ท้องเสีย-ท้องร่วงแบบไหน ควรไปหาหมอ?
อาการท้องเสียเป็นอาการอันดับต้นๆ ที่พบผู้ป่วยมาก รองลงมาจากอาการหวัดคัดจมูก หรือไม่สบายมีไข้ สังเกตได้จากสาเหตุของการขาดลามาสายของนักเรียน และวัยทำงานที่ไม่ค่อยพ้นเรื่องไม่สบาย และท้องเสีย สาเหตุมาจากการติดเชื้อไวรัส หรือเชื้อแบคทีเรียอะไรบางอย่างที่เข้าไปทำปฏิกิริยากับร่างกาย จนทำให้ร่างกายพยายามขับออกมาผ่านการอุจจาระ รวมไปถึงอาการอาเจียนในบางราย
อย่างไรก็ตาม หากใครมีอาการท้องเสีย ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมาโรงพยาบาลกันทุกครั้ง เพราะส่วนใหญ่อาการมักดีขึ้นเองภายใน 72 ชั่วโมง แต่ก็มีลักษณะอาการบางอย่างที่เป็นสัญญาณอันตราย เตือนภัยให้เราทราบว่า อาการท้องเสียของเราอาจไม่ธรรมดา ควรพบแพทย์ด่วน
ท้องเสีย-ท้องร่วงแบบไหน ควรไปหาหมอ?
- ทานอาหารไม่ได้ ทานไม่ลง ทานแล้วอาเจียนออกมาตลอด
- ทานยาลดอาการอาเจียน แล้วยังอาเจียนมาก หรืออาเจียนอย่างต่อเนื่อง (อาจจะต้องให้ยาลดอาการอาเจียนแบบฉีดที่โรงพยาบาล)
- มีอาการขาดน้ำ จากการสูญเสียน้ำในร่างกายมากเกินไป ตาโหล ปัสสาวะสีเข้มมาก และมีปริมาณน้อย
- อ่อนเพลียมาก ไม่มีแรงลุกขึ้นเดินไปไหน นอนซมตลอด
- ถ่ายเหลวในปริมาณมาก หรือบ่อยมากเกินไป จนดื่มน้ำเกลือแร่ เพื่อชดเชยน้ำที่สูญเสียไปจากร่างกายไม่ทัน (อาจจะต้องนอนให้น้ำเกลือ และอยู่ในการดูแลของแพทย์ที่โรงพยาบาล)
- อาเจียน ถ่ายเหลว และมีไข้สูงประกอบด้วย
ดังนั้น หากใครที่มีอาการดังกล่าว ควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วน แต่ใครที่ไม่มีอาการตามข้างต้น มีเพียงถ่ายเหลวที่อาการถ่ายค่อยๆ ดีขึ้น ค่อยๆ หยุดถ่ายได้เอง มีอาการอาเจียนแต่ไม่มาก แต่หยุดอาเจียนได้เอง สามารถพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านได้โดยไม่จำเป็นต้องทานยาฆ่าเชื้อ หรือยาอื่นๆ แล้วดื่มน้ำเกลือแร่ ORS สำหรับอาการท้องเสีย ท้องร่วงโดยเฉพาะตามไปหลังอาการท้องเสีย เพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำจากร่างกาย อาการจะค่อยๆ ดีขึ้นได้เองโดยไม่ต้องไปหาหมอค่ะ