บทสรุป สเปคอย่างไม่เป็นทางการบน ไอโฟน 5
บทสรุป สเปคอย่างไม่เป็นทางการบน ไอโฟน 5 (iPhone 5) ก่อนเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ 12 ก.ย.นี้
อัพเดทข่าวล่าสุด เกี่ยวกับ ไอโฟน 5 (iPhone 5)
เหลือเวลาอีกเพียงแค่ 2 สัปดาห์เท่านั้นครับ ไอโฟนรุ่นใหม่ หรือ ไอโฟน 5 (iPhone 5) ก็จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว แน่นอนว่าที่ผ่านมา หลายๆ ท่านคงจะได้เห็นภาพหลุด ทั้งชิ้นส่วนภายใน ชิ้นส่วนภายนอก จนเอียนกันไปข้างหนึ่งแล้วอย่างแน่นอน คราวนี้ ขอเปลี่ยนบรรยากาศซักเล็กน้อย มาเป็น บทสรุปสเปคอย่าง (ไม่) เป็นทางการ ของ ไอโฟน 5 (iPhone 5) กันบ้าง
และก็เหมือนทุกๆ ปีครับ ผลิตภัณฑ์ชื่อดังของ Apple ทั้ง iPhone หรือ iPad มักจะมีภาพหลุด และสเปคก่อนเปิดตัวจริงเสมอ และที่สำคัญ ภาพและสเปคดังกล่าว มักจะเป็นความจริงถึง 90% เลยทีเดียว มาดูกันสเปค ถ้าหาก ไอโฟน 5 (iPhone 5) เปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 12 กันยายนนี้ จริงแล้วล่ะก็ ควรจะมีสเปคเป็นอย่างไร
การออกแบบ
สิ่งสำคัญ ที่ทำให้ ไอโฟน 5 (iPhone 5) มีความน่าสนใจไม่น้อยกว่าซีพียู ก็คือ การออกแบบตัวเครื่องนั่นเองครับ เพราะเหตุใด การออกแบบ ไอโฟน 5 (iPhone 5) จึงเป็นที่น่าจับตามองนัก เป็นเพราะว่า การเปิดตัว ไอโฟน 4S (iPhone 4S) ในครั้งก่อน กลับมีบอดี้ที่เหมือนกับ iPhone 4 นั่นเองครับ ฉะนั้น การที่ ไอโฟน 5 (iPhone 5) จะมีทั้งขนาด และการออกแบบที่เหมือนกับ ไอโฟน 4S (iPhone 4S) คงไม่ใช่สิ่งที่ Apple ควรจะทำเท่าไหร่ จึงได้รับการฟันธงว่า ไอโฟน 5 (iPhone 5) จะต้องมีการออกแบบที่แตกต่างไปจาก ไอโฟน 4S (iPhone 4S) อย่างแน่นอน
แต่คำถามที่ตามมาก็คือว่า แล้ว ไอโฟน 5 (iPhone 5) จะออกแบบให้แตกต่างจาก ไอโฟน 4S (iPhone 4S) ในส่วนใดได้บ้าง คำตอบแรกก็คือ ขนาดหน้าจอครับ โดยการรายงานข่าวหลากสำนักที่ผ่านมา ต่างเชื่อว่า ไอโฟน 5 (iPhone 5) จะมีขนาดหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น จากเดิม 3.5 นิ้ว เป็น 4 นิ้ว ซึ่งหลายๆ ท่านอาจจะมองว่า ยังเล็กไปถ้าหากเทียบกับขนาดหน้าจอของสมาร์ทโฟนที่วางจำหน่ายในท้องตลาดใน ปัจจุบัน แต่คาดว่า Apple คงจะวิเคราะห์มาเป็นอย่างดีแล้วว่า หน้าจอขนาด 4 นิ้ว เหมาะสมกับ ไอโฟน 5 (iPhone 5) มากที่สุดนั่นเองครับ
นอกจากนี้ ไอโฟน 5 (iPhone 5) ยังใช้เทคโนโลยีแบบ in-cell ซึ่งเป็นเทคโนโลยีจากประเทศญี่ปุ่น มาใช้เป็นส่วนประกอบในการผลิตหน้าจอ ไอโฟน 5 (iPhone 5) โดยปกติแล้ว สมาร์ทโฟนทั่วๆ ไป จะใช้เทคโนโลยีแบบ on-cell ครับ แต่เทคโนโลยีแบบ in-cell นี้ จะช่วยทำให้หน้าจอ ไอโฟน 5 (iPhone 5) บางลงได้มาก เนื่องจากตัว touch sensors นั้น มาอยู่รวมกับ color filters แทน ซึ่งถ้าหากเป็นสมาร์ทโฟนปกติ ตัว touch sensors จะอยู่ด้านบนครับ ฉะนั้น เทคโนโลยีแบบ in-cell จะช่วยทำให้ Apple ลดความบางของหน้าจอลงได้ แถมมีน้ำหนักเบา โดยที่ไม่จำเป็นต้องลดสเปคในส่วนอื่นๆ
จากภาพ mock up ไอโฟน 5 (iPhone 5) ที่เห็นกันโดยทั่วไปจะพบว่า กรอบด้านหน้านั้น ยังคงคล้ายกับ ไอโฟน 4S (iPhone 4S) แต่กรอบด้านหลัง จะมีการออกแบบที่เปลี่ยนไป โดยจะมีความแตกต่างกันอยู่ 2 จุดคือ ตรงกลางเครื่อง จะเป็นอะลูมิเนียมขัด หรือไม่ก็ Liquid metal ส่วนด้านบนและด้านล่าง คาดว่า น่าจะเป็นพลาสติก หรือไม่ก็กระจก ซึ่งเป็นดีไซน์แบบ Two-tone นั่นเอง ก็ดูเท่ห์ไปอีกแบบครับ
ระบบประมวลผล
สำหรับซีพียู หรือระบบประมวลผลบน ไอโฟน 5 (iPhone 5) นั้น ว่ากันว่า จะมีการเปลี่ยนมาใช้ซีพียูแบบ Quad-core Processor ชิปเซ็ท Apple A6 ครับ สังเกตได้จากการเปลี่ยนแปลงบน ไอโฟน 4S (iPhone 4S) ที่เปลี่ยนชิปเซ็ทจากเดิม Apple A4 มาเป็น Apple A5 และ The new iPad (iPad 3) ที่เปลี่ยนจาก Apple A4 มาเป็น Apple A5X ฉะนั้น มีความเป็นไปได้ที่ ไอโฟน 5 (iPhone 5) จะเปลี่ยนมาใช้ Apple A6 ซึ่งเป็นซีพียูแบบ Quad-core Processor ได้เช่นกัน
เครือข่าย 4G LTE
หลังจากที่มีปัญหาเรื่องเครือข่าย 4G บน The new iPad (iPad 3) ในประเทศออสเตรเลีย ที่ผู้ใช้งานไม่สามารถเลือกใช้งานเครือข่าย 4G ได้ตามโฆษณา จนกลายเป็นคดีฟ้องร้องและเสียค่าปรับกันไป จึงมีความเป็นไปได้ที่ Apple อาจจะ hold เรื่องการรองรับเครือข่าย 4G LTE บน ไอโฟน 5 (iPhone 5) เอาไว้ก่อน หรือไม่ก็อาจจะมี แต่เป็นการระบุเป็นประเทศๆ ไปว่า ประเทศใดสามารถใช้งานเครือข่าย 4G LTE บน ไอโฟน 5 (iPhone 5) ได้บ้าง
Dock connector แบบใหม่
กลายเป็นเรื่องที่ฮือฮาอย่างมาก เมื่อมีข่าวว่า Apple จะเปลี่ยนมาใช้ Dock connector แบบใหม่จากเดิม 30-pin เหลือ 8-pin เพื่อเป็นการลดพื้นที่ และเป็นส่วนช่วยทำให้ตัวเครื่องบางลงได้ ซึ่งนอกจาก Dock connector จะมีการปรับขนาดลงแล้ว ในส่วนของช่องสำหรับหูฟัง ได้ย้ายจากด้านบน มาไว้ด้านล่างตัวเครื่องด้วย
แน่นอนว่า การเปลี่ยน Dock connector เป็นแบบใหม่นี้ ผู้ที่ได้รับผลกระทบแบบเต็มๆ คือ ผู้ผลิตอุปกรณ์เสริมครับ เพราะต้องผลิตใหม่ทั้งหมด แต่ก็ไม่แน่ว่า Apple เอง น่าจะเปิดตัวหัวแปลง Dock ด้วยเช่นกัน เพราะคงไม่ดีแน่ถ้าหากต้องให้ผู้บริโภค เปลี่ยนอุปกรณ์เสริมแบบยกเซ็ท
กล้อง
สำหรับบทสรุปของความละเอียดเซนเซอร์บน ไอโฟน 5 (iPhone 5) ยังไม่มีแหล่งข่าวใดยืนยันได้ว่า Apple จะมีการปรับความละเอียดไปจากเดิมหรือไม่ แต่ถ้าจะมีเทคโนโลยีใหม่ๆ บนกล้อง ไอโฟน 5 (iPhone 5) ที่จะช่วยให้การถ่ายภาพดีขึ้นกว่าเดิมเสียมากกว่า ส่วนความละเอียดนั้น น่าจะอยู่ระหว่าง 8-10 ล้านพิกเซลครับ
ฟีเจอร์อื่นๆ
ในส่วนของฟีเจอร์ที่จะมีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติม ก็คือ ซิมการ์ดครับ คาดกันว่า ไอโฟน 5 (iPhone 5) จะมีการเปลี่ยนจาก microSIM มาใช้ nanoSIM ซึ่งมีขนาดที่เล็กกว่าเดิมมาก และช่วยประหยัดพื้นที่ของฮาร์ดแวร์ภายในด้วย ส่วนแบตเตอรี่นั้น จะมีการใช้แบตเตอรี่แบบใหม่ เพื่อรองรับทั้งซีพียูแบบ Quad-core Processor รวมไปถึงการรองรับเครือข่าย 4G LTE ด้วยเช่นกัน (ถ้ามี)
ราคา
สำหรับราคา ไอโฟน 5 (iPhone 5) ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่า จะถูกลง หรือแพงขึ้นกว่า ไอโฟน 4S (iPhone 4S) หรือไม่ คงต้องรอการเปิดตัวก่อนจึงจะสามารถสรุปได้ครับ แต่คาดว่า Apple คงจะเปิดราคา ไอโฟน 5 (iPhone 5) เท่ากับ ไอโฟน 4S (iPhone 4S) ตอนเปิดตัว ในขณะที่ราคาจำหน่าย ไอโฟน 5 (iPhone 5) ในไทย อาจจะมีการปรับเพียงเล็กน้อย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผู้ที่รับผิดชอบในด้านนี้ด้วยนะครับ
ยังคงยืนยันเหมือนเช่นเคยครับว่า สเปคที่ระบุไว้ข้างต้นนี้ ยังเป็นสเปคแบบ "ไม่เป็นทางการ" ที่ยังไม่ได้รับการยืนยันจาก Apple จนกว่าจะถึงวันเปิดตัว ไอโฟน 5 (iPhone 5) ซึ่งในวันนั้น อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงอีกมาก มีโอกาสถูกผิดได้ 50-50 หรืออาจจะมีเซอร์ไพร์สเล็กๆ จาก Apple ก็เป็นได้ครับ วันที่ 12 กันยายนนี้ ได้ทราบกันอย่างแน่นอนครับว่า ไอโฟน 5 (iPhone 5) จะออกมาเป็นอย่างไรกันแน่ - appdevice.com
ขอบคุณเนื้อหา และภาพประกอบ: techmoblog.com