เล็บหนา-ผิวหนังลอก สัญญาณ “เชื้อราที่เท้า”

อย่ามัวแต่ใส่ใจอวัยวะอื่นๆ ในร่างกายที่สำคัญๆ อย่าง หัวใจ ตับ ไต หรือสมองเท่านั้น เพราะอวัยวะที่แบกรับน้ำหนักของร่างกายเราเอาไว้ตลอดเวลาอย่าง “เท้า” ก็สำคัญมากเช่นกัน ระหว่างอาบน้ำ หรือระหว่างที่เราบำรุงผิว เราให้ความสำคัญกับเท้ามากแค่ไหน มากพอที่จะทำให้เท้ามีสุขภาพดีหรือไม่ เพราะหากสุขภาพเท้าไม่ดี เท้าอาจติดเชื้อราได้

 

เชื้อราที่เท้า เกิดจากการติดต่อของเชื้อราที่สามารถติดต่อได้ผ่านทางมนุษย์สู่มนุษย์ สัตว์เลี้ยงมาสู่มนุษย์ และจากดิน หรือสิ่งแวดล้อมมาสู่มนุษย์ โดยสาเหตุหลังสามารถเกิดขึ้นได้บ่อยที่สุด

ลักษณะของเชื้อราที่เท้า อาจพบได้ง่ายๆ จากการสังเกตผิวหนังที่ลอกจากฝ่าเท้า ลามมาถึงซอกนิ้ว ซอกเล็บ โดยผู้ป่วยที่พบบ่อยที่สุด มักเป็นผู้สูงอายุ รองลงมาคือผู้ที่อยู่ในสภาวะแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม เช่น การสวมรองเท้าที่อบเท้าจนชื้นตลอดเวลา การทำงานที่เท้าต้องอยู่ในความชื้นตลอดวัน รวมไปถึงคนที่มีภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอ

 

สัญญาณ “เชื้อราที่เท้า”

- เล็บหนาขึ้น

- เล็บเปลี่ยนสี

- ผิวหนังที่ฝ่าเท้าหนาขึ้น

- ผิวหนังที่ฝ่าเท้าลอก

- มีฝ้าขาวที่ซอกนิ้ว

 

การรักษาโรคเชื้อราที่เท้า ทำได้โดยการทานยา การใช้ยาทาเฉพาะที่ หรือใช้อุปกรณ์อื่นๆ เช่น การเกลียวเล็บ การใช้เลเซอร์ โดยระยะการรักษาอาจใช้เวลาตั้งแต่หลายเดือนไปจนถึงหลายปี ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของเชื้อรา การตอบสนองของเชื้อราต่อยาที่ใช้รักษา รวมไปถึงสุขภาพของเท้า และเล็บของแต่ละคนด้วย

 

เพราะฉะนั้นการป้องกันเชื้อราที่เท้าทำได้ง่ายๆ เพียงแค่หลีกเลี่ยงภาวะเท้าอับชื้นตลอดเวลา หากรู้ตัวว่าเป็นคนเหงื่อออกเท้ามาก ควรถอดรองเท้าระหว่างวันเป็นระยะๆ หรือเลือกสวมรองเท้าที่ระบายอากาศได้ดี นอกจากนี้ยังต้องใส่ใจในการทำความสะอาดเท้าทุกครั้งที่อาบน้ำ เช็ดหลังทำความสะอาดให้แห้ง ดูแลเล็บเท้าให้สั้น และสะอาดอยู่เสมอ เท่านี้ก็ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นเชื้อราที่เท้าได้