เม็ดฝรั่ง กินแล้วเสี่ยงไส้ติ่งอักเสบจริงหรือไม่?

เม็ดฝรั่ง กินแล้วเสี่ยงไส้ติ่งอักเสบจริงหรือไม่?

เม็ดฝรั่ง กินแล้วเสี่ยงไส้ติ่งอักเสบจริงหรือไม่?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

“ไส้ติ่งอักเสบ” เป็นอาการที่ไม่มีใครอยากเป็น และหลายคนทราบกันดีว่าเกิดจากอาการอักเสบของไส้ติ่ง ซึ่งเป็นอวัยวะส่วนเล็กๆ ติดกับลำไส้ วันดีคืนดีมีอาการอักเสบขึ้นมา เราก็ปวดท้องจนเข้ารับการผ่าตัดที่โรงพยาบาลกันอย่างด่วน และคนที่มีความเสี่ยงต่อไส้ติ่งอักเสบก็มีอายุตั้งแต่ 15-45 ปีเลยด้วยซ้ำ ถือว่าเป็นช่วงอายุที่ยาวพอสมควร

ก่อนจะมาดูว่าเม็ดฝรั่งเป็นตัวการของไส้ติ่งอักเสบหรือไม่ เรามาดูที่สาเหตุของไส้ติ่งอักเสบกันก่อนดีกว่า

 

สาเหตุของไส้ติ่งอักเสบ

ไส้ติ่งอักเสบ เกิดจากอาการอักเสบที่เกิดขึ้นจากเศษอาหารหลุดเข้าไปหมักหมมอยู่ในไส้ติ่งเป็นเวลานานจนของเหลวหรือสารคัดหลั่งไม่สามารถไหลเวียนเข้าไปได้ตามปกติ จึงเกิดอาการอักเสบ โดยสิ่งที่หลุดลงไปในไส้ติ่งจะเป็นอะไรก็ได้ที่ลำเลียงอยู่ในลำไส้ เช่น เศษอาหาร พยาธิ เนื้องอก หรือต่อมน้ำเหลืองบริเวณนั้นมีอาการบวมจนทำให้ไส้ติ่งอุดตัน อักเสบ หรือติดเชื้อ

 

เม็ดฝรั่ง สาเหตุของไส้ติ่งอักเสบ?

เมื่อทราบแล้วว่าอะไรก็ตามที่เข้าไปอุดตันไส้ติ่งจนทำให้อักเสบ ก็เป็นสาเหตุได้ทั้งนั้น ดังนั้นก็ไม่ได้มีเพียงแค่เม็ดฝรั่งเท่านั้นที่เป็นอันตรายต่อการอุดตันของไส้ติ่ง ไม่ว่าจะเป็นอาหารชนิดใดก็มีความเสี่ยงด้วยกันทั้งนั้น เพียงแต่ลักษณะของเม็ดฝรั่งมีขนาดและความแข็งพอดีกับการอุดตันของไส้ติ่งเล็กๆ ได้นั่นเอง

 guava-seeds-2iStock

 

อาการของไส้ติ่งอักเสบ

อย่างที่หลายคนทราบกันว่าอาการของไส้ติ่งอักเสบมักมากับอาการปวดท้อง อาจจะไม่ได้ปวดท้องที่ตำแหน่งขวาล่างตั้งแต่แรก อาจจะปวดท้องรอบสะดือก่อน จากนั้น 6-12 ชั่วโมงต่อมาอาจจะเลื่อนมาปวดท้องบริเวณขวาล่าง แต่มีบ้างเช่นกันที่จะปวดบริเวณกลางท้อง หรือท้องส่วนขวาบน ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของไส้ติ่งของแต่ละคนว่าอยู่ตรงไหน ยิ่งใครที่ปวดท้องรุนแรงมากทั้งด้านซ้ายขวา อาจมีความเป็นไปได้ว่าไส้ติ่งอาจจะอักเสบรุนแรนจนถึงขั้นเน่า เป็นฝี หรือแตกกระจายทั่วท้องจนเริ่มติดเชื้อ

แต่ก่อนจะปวดท้องจนต้องเข้ารับการผ่าตัดแบบปัจจุบันทันด่วน อาจมีสัญญาณเตือนเบาๆ ที่หลายคนอาจไม่ทราบ เช่น เบื่ออาหาร ทานข้าวไม่ลง คลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายเหลว และมีไข้ แต่หลายคนอาจไม่ทราบว่าเกี่ยวกับอาการผิดปกติของไส้ติ่ง เลยทำให้ละเลยที่จะเข้าไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล

 

เพราะฉะนั้น หากใครไม่อยากเสี่ยงต่อไส้ติ่งอักเสบ นอกจากจะต้องทานอาหารโดยเคี้ยวให้ละเอียดก่อนกลืน หลีกเลี่ยงการทานอาหารแข็งๆ ที่ยากต่อการย่อยของกระเพาะอาหารแล้ว การตรวจสุขภาพประจำปี ตรวจช่องท้อง และคอยสังเกตอาการ ความผิดปกติของตัวเองอยู่เรื่อยๆ ไม่ละเลยที่จะใส่ใจดูแลตัวเอง ก็ช่วยลดความเสี่ยงไส้ติ่งอักเสบได้เช่นกันค่ะ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook