กรดอะมิโนในนมโค สารอาหารแห่งชีวิต สำหรับเด็กวัยเรียนรู้

กรดอะมิโนในนมโค สารอาหารแห่งชีวิต สำหรับเด็กวัยเรียนรู้

กรดอะมิโนในนมโค สารอาหารแห่งชีวิต สำหรับเด็กวัยเรียนรู้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เรารู้กันดีอยู่แล้วว่านมแม่คือ สุดยอดอาหารมหัศจรรย์ เพราะแค่เด็กแรกเกิดกินน้ำนมแม่เพียงอย่างเดียวตลอด 6 เดือนแรก ก็ได้รับสารอาหารมากถึง 200 ชนิด! แต่เพราะร่างกายของเด็กยังต้องเติบโตอย่างต่อเนื่อง หลังหย่านมแล้วจึงยังต้องดื่มนมอย่างต่อเนื่อง เพื่อเติมสารอาหารที่มีประโยชน์แก่ร่างกาย ซึ่งเมื่อนึกถึงนมโคส่วนใหญ่จะนึกถึงแคลเซียมที่อยู่ในนม แต่แท้จริงแล้ว นมยังเป็นแหล่งอาหารที่อุดมด้วยคุณประโยชน์มากมาย หนึ่งในนั้นคือ “กรดอะมิโน” ที่ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตทางร่างกายและสมอง ให้ลูกน้อยฉลาดและแข็งแรง 

            การเจริญเติบโตของสมองนั้นดำเนินขึ้นตั้งแต่เด็กอยู่ในครรภ์แม่จนถึงวัย 10 ขวบ โดยในช่วงอายุ 1-6 ขวบ อัตราการเจริญเติบโตของสมองจะเร็วมาก เซลล์สมองและใยประสาทจะเติบโตทั้งปริมาณและขนาด เพื่อสร้างกระบวนการทำงานของสมองสำหรับการเรียนรู้ โดยในช่วงวัยนี้ สมองจะเติบโตถึง 90% จากนั้นจะค่อยๆ เติบโตเป็นขั้นตอนจนอายุครบ 10 ขวบ เมื่อนั้น สมองของเด็กจึงจะมีขนาดใกล้เคียงกับผู้ใหญ่

            ดังนั้น ในช่วง 10 ปีแรกของชีวิตนี้เองที่เป็นเวลาสำคัญที่สุดในการให้อาหารที่ดีแก่สมอง ซึ่งการที่สมองของเด็กจะพัฒนาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพนั้น สิ่งที่สำคัญและขาดไม่ได้ คือ เด็กต้องได้รับกรดอะมิโนจำเป็น ที่ร่างกายสร้างเองไม่ได้ โดยมีอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ในนมโคนั้นเอง

กรดอะมิโน (Amino Acid) คือหน่วยเล็กๆ ของโปรตีน เมื่อเรากินอาหารเข้าไป ร่างกายจะทำการย่อยโปรตีนให้กลายเป็นกรดอะมิโน เพื่อดูดซึมสู่กระแสเลือด นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ร่างกายและสมอง

            กรดอะมิโนถือว่าเป็นโครงสร้างหลักของร่างกายคนเรา หรือ Building Block of Life เพราะเป็นส่วนประกอบต่างๆ ของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นเซลล์ เนื้อเยื่อต่างๆ เอ็นไซม์ ฮอร์โมน เรียกว่าใน DNA ของเราก็มีกรดอะมิโนเป็นส่วนประกอบทั้งนั้น

            นอกจากนี้ กรดอะมิโนยังมีบทบาทสำคัญในการสร้างสารสื่อประสาทในสมอง ที่ช่วยให้สมองทำงานได้ดี มีความตื่นตัว กระตุ้นการคิด ส่งเสริมความจำและการเรียนรู้ ดังนั้น หากเด็กขาดกรดอะมิโนจะทำให้ร่างกายเจริญเติบโตได้ไม่เต็มที่ ส่งผลเสียต่อร่างกายทั้งระบบ และสมองจะด้อยประสิทธิภาพลงเนื่องจากขาดสารสื่อประสาทสมองนั่นเอง

            กรดอะมิโนนั้นมีทั้งแบบที่ร่างกายสร้างเองได้และสร้างไม่ได้ กรดอะมิโนที่ร่างกายสร้างเองไม่ได้มี 9 ชนิด ที่จำเป็นต้องรับจากการรับประทานอาหาร เช่น เนื้อสัตว์ ไข่ ถั่ว นมโค โดยนมโคเป็นแหล่งของกรดอะมิโนจำเป็นที่มีคุณภาพ เพราะมีครบถ้วนทั้ง 9 ชนิด ในปริมาณที่สูง นอกจากนี้ นมโคยังบริโภคได้ง่าย ดื่มได้ในปริมาณที่มาก เมื่อเทียบกับอาหารชนิดอื่น เช่น ถั่ว หรือเนื้อสัตว์

 

นมโคมีกรดอะมิโนจำเป็นทั้ง 9 ชนิด โดยเฉพาะกรดอะมิโนระดับพระเอกอย่าง “ลิวซีน” ที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง เพิ่มพลังกล้ามเนื้อ ช่วยให้เซลล์ประสาทแข็งแรงขึ้น และ”วาลีน” ช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง และทำให้กล้ามเนื้อประสานกันได้ดี

นอกจากจะมีกรดอะมิโนครบถ้วนตามที่ร่างกายต้องการแล้ว ในน้ำนมโคยังมี เบต้าเคซีน (Beta Casein) ที่ช่วยให้ระบบขับถ่ายของเด็กเล็กย่อยอาหารได้ง่าย และดูดซึมแร่ธาตุสำคัญในร่างกายได้ดี ไม่ว่าจะเป็นแคลเซียม เหล็ก สังกะสี ทองแดง ฯลฯ ซึ่งเบต้าเคซีนมีเฉพาะในน้ำนมแม่ และรวมถึงน้ำนมวัวด้วย และในน้ำนมยังอุดมด้วยเกลือแร่หลายชนิด เช่น แคลเซียมและฟอสฟอรัส ซึ่งเป็นธาตุที่สำคัญที่สุดในการสร้างโครงกระดูกและฟัน โดยเฉพาะสำหรับเด็กแรกเกิดจนถึงเด็กโตที่กระดูกต้องขยายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบปริมาณต่อ 100 กรัมแล้ว ในนมโคมีแคลเซียมธรรมชาติมากกว่านมถั่วเหลืองถึงเกือบ 8 เท่า

รู้แบบนี้ คงหายสงสัยกันแล้วว่า ทำไมถึงมีคำกล่าวว่า “ดื่มนมเยอะๆ สิ จะได้ฉลาดและโตเร็วๆ”

 

อ่านข้อมูลสินค้าโฟร์โมสต์โอเมก้า 369 เพิ่มเติมที่ได้  Link : https://goo.gl/18XmYy

[Advertorial] 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook