Lightning connector : สายเชื่อมต่อแบบใหม่ กับปัญหาใหญ่ที่ Apple คาดไม่ถึง

Lightning connector : สายเชื่อมต่อแบบใหม่ กับปัญหาใหญ่ที่ Apple คาดไม่ถึง

Lightning connector : สายเชื่อมต่อแบบใหม่ กับปัญหาใหญ่ที่ Apple คาดไม่ถึง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

Lightning connector : สายเชื่อมต่อแบบใหม่ กับปัญหาใหญ่ที่ Apple คาดไม่ถึง

[18-กันยายน-2555] จากงานเปิดตัว iPhone 5 (ไอโฟน 5) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากเราจะได้เห็น iPhone 5 (ไอโฟน 5) ที่มีการออกแบบที่เปลี่ยนไปแบบ minor change แล้ว ยังได้เปลี่ยนพอร์ตการเชื่อมต่อแบบใหม่ จากเดิม 30-pin เหลือ 9-pin พร้อมกับเปลี่ยนชื่อเรียกใหม่ จากเดิม Dock connector เป็น Lightning connector ครับ

ปัจจุบัน เราปฏิเสธไม่ได้ครับว่า iPhone นั้น เป็นสินค้าที่มีอุปกรณ์เสริมเยอะที่สุด หลากหลายที่สุดในวงการสมาร์ทโฟน เห็นได้จากอุปกรณ์เสริมที่ผุดราวกับดอกเห็ด ให้ผู้ใช้งานเลือกใช้ตามใจชอบ แน่นอนครับว่า การเปลี่ยน Dock connector เป็น Lightning connector จากเดิม 30-pin เหลือ 9-pin นี้ ส่งผลกระทบต่อทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคอย่างแน่นอน

อันที่จริงแล้ว การเปลี่ยนจากพอร์ตแบบ 30-pin มาเป็น 9-pin นี้ ด้วยเหตุผลทางเทคนิคถือว่า เป็นเรื่องที่ดีนะครับ เพราะนอกจากจะช่วยให้ตัวเครื่องบางลงได้แล้ว การส่งข้อมูลยังรวดเร็วกว่าเดิมอีกด้วย แต่ปัญหาก็คือ Apple เปลี่ยนมาใช้ช้าเกินไป อย่าลืมนะครับว่า iPhone รุ่นแรกนั้น เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2007 และใช้ Dock connector แบบนี้มาตลอด ไม่ใช่เฉพาะ iPhone เท่านั้น แต่รวมถึงผลิตภัณฑ์ในตระกูล iPods ด้วย นอกจากนี้ ปัจจุบันมีคนใช้ผลิตภัณฑ์ Apple เป็นจำนวนมาก แค่ iPhone รุ่นเดียว ก็เกิน 30-40 ล้านคนเข้าไปแล้ว ฉะนั้น การเปลี่ยน Dock connector แบบหักดิบ ย่อมมีผลกระทบในวงกว้างครับ

แม้ว่า Apple จะเปิดตัวหัวแปลง หรือ Lightning to 30-pin Adapter ออกมา แต่จากการพิสูจน์และทดลองใช้ พบว่า ไม่สามารถใช้งานกับอุปกรณ์ได้ทุกประเภท คือ ตอบโจทย์ แต่ไม่ครอบคลุมนั่นเอง ซึ่งความเปลี่ยนแปลงของ Dock connector มาเป็น Lightning connector คือ การลดจำนวนขาการเชื่อมต่อลง จากเดิม 30 ขา หรือ 9 ขา ซึ่งขาที่ถูกตัดออกไปนั้น การส่งสัญญาณภาพและเสียง หรือ iPod output ฉะนั้น ย่อมส่งผลกระทบต่ออุปกรณ์ที่ต้องอาศัยการเชื่อมต่อนี้ เช่น เครื่องเสียงในรถยนต์ ที่ต้องใช้ iPod output ในการกดค้นหาเพลงผ่านเครื่องเสียงบนรถยนต์ พอโดนตัดออกไป ก็จะไม่สามารถใช้งานได้แล้วครับ แม้ว่าจะมี Adapter มา ก็ไม่สามารถแก้ไขในจุดนี้ได้ เนื่องจากรายละเอียดของ Lightning to 30-pin Adapter บนเว็บไซต์ Apple ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า "Video output not supported" นอกจากนี้ อุปกรณ์เสริม 30-pin บางอย่าง ก็ไม่รองรับด้วย

ใครได้ประโยชน์จากการเปลี่ยน Dock connector มาเป็น Lightning connector?

คนแรกที่ได้ประโยชน์ไปเต็มๆ ก็คือ Apple ครับ เพราะอย่างน้อยก็ต้องมีรายได้จากการขาย Lightning to 30-pin Adapter อยู่แล้ว (ราคา $30 ในไทยขาย 1,090 บาท) ส่วนอีกคนก็คือ ผู้ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการขายอุปกรณ์เสริมครับ เชื่อได้เลยว่า ก่อนหน้าที่ iPhone 5 จะเปิดตัว ทางฝั่งผู้ผลิตคงได้ทราบข่าวการเปลี่ยนแปลงกันมาบ้างแล้ว ฉะนั้น การเตรียมผลิตของใหม่จึงไม่ใช่เรื่องยาก กลับเป็นเรื่องดีเสียอีกที่จะได้ขายของใหม่ๆ ซึ่งไม่แน่ว่า อาจจะผลิตเสร็จ มีของในสต็อกเรียบร้อยแล้วก่อน iphone 5 จะเปิดตัวก็ได้ครับ ซึ่งสำนักข่าวดังอย่าง New Yorks Times เชื่อว่า Lightning connector จะช่วยทำให้บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์เสริมกว่า 100 แห่งทั่วโลก สามารถหารายได้จากจุดนี้ได้อย่างแน่นอน

สุดท้ายแล้วคนที่เสียประโยชน์ ก็คือ ผู้ใช้งานอย่างเราๆ นั่นเอง อย่าลืมว่า อุปกรณ์ Apple นั้น เป็นแบบ ecosystem ครับ ผมเชื่อว่า คนที่ซื้อผลิตภัณฑ์ Apple นั้นกว่าร้อยละ 90 คงไม่มีใครซื้อเพียงแค่อย่างเดียวแน่นอน มี iPhone ก็ต้องมี iPad มี iPod หรือแม้แต่ MacBook, Apple TV ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้ สามารถเชื่อมโยงกันได้ผ่าน iCloud นั่นเอง จึงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจว่า เหตุใดเราเห็นคนเปิด MacBook ใช้อยู่ใน Starbucks จึงจะต้องมี iPhone วางขนาบข้างด้วย

ใช่ว่าอุปกรณ์เสริมที่รองรับแบบ 30-pin จะขายไม่ได้นะครับ จริงๆ แล้วยังสามารถทำตลาดอยู่ได้ แม้จะได้รับผลกระทบบ้างก็ตาม

---------------------------------------
รายละเอียดเพิ่มเติม : readwriteweb.com

ขอบคุณเนื้อหา และภาพประกอบ จาก:

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook