MacBook Pro Retina 15 [Mid 2012] Review
MacBook Pro Retina 15 [Mid 2012] Review
เกริ่นนำ
ในก่อนหน้านี้หลายท่านคนคงได้ชมรีวิวในส่วนของ MacBook Air 13 [Mid 2012] กันไปแล้ว หลังจากที่ทาง Apple ได้มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ MacBook รุ่นใหม่ๆ อย่าง MacBook Air และ MacBook Pro ซึ่งหลักๆ ก็จะเป็นเรื่องของสเปกภายในที่เปลี่ยนไปให้มีความแรงขึ้นโดยใช้ชิปประมวลผล รุ่นล่าสุดอย่าง Intel Core i Gen 3 หรือที่เรานิยมเรียกกันว่า Ivy Bridge พร้อมทั้งติดตั้งพอร์ตความเร็วสูงอย่าง USB 3.0 เป็นครั้งแรก อีกทั้งถ้าเป็น MacBook Air 11, 13 และ MacBook Pro 13 ที่ใช้กราฟิกการ์ดแบบออนบอร์ดก็จะเปลี่ยนเป็น Intel HD4000 ทั้งหมด (เป็นกราฟิกการ์ดภายในส่วนของ Ivy Bridge อยู่แล้ว) และสำหรับ MacBook Pro 15 ก็จะเป็นกราฟิกการ์ดรุ่นล่าสุดจาก NVIDIA อย่าง GT 650M ที่มาพร้อมหน่วยความจำ DDR5 ขนาด 1GB ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมใหม่หมดจดอย่าง Kepler ที่ให้ประสิทธิภาพในด้านของการประมวลผลกราฟิกที่ดีกว่าเดิมมาก ส่วน MacBook Pro 17 นั้น ได้ยกเลิกการผลิตไปแล้ว จากการที่ยอดขายนั้นไม่ค่อยสู้ดีนัก (ซึ่งหลายคนที่จำเป็นต้องใช้งานขนาดหน้าจอ 17 นิ้ว ก็เสียดายอยู่)
นอกเหนือจากนี้ทาง Apple เองยังได้มีการเปิดตัว MacBook Pro รุ่นใหม่ล่าสุด อย่าง MacBook Pro with Retina Display ที่ถือได้ว่าเป็น MacBook รุ่นใหม่จริงๆ (โดยก่อนนี้เราได้เคยเขียนบทความ Hands-On เอาไว้แล้ว) เพราะไม่ใช่เพียงแต่เปลี่ยนสเปกหรือคุณสมบัติข้างในเท่านั้น ที่หลักๆ ก็คือเปลี่ยนมาใช้หน่วยความจำรองมาเป็นแบบ Flash Memory หรือที่เรานิยมเรียกกันว่า SSD (Solid-state drive) โดยด้านดีไซน์การออกแบบยังได้รับการเปลี่ยนแปลงใหม่ทั้งหมด โดยมีความบางเกือบจะเท่า MacBook Air และน้ำหนักเบากว่า MacBook Pro 15 พอสมควร ที่สำคัญจัดได้ว่าเป็นว่า MacBook ตัวแรกที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี Retina Display และเลือกใช้เทคโนโลยีหน้าจอพาเนลคุณภาพสูงอย่าง IPS (In-Plane Switching) ซึ่งก่อนหน้านี้ผลิตภัณฑ์ทั้ง iPad, iPhone ได้มีการใช้อยู่แล้ว ผลที่ได้ก็คือหน้าจอได้ให้ทั้งความคมชัดที่เหนือกว่าหน้าจอทั่วๆ ไป รวมไปถึงสีสันที่สวยจริงอย่างที่สุด สำหรับ MacBook Air หรือ MacBook Pro รุ่นก่อนๆ ได้ใช้เพียงพาเนลแบบ TN ที่คุณภาพสูงเท่านั้น และส่วนของ iMac ถึงว่าจะใช้พาเนลหน้าจอ IPS อยู่แล้ว แต่ก็ยังไม่มีเทคโนโลยี Retina Display อยู่ดี จึงเรียกได้ว่า MacBook Pro with Retina Display รุ่นนี้ ปัจจุบันเป็นผลิตภัณฑ์ Mac รวมไปถึงเป็นคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กที่มีความสมบูรณ์แบบที่สุดในเรื่องของการ แสดงผลก็ว่าได้ครับ ยังไงลองไปชมวีดีโอแนะนำ MacBook Pro with Retina Display ตัวเต็มกันก่อนเลยครับ
โดยสามารถสรุปจุดที่น่าสนใจได้ ดังนี้
- ดีไซน์ใหม่ ที่มาพร้อมความบางเบา สวยงาม จนทุกคนสะดุดตา
- มีประสิทธิภาพ พลังการทำงานที่สูง ด้วยชิปประมวลผล CPU, GPU, Ram และ SSD
- ครั้งแรกกับหน้าจอเทคโนโลยี Retina Display ที่ให้ความคมชัดและสวยสมจริง
- มีพอร์ตเชื่อมต่อ Thunderbolt จำนวน 2 พอร์ต, USB 3.0 จำนวน 2 พอร์ต และครั้งแรกที่มีพอร์ต HDMI
- เป็นคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กที่มีความประณีตตั้งแต่การออกแบบดีไซน์ด้วยงานประกอบด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย
- ระบบระบายความร้อนแบบใหม่พร้อมพัดลมที่ออกแบบมาให้ลดเสียงรบกวน
- มาพร้อมกับโปรแกรมที่รองรับการทำงานได้อย่างเต็มสมรรถนะ
สำหรับ MacBook Pro with Retina Display ชื่อนี้อาจจะฟังดูแล้วยาวๆ จึงได้มีหลายคนเรียกใหม่กันว่า MacBook Pro Retina 15 ที่เป็นการย่อให้สั้นลงมา พร้อมกับเติมคำว่า 15 นิ้วลงไป เพราะจากข้อมูลเท่าที่ทราบมา คาดว่า Apple ต้องมีการส่ง MacBook Pro ขนาด 13 นิ้ว ที่ใช้เทคโนโลยีหน้าจอ Retina Display มาอย่างแน่นอนในอนาคตอันใกล้นี้ ในส่วนของสเปกแบบเต็มๆ ของ MacBook Pro Retina 15 จะแบ่งออกเป็น 2 รุ่นด้วยกันก็คือ รุ่น Core i7-3615QM 2.3GHz / SSD 256GB และ รุ่น Core i7-3720QM 2.6GHz / SSD 512GB โดยสเปกอื่นๆ อย่างแรมหรือกราฟิกการ์ดก็ใช้ตัวเดียวกัน สนนราคาตามลำดับอยู่ที่ 72,900 บาท และ 94,900 บาท สำหรับรุ่นที่เราได้นำมารีวิวในบทความนี้นั้นเป็นเครื่องของตัวผู้เขียนเอง จากการสั่งผ่านทาง Apple Store Online Thailand ซึ่งก็เป็นรุ่น Core i7-3615QM 2.3GHz / SSD 256GB ที่ได้มีการเพิ่มแรมเป็นขนาด 16GB มาจากโรงงาน โดยการจ่ายเงินเพิ่มอีก 5,600 บาท (ที่เพิ่มเพราะรู้แน่ว่า 8GB จะไม่เพียงพอสำหรับการใช้งานของตัวเอง) ในการส่งสินค้าก็ใช้เวลาประมาณ 3 อาทิตย์ ที่ทาง DHL จะมาส่งถึงบ้าน หรือจะไปรับที่ศูนย์ DHL เองเลยก็ได้
*Intel Core i7-3615QM จะมีข้อแตกต่างกับ Intel Core i7-3610QM เล็กน้อย ในส่วนของขนาดชิปที่เล็กกว่าและ Intel HD4000 ที่ดีกว่าเล็กน้อย พร้อมรองรับเทคโนโลยี Intel® Virtualization Technology for Directed I/O (VT-d) อีกด้วยครับ ใครสนใจสามารถชมตารางเปรียบเทียบได้ที่นี่ <<<
เพิ่มเติมกับเทคโนโลยี Retina Display ที่ใส่มาใน MacBook Pro Retina 15 รุ่นนี้ เป็นความละเอียด 2880 x 1800 พิกเซล โดยหน้าจอมีขนาด 15.4 นิ้วในสัดส่วนจอ 16:10 ตามมาตรฐานจอของ MacBook ที่ยังใช้สัดส่วนนี้อยู่ (ยกเว้น MacBook Air 11 รุ่นเดียวที่เป็นสัดส่วนจอ 16:9 แล้ว) ซึ่งในเรื่องของการใช้งานจริงๆ นั้น ตามต่อกันได้ในรีวิว ต่อที่หน่วยความจำแรม จะเป็นรูปแบบฝังมาในบอร์ดอย่างที่ MacBook Air เป็นมาแล้ว นั่นก็หมายความว่าเราไม่สามารถเพิ่มได้ด้วยตนเองอย่างแน่นอน ถ้าจะเพิ่มคือต้องสั่งให้เพิ่มมาจากโรงงานเท่านั้น สำหรับเครื่อง ที่มีการสั่งสเปกพิเศษนอกเหนือจากรุ่นที่มีขายตามร้าน ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มแรม หรือฮาร์ดดิสก์ หรืออื่นๆ จะถูกเรียกว่าเป็นเคร่ือง CTO (Configure-To-Order) อันนี้แจ้งให้ทราบกันไว้เผื่อว่ามีคนสงสัยกัน และอีกหนึ่งจุดสำคัญก็คือ Mac ทุกรุ่นที่ซื้อตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม จะมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการตัวล่าสุดอย่าง Mac OS X 10.8 Mountain Lion หรือถ้าใครที่ซื้อ Mac ตั้งแต่วันที่ 11 มิถุนายนก็ สามารถอัพเกรดเป็น OS X 10.8 Mountain Lion ได้ฟรีๆ ครับ
ตัวเครื่องและการออกแบบ
คราวนี้เราก็จะมาพบกับตัวเป็นๆ ของ MacBook Pro Retina 15 กันแล้ว เริ่มกันที่กล่องบรรจุภัณฑ์ที่มีลักษณะหน้าตาคล้ายๆ เดิม ก็คือเป็นกล่องสีขาวสะอาดตา ดูแล้วเรียบๆ บนกล่องจะมีเพียงรูป MacBook Pro Retina 15 วางตัดขวางไว้เท่านั้น ในด้านหลังกล่องบริเวณซ้ายล่างก็จะเป็นข้อมูลเกี่ยวกับสเปกของเครื่องและ Serial number รวมไปถึงสถานที่ผลิต กับรายละเอียดเล็กๆ น้อย โดยเมื่อเปิดกล่องขึ้นมาเราก็จะพบกับตัวเครื่อง MacBook Pro Retina 15 และอแดปเตอร์ขนาด 85W กับสายไฟ, หัวปลั๊ก และผ้าเช็ดหน้าจอเท่านั้น (ส่วนของ MacBook Air ไม่ได้ให้มา) ซึ่งในส่วนนี้เดี๋ยวเรามาชมกันอีกทีนะครับ
เมื่อเปิดฝาเครื่อง MacBook Pro Retina 15 ขึ้นมา เราจะพบกับหลายๆ สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป อย่างเช่นพื้นที่ขอบจอที่มีความบางลง และคำว่า MacBook Pro ได้ถูกนำออกไปจากบริเวณด้านล่างตรงกลางของหน้าจอ ซึ่งคาดว่าด้วยความที่ขอบจอมีความบางลง ทำให้ถ้านำคำว่า MacBook Pro ไว้ตำแหน่งเดิมคงดูไม่สวยงาม แต่โดยรวมๆ แล้วก็ยังถือว่าไม่แตกต่างไปจากเดิมมากนัก ถ้าคนไม่เคยใช้ MacBook หรือไม่เคยสังเกตุมาก่อน ดูเหมือนว่าจะแยก MacBook Pro Retina 15 และ MacBook Pro 15 ไม่ค่อยออก (ข้อมูลจากคนรอบข้าง)
คราวนี้มาเจาะกันแบบชัดๆ จะเห็นว่ารูปแบบตำแหน่งในตัวเครื่องจะคล้ายกับ MacBook Pro 15 ทีเดียว อย่างเช่นลำโพงแบบสเตอริโอซ้ายขวาข้างๆ คีย์บอร์ด ที่จากการทดลองใช้งานจริง พบว่าเป็นลำโพงที่มีคุณภาพให้เสียงที่ค่อนข้างดีทีเดียว จะบอกว่าเป็นลำโพงของ MacBook ที่ให้เสียงที่ดีที่สุดก็ว่าได้ เพราะทั้งเสียงแหลม เสียงกลางสามารถทำได้ดี รวมไปถึงเสียงทุ้มที่ก็มีมาให้ ถือว่าอาจจะไม่หนักแน่นมากแต่ก็ครบถ้วน ลักษณะเสียงออกไปแนวกว้างๆ โดยส่วนตัวแล้วชอบมากๆ ทีเดียว ซึ่งในลำโพงทางด้านซ้ายจะมีการติดตั้งชุดไมค์ไว้พร้อมใช้งานแล้ว
สำหรับคีย์บอร์ดยังได้คงรูปแบบเดิมไว้ซึ่งก็ถือว่าทำไว้ดีอยู่แล้วเช่น กันตามสไตล์ของ Mac กับคีย์บอร์ด 4 แถวขนาด Full Size อีกทั้งด้านการใช้งานในการพิมพ์ ก็ยังตอบสนองได้เป็นอย่างดีทั้งขนาดแป้นพิมพ์ที่รับกันนิ้วและช่องว่าง ระหว่างแป้นที่ทำให้มีความแม่นยำในการกด รวมทั้งแป้นก็เด้งกับนิ้วเมื่อกดลงไปอย่างพอดี ที่สำคัญมาพร้อมกับไฟส่องสว่างคีย์บอร์ด หรือหลายๆ คนอาจจะเรียกว่า Backlit Keyboard ที่สามารถใช้งานจริงได้สมบูรณ์แบบ ไม่แยงตาอย่างโน้ตบุ๊กบางรุ่นบางยี่ห้อ และสามารถปรับระดับไฟได้ตามต้องการของลักษณะแสงและ Ambient light sensor คอยปรับความสว่างไปอัตโนมัติอย่างนุ่มนวลทั้ง Backlit Keyboard และความสว่างของหน้าจอ ส่วนด้านบนของแป้นคีย์บอร์ดที่เป็นปุ่ม F1-F12 จะเป็นปุ่มฟังก์ชุ่นการทำงานพิเศษ อาทิเช่น การปรับความสว่างหน้าจอ เพิ่มเสียงลดเสียง และเรียกใช้งาน Mission Control, Launchpad & Dock ซึ่งมีข้อสังเกตอยู่ว่าปุ่ม Power ได้ย้ายมาอยู่ตำแหน่งของ Eject เดิม (มุมซ้ายบนสุดของคีย์บอร์ด) จากการที่ไม่จำเป็นต้องใช้ปุ่ม Eject แล้วในตัวของ MacBook Pro Retina 15 ไม่มี Super Drive
ทัชแพด หรือใน Mac จะเรียกว่า Trackpad ยังคงมีลักษณะรูปแบบหน้าตาเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งในเรื่องของสัดส่วนขนาด ที่เป็นวัสดุที่ทำออกมาได้ดี สามารถลากนิ้วได้ลื่น ไม่เกิดอาการสะดุดหรือหน่วงใดๆ ซึ่งจากการใช้งานจริง พบว่าสามารถตอบสนองการใข้งานได้เป็นอย่างดี ทั้งในการใช้งานแบบปกติหรือใช้งานฟังก์ชันการทำงานแบบ Multi-Touch Gesture จริงๆ อย่างที่ทัชแพดควรจะเป็นในโน้ตบุ๊กทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานตั้งแต่ 1 นิ้ว ไปจนถึง 5 นิ้ว ก็มีให้ใช้งานได้ครบถ้วนในระบบปฏิบัติการ OS X
มาชมกันต่อกับในส่วนของบริเวณหน้าจอกันบ้าง อย่างที่บอกไปแล้วว่า MacBook Pro Retina 15 นั้น จะมีขอบจอที่บางลงกว่า MacBook Pro 15 อย่างชัดเจน แต่ก็ยังคงหน้าจอแบบไร้ขอบอยู่ ซึ่งมีข้อดีก็คือไม่มีฝุ่นผงอะไรไปติดตามขอบจอทำให้ดูสกปรกง่ายๆ อีกทั้งขอบจอยังมีการเลือกใช้เป็นสีดำ นั่นก็เป็นเพราะว่าทาง Apple อยากให้หน้าจอนั้นดูว่ามีพื้นที่ใหญ่กว่าความเป็นจริง ประกอบกับหน้าจอของ MacBook Pro Retina 15 นี้เป็นแบบ Glare หรือจอกระจกด้วยการใช้กระจกเพียงชิ้นเดียวกั้นน้าจอเอาไว้ ที่ให้มีสีสันที่สดใสและแสงสะท้อนที่เกิดขึ้นมีน้อย เทียบกับโน้ตบุ๊กที่เป็นจอกระจกด้วยกันจะเห็นได้ชัดว่า มีการสะท้อนแสงที่น้อยกว่าพอสมควร ซึ่งถ้าใครกังวลเรื่องแสงสะท้อน ก็สามารถไปชมตัวจริงกันก่อนได้เลย ว่าที่เขียนไปจริงเท็จขนาดไหน รวมไปถึงในอนาคตไม่แน่ใจว่าทาง Apple จะมีตัวเลือกอย่างหน้าจอ Anti-Glare มาให้เลือกซื้อในกรณีสั่งแบบ CTO อย่างที่มีใน MacBook Pro ธรรมดาหรือเปล่า อันนี้คงต้องรอดูกันอีกที สำหรับคนที่ต้องการจอแบบด้าน หรือไม่ในตอนนี้ก็คงสามารถแก้ปัญหาด้วยฟิล์มหน้าจอแบบด้าน แต่ก็แน่นอนว่าจะทำให้สีสันหรือแสงนั้นลดคุณภาพลงไป
สำหรับบานพับของ MacBook Pro Retina 15 ดูแล้วค่อนข้างเหมือนเดิมก็คือเป็นแบบแกนเดียวที่ให้ความแข็งแรงเมื่อใช้งาน และไม่หลวมหรือคลอนง่ายๆ เมื่อใช้งานไปนานๆ แต่ความจริงแล้วในเรื่องของการออกแบบดีไซน์ได้เปลี่ยนไปนิดหน่อย สังเกตุได้ว่ามีขนาดเล็กลงเล็กน้อย เพื่อเพิ่มพื้นที่ในช่องว่างของช่องทางระบายความร้อนให้มีมากกว่าเดิม แต่ในการใช้งานจริงเรื่องการปิดเปิดบานพับก็ยังคงแน่นไม่ต่างไปจากเดิมเลย ประกอบกับทาง Apple ยังได้มีการติดตั้งแม่เหล็กไว้บริเวณขอบฝาด้านบนไว้สองตำแหน่งทั้งซ้ายและ ขวา เพื่อให้ตัวเครื่องและฝาประกบกันสนิท แต่ก็ไม่ถืงกับทำให้เปิดฝาขึ้นมาใช้งานลำบากแต่อย่างใด
มาต่อกันที่ด้านล่างตัวเครื่องของ MacBook Pro Retina 15 จะเห็นว่า ดูแล้วแทบไม่ต่างจาก MacBook Air หรือ MacBook Pro เลย แต่ถ้ามามองกันให้ดีๆ จะเห็นความแตกต่างอยู่บ้าง อย่างการที่ย้ายคำว่า MacBook Pro มาอยู่ด้านล่าง และส่วนของน็อตก็เป็นแบบพิเศษเช่นเดียวกับตัว MacBook Air (ลักษณะเป็นแบบดาว 5 แฉกตรงกลางลึกลงไป) ที่เรียกได้ว่าใครจะหาซื้อไขควงมาแกะคงต้องลำบากกันเสียหน่อย (โดยส่วนตัวว่าจะแกะแต่ก็ยังไม่มีเวลาไปเดินหาอย่างจริงจังเลย) คาดการณ์ว่าเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ผู้ใช้งานอย่างเราๆ สามารถแกะเครื่องได้ตัวเองง่ายๆ แต่ใน MacBook Pro 13, 15 ยังคงใช้แบบหัวสี่แฉกมาตรฐานอยู่
นอกเหนือจากนี้ MacBook Pro Retina 15 บริเวณใต้เครื่องด้านข้างซ้ายและขวา ยังมีการออกแบบให้มีช่องทางของการดูดอากาศเย็นเข้า เพื่อเป็นตัวช่วยในการระบายความร้อนให้ดียิ่งขึ้น ประกอบกับใช้พัดลมระบายความร้อนข้างในเครื่องจำนวน 2 ตัว ในการท่ายเทความร้อนออกไปจากช่องทางใต้หน้าจอ เรียกได้ว่า MacBook Pro Retina 15 รุ่นนี้เป็นตัวแรกที่ทาง Apple ส่งระบบระบายความแบบนี้ออกมา จากที่ก่อนหน้านี้จะใช้ระบบดูดอากาศเย็นจากช่องทางใต้คีย์บอร์ด อีกทั้งพัดลมระบายความร้อนยังมีการออกแบบมาพิเศษเพื่อนช่วยลดเสียงรบกวนที่ เกิดขึ้นเมื่อเครื่องอยู่ในสถานะการการทำงานหนักจากการที่พัดลมทำงานรอบสูง ที่โดยปกติแล้วถ้าใช้งานทั่วไปพัดลมจะอยู่ที่ 2,000 รอบต่อนาที และถ้าทำงานหนักจะอยู่ที่สูงสุดคือ 6,000 รอบต่อนาที ซึ่งเมื่อใช้งานจริงในเรื่องของเสียงรบกวนถือว่าลดลงไปพอสมควร (แต่ยังได้ยินขัดเจนอยู่) สำหรับในส่วนรูปแบบการทำงานนั้นสามารถชมได้จากวีดีโอแนะนำด้านบนเลยครับ (จะอยู่ช่วงท้ายๆ หน่อยครับ)
เมื่อมอง MacBook Pro Retina 15 จากด้านข้าง เราจะเห็นถือความบางเฉียบที่มีมากกว่าโน้ตบุ๊กขนาด 15 นิ้วทั่วไปพอสมควร เรียกได้ว่าเทียบกับ MacBook Air หรือ Ultrabook ในบางรุ่นได้อย่างสบายๆ ทีเดียว ซึ่งในเรื่องของพอร์ตการเชื่อมต่อของตัว MacBook Pro Retina 15 ที่ตามภาพจะเป็นด้านซ้าย ประกอบไปด้วย ช่องเสียบสายชาร์จไฟ Magsafe 2 ที่มีรูปแบบที่บางลงกว่า MacBook Pro และ MacBook Air ตัวก่อนปัจจุบัน ถัดมาก็จะเป็นช่องเชื่อมต่อความเร็วสูงอย่าง Thunderbolt ที่มีการติดตั้งมาให้ถึง 2 ช่องทางด้วยกัน ที่นอกเหนือจากนั้นยังทำหน้าที่เป็นช่องทางการแสดงผล Display Port ได้อีกด้วย สำหรับพอร์ต USB 3.0 ด้านซ้ายนี้ได้มีใส่มาจำนวน 1 ช่อง และพอร์ตหูฟังที่รองรับการเชื่อมต่อไมค์ขนาดมาตรฐาน 3.5 มิลลิเมตรในตัวอีกหนึ่งช่องด้วยกัน
ถ้าเทียบกับ MacBook Pro 15 แล้ว สังเกตุได้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงด้านพอร์ตการเชื่อมต่อพอสมควร ด้วยการนำพอร์ต Ethernet (RJ-45) และ Firewire 800 ออกไป แล้วมาแทนที่ด้วย Thunderbolt จำนวน 2 พอร์ต โดยถ้าหากใครจำเป็นต้องใช้งานพอร์ตอย่าง Ethernet (RJ-45) และ Firewire 800 ทาง Apple ก็ได้มีอแดปเตอร์แปลงสาย จาก Thunderblot เป็น Ethernet (RJ-45) และ Thunderblot เป็น Firewire 800 มาจำหน่ายเช่นกัน สนนราคาก็เส้นละ 990 บาท แน่นอนว่าอาจจะสร้างความลำบากให้ผู้ที่จำเป็นต้องใช้ 2 พอร์ตนี้อยู่ประจำ ซึ่งก็ถือว่าเป็นข้อจำกัดอย่างนึงเหมือนกัน กับการที่ Apple เลือกที่จะตัดพอร์ตที่คนส่วนมากมักไม่ค่อยได้ใช้งานออกไป รวมไปถึงปกติแล้ว MacBook Pro จะมีการติดตั้งปุ่มกดเพื่อตรวจสอบสถานะแบตที่จะแสดงเป็นไฟ LED แต่ใน MacBook Pro Retina 15 ได้มีการนำออกไป คาดว่าทาง Apple อาจจะมองว่าไม่จำเป็นต้องใช้งานแล้ว (โดยส่วนตัวก็แอบเสียดายเล็กๆ เหมือนกัน)
ด้านข้างทางขวาก็จะเป็นในส่วนของช่องอ่านการ์ดที่รองรับการ์ดความจำยอด นิยมอย่าง SD Card, SDXC Card ที่ใช้ในกล้องดิจิตอลปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นคอมแพ็คหรือ D-SLR อีกทั้งถือว่าเป็นครั้งแรกที่ Apple ได้ติดตั้งพอร์ต HDMI มาในผลิตภัณฑ์ Mac เรียกว่าน่าแปลกใจมากๆ กับช่องทางการแสดงผลดิจิตอลนี้ สุดท้ายกับพอร์ต USB 3.0 อีกหนึ่งพอร์ต รวมกับด้านซ้ายก็จะมีทั้งหมดทั้งเครื่องอยู่ 2 พอร์ตด้วยกัน ตามสไตล์ของ MacBook ที่ไม่ต้องการให้มีมากจนเกินไป เพราะจะมีผลต่อรูปแบบดีไซน์
อีกทั้งอย่างที่บอกไปแล้วว่า MacBook Pro Retina 15 ได้มีการตัด Super Drive ออกไปแล้ว ทำให้ตัวเครื่องจะดูโล่งๆ ที่โดยส่วนตัวก็เห็นด้วยกับการตัดออฟติคอลไดร์ฟอย่าง Super Drive ออกไปครั้งนี้ เพราะในความจริงก็ไม่ค่อยจะได้ใช้งานเท่าไหร่นัก ในการตัดออกไปยังช่วยให้มีน้ำหนักและตัวเครื่องที่บางลงอย่างสัมผัสได้ แต่ถ้ามีกรณที่จำเป็นต้องใช้การอ่านหรือเขียนแผ่น DVD จริงๆ ก็จะใช้ External DVD ที่เชื่อมต่อผ่านทาง USB เป็นตัวช่วยแทน (นานๆ ทีจะใช้จริงๆ) นอกเหนือจากนี้ถ้าสังเกตุกันให้ดีจะพบว่าพอร์ตต่างๆ นั้นจะอยู่บริเวณด้านข้างเยื้องไปทางด้านหลังทั้งหมด นั่นก็เป็นเพราะบอร์ดแผงวงจรจะมีแค่ส่วนบริเวณด้านหลังตัวเครื่องเท่า นั้นเองครับ
ด้านหน้าของตัวเครื่อง MacBook Pro Retina 15 ก็จะเรียบๆ ตามสไตล์ Mac ที่มีจุดที่น่าสนใจก็คือได้มีการตัดช่องรับสัญญาณอินฟาเรทออกไปเป็นที่เรียบ ร้อยแล้ว ทำให้ Apple Remote ตัวที่จำหน่ายในปัจจุบันไม่สามารถใข้งานได้อีกต่อไป รวมไปถึงได้ตัดไฟสถานะของตัวเครื่องออกไปเช่นกัน ที่ความจริงแล้ว Apple ได้ตัดออกไปครั้งแรกตั้งแต่ได้มีการออกตัว MacBook Air แน่นอนว่าถ้าใครเคยใช้ MacBook Pro และมาใช้ MacBook Pro Retina 15 อาจจะเสียดายกับสองอย่างนี้ซักเล็กน้อย