“โนโรไวรัส” หวัดลงกระเพาะ ท้องเสีย-อาเจียนรุนแรงถึงเสียชีวิตได้

“โนโรไวรัส” หวัดลงกระเพาะ ท้องเสีย-อาเจียนรุนแรงถึงเสียชีวิตได้

“โนโรไวรัส” หวัดลงกระเพาะ ท้องเสีย-อาเจียนรุนแรงถึงเสียชีวิตได้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

อาการป่วยที่พบเห็นได้บ่อยพอๆ กับการเป็นหวัด ไม่สบาย มีไข้ นั่นก็คือ อาการท้องเสีย ท้องร่วง หรือบางรายอาจมีอาการอาเจียนร่วมด้วย หลายคนอาจคิดแค่ว่าเป็นอาการอาหารเป็นพิษ แล้วถามไถ่กันเพียงว่า “ไปทานอะไรมา ทานอาหารทะเลที่ไม่สะอาดมาหรือเปล่า” ซึ่งก็ไม่ใช่การคาดคะเนที่ผิดสักทีเดียว แต่นอกเหนือไปจากอาหารเป็นพิษแล้ว ยังอาจมีอีกโรคหนึ่งที่หลายคนอาจไม่เคยรู้จัก นั่นคือ โรคหวัดลงกระเพาะอาหาร หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่า “โนโรไวรัส”

 

“โนโรไวรัส” คืออะไร?

โนโรไวรัส เป็นเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคติดต่อจากคนสู่คน สามารถติดต่อได้ง่ายโดยสัมผัสทางอาหาร น้ำดื่ม และติดต่อทางอากาศ การหายใจได้ เช่น การหายใจใกล้กับผู้ป่วยที่อาเจียน การรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่มีเชื้อไวรัสปนเปื้อน โดยเฉพาะอาหารที่ปรุงไม่สุก เช่น อาหารทะเล ผัก ผลไม้สดที่ล้างไม่สะอาด รวมถึงการสัมผัสผู้ป่วยโดยตรง หรือสิ่งของที่มีเชื้ออยู่

เชื้อโนโรไวรัส พบว่ามีการระบาดในช่วงฤดูหนาว และที่ทำให้เชื้อนี้แพร่กระจายได้ง่าย และรุนแรง เพราะเป็นเชื้อที่มีความทนทานต่อสภาพแวดล้อม ทนความร้อนได้มากถึง 60 องศาเซลเซียส ทนต่อน้ำยาฆ่าเชื้อ และอยู่รอดบนผิววัตถุต่างๆ ได้นานหลายวัน

 

ใครที่มีความเสี่ยงติดเชื้อโนโรไวรัส?

เมื่อการติดต่อของเชื้อโนโรไวรัสมาจากการสัมผัสอาหาร น้ำดื่ม และอากาศ ดังนั้นเด็กเล็กที่ชอบเอามือเข้าปาก และอาจไม่ระมัดระวังในเรื่องของความสะอาดของอาหารมากพอ จึงมีความเสี่ยงในการติดเชื้อโนโรไวรัสมากกว่าผู้ใหญ่ โดยเฉพาะเด็กๆ ในสถานศึกษา และโรงเรียนต่างๆ แต่ผู้ใหญ่ทั่วไปก็สามารถติดเชื้อได้เช่นกัน หากสัมผัสอาหารด้วยมือที่หยิบจับอาหารที่มีเชื้อไวรัสปนเปื้อน หรือหายใจใกล้กับผู้ป่วยที่อาเจียน เป็นต้น

 

อาการของผู้ป่วยที่ติดเชื้อโนโรไวรัส

เมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกาย จะก่อให้เกิดการอักเสบที่กระเพาะอาหาร มีระยะฟักตัวสั้น 12-48 ชั่วโมง หลังรับเชื้อ จึงมักจะเข้าใจผิดว่าเป็นอาหารเป็นพิษ มีอาการคล้ายกัน คือ อาเจียนรุนแรง ปวดมวนท้อง ท้องเสีย ไข้ต่ำๆ หากมีอาการรุนแรงในเด็กเล็ก หรือผู้สูงอายุ อาจก่อให้เกิดการขาดน้ำได้

นอกจากนี้เชื้อไวรัสยังอาศัยอยู่บริเวณลำไส้เล็กส่วนต้น และทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน และเกิดความผิดปกติของการดูดซึมไขมัน และน้ำตาลของลำไส้เล็ก

หากผู้ป่วยมีอาการขาดน้ำจากการถ่ายท้อง ควรดื่มน้ำเกลือแร่เพื่อทดแทนการเสียน้ำและเกลือแร่ หรืออาจให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง

 

อันตรายของโนโรไวรัส

อาการขาดน้ำจากท้องร่วง ถือว่าเป็นอาการที่รุนแรงกว่าที่ใครหลายคนคิด เพราะอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้ป่วยโนโรไวรัสเสียชีวิตได้ นอกจากนี้ปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้ผู้ติดเชื้อโนโรไวรัสเสี่ยงมีอาการหนักถึงชีวิต ได้แก่ ผู้ป่วยที่พบว่ามีอุจจาระมีเลือดปน ผู้สูงอายุ หรือผู้ใหญ่ที่มีโรคประจำตัวชนิดรุนแรง เช่น โรคไต ภูมิคุ้มกันบกพร่อง ร่วมกับอาการท้องเสีย และอาเจียน รวมถึงผู้ป่วยที่ติดเชื้อโนโรไวรัสเป็นเวลานาน มีอาการอุจจาระร่วงนานนับเดือน อาจมีอาการรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้เช่นกัน

 

วิธีรักษาผู้ป่วยติดเชื้อโนโรไวรัส

โนโรไวรัส ไม่มียารักษาโดยตรง แต่สามารถรักษาตามอาการได้ เช่น หากมีอาการอาเจียน ให้ยาแก้อาเจียน ถ้าถ่ายมาก ขาดน้ำ ให้สารละลายเกลือแร่ หรือน้ำเกลือ ดังนั้นการให้ยาปฏิชีวนะจึงไม่ได้เป็นประโยชน์ในการรักษาการติดเชื้อโนโรไวรัส

 

วิธีป้องกันการติดเชื้อโนโรไวรัส

ควรรับประทานอาหารที่ปรุงสุก ล้างผักและผลไม้ให้สะอาด หลีกเลี่ยงน้ำ และอาหารที่ไม่สะอาด ควรล้างมือด้วยสบู่ ถูให้ทั่วนาน 15 วินาที ก่อนล้างมือด้วยน้ำสะอาด และผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงการทำอาหารให้ผู้อื่นรับประทาน หรือใช้หลักการ “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ” เพื่อสุขอนามัยที่ดีของตัวผู้ป่วยเอง และคนรอบข้าง และเพื่อเป็นการหยุดการแพร่เชื้อจากคนสู่คนต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook