั้น เพราะว่าบางคนก็กว่าจะรู้รสเค็ม ก็ได้เกลือปริมาณมาก บางคนกินนิดเดียวก็ว่าเค็ม เพราะฉะนั้นใช้รสที่ลิ้นไม่ได้นิดเดียว ก็คือเค็มแล้วในกรณีคนไข้ไตนะคะ เพราะฉะนั้นไม่ใช่ว่าลิ้นรู้สึกว่าเค็มแล้วถึงได้รู้ว่าทานเค็ม ถ้าเกิดเติมไปแม้แต่นิดเดียว และกินแล้วบวมก็คือว่าเค็มเกินสำหรับท่านผู้นั้นแล้วนะคะ
ถาม ก็เป็นความรู้เพิ่มเติม ทีนี้เราก็มาคุยต่อที่ค้างไว้กับคุณหมอสุมาลี เมื่อสักครู่นี้ถึงเรื่องการล้างไตด้วยตนเองนั้น คุณหมอก็ได้บอกข้อปฎิบัติถึงคนที่จะล้างไตด้วยตนเองแล้ว ที่นี้ผลที่จะได้ในการล้างไตด้วยตนเองผลนั้นจะอยู่ได้นานแค่ไหนคะ
ตอบ คือการล้างไตที่เรียกว่าการล้างไตนั้น คนไข้ที่จะอยู่ได้เรื่อยๆ นอกจากว่าจะเกิดภาวะแทรกซ้อน ขึ้นเช่นมีการติดเชื้ออับเสบทางช่องท้องและถ้าเกิดจะเทียบกับการรักษาภาวะไตวายกับโรคอื่นๆ เช่น การฟอกเลือดเป็นต้น คือการทำไตเทียม นั้นเอง ก็ได้ผลใกล้เคียงกัน มีข้อดีข้อเสียแต่ละอย่างแตกต่างกัน แต่ผลก็ใกล้เคียงกันแต่การรักษาระดับของเสียในเลือด ด้วยการรักษาแบบล้างไตจะดีกว่า เพราะได้ทำตลอดเวลา ส่วนการทำไตเทียมนั้น ต้องเก็บมาหลายวัน และมาเอาออกสักทีผลก็ไม่ดีเท่า ในกรณีนั้นแต่ว่าการทำไตเทียม ก็มีข้อดีอย่างอื่นเหนือไปจากการล้างท้อง แต่ว่าที่จริงแล้ว ถ้าดูเปรียบเทียบกันแล้วมันก็บวกลบกันไปได้ แต่ว่าการรักษาด้วยการเปลี่ยนไต ก็คงดีกว่าการรักษาด้วยไตเทียมหรือว่าการล้างท้องนี้แน่นอน ในปัจจุบันนี้ ทีเราให้การรักษาด้วยการขจัดของเสียทางเยื่อบุช่องท้องนี้ เราสามารถที่ยึดชีวิตคนไข้ไปได้ ขณะเดียวกันก็มีบางคนที่ให้การรักษาวิธีนี้เพื่อที่จะยึดเวลาสำหรับคอยให้ได้ไตมาเปลี่ยนให้คนไข้
อ่านบทความเพิ่มเติม >>>>> SIRIRAJ E-PUBLIC LIBRARY
ขอบคุณเนื้อหาจาก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล