"ยาฮู" ช็อกวงการ สั่งเลิกทำงานจากที่บ้าน
"ยาฮู" ช็อกวงการ สั่งเลิกทำงานจากที่บ้าน
[4-มีนาคม-2556] ขณะที่เรากำลังพูดถึงโลกโมบายที่คนทำงานจากที่ไหนก็ได้ ทำงานที่บ้านก็ได้ ได้ดีกว่าด้วย เพราะจัดเวลาของแต่ละคนได้ลงตัว ไม่เสียเวลาไปกับการเดินทาง มีสมาธิ แต่ "มาริสสา เมเยอร์" ซีอีโอสาวแห่ง "ยาฮู" กลับคิดตีลังกาที่สวนทางกับแนวโน้มของโลกไอที
เมมโมภายใน "ยาฮู" ที่ถือเป็นความลับและห้ามฟอร์เวิร์ดได้รับการฟอร์เวิร์ดออกมาภายนอกและไป ปรากฏผ่านสื่อทำให้เรื่องนี้กลายเป็นข่าวเกรียวกราว จากเนื้อหาในเมมโมฝ่ายทรัพยากรบุคคลของ "ยาฮู" มีประกาศว่า ภายในเดือนมิถุนายนปีนี้พนักงานของ "ยาฮู" ทุกคนต้องเข้ามาทำงานที่สำนักงาน ยกเลิกการทำงานแบบทางไกลทั้งหมด
เหตุผลก็คือ "เพื่อที่จะให้เป็นสถานที่ดี สมบูรณ์แบบที่สุดที่จะทำงาน การติดต่อสื่อสารและการทำงานร่วมกันจะเป็นสิ่งที่ทำให้เราต้องมาทำงานเคียง ข้างกัน ด้วยเหตุนี้จึงสำคัญอย่างยิ่งยวดที่เราทุกคนต้องมาปรากฏตัวที่สำนักงาน"
ทั้ง นี้ เพราะ "เมเยอร์" คิดว่าความคิดและการตัดสินใจที่ดีที่สุดบางอย่างมาจากการถกกันตามห้องโถง หรือห้องอาหาร การพบปะคนใหม่ ๆ หรือการประชุมทีมงานแบบกะทันหัน นอกจากนั้น ในเมมโมยังระบุด้วยว่า การทำงานจากที่บ้านนั้นมักจะต้องแลกกับความเร็วและคุณภาพ
อาจกล่าว ได้ว่าทิศทางของยาฮูในเรื่องการทำงานยุคของ "มาริสสา เมเยอร์" สวนกระแสกับโลกที่มุ่งสู่การทำงานที่บ้านหรือนอกสำนักงานมากขึ้นอนาคตเป็น เรื่องที่เรายังไม่รู้ แต่สำหรับมาริสสา เมเยอร์ แล้วเธอคนนี้ไม่ธรรมดา เรียนจบมาทางวิศวะปัญญาประดิษฐ์ เคยทำงานกับกูเกิล เริ่มจากการเป็นพนักงานคนที่ 20 มีส่วนร่วมในโปรดักต์สำคัญหลายอย่างของกูเกิล เช่น จีเมล์ กูเกิลแมป โลเกชั่น โลคอล กูเกิล ฯลฯ จนก้าวขึ้นมาเป็นผู้บริหารระดับสูงค่อนข้างมาก
เป็นหนึ่งในโอเปอเรชั่นคอมมิตตี ที่แลรี่ เพจ และเซอร์เกย์ บริน สองผู้ก่อตั้งกูเกิลใช้บริการเสมือนที่ปรึกษาส่วนตัวกลาย ๆ บ่อยครั้งที่กูเกิลใช้เธอเสมือนเป็นโฆษกของบริษัทในเรื่องต่าง ๆ และเลื่อนชั้นเป็นผู้บริหารระดับค่อนข้างสูงของกูเกิล
"เมเยอร์" จัดเป็นหนึ่งในระดับท็อปในซิลิกอน วัลเลย์ ซึ่งมีอยู่ไม่กี่คนนักดังนั้น เมื่อตอนที่เธอขึ้นมาเป็นซีอีโอ ข่าวก็กระหึ่มในหน้าสื่อต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน เมื่อ ปีกลาย "เมเยอร์" โผล่มาเป็นซีอีโอของยาฮู โดยที่มีการทาบทามกันมาก่อนหน้า โดยที่ไม่มีใครในกูเกิลระแคะระคายมาก่อน แล้วก็ก้าวขึ้นมาเป็นซีอีโอของยาฮูเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
ปัจจุบันมูลค่าของยาฮูลดลงมามากกว่าครึ่งหนึ่งของราคาที่ "ไมโครซอฟท์" เสนอเทกโอเวอร์แล้วไม่ขายเมื่อหลายปีก่อน หรือจาก 44,000 ล้านเหรียญที่ไมโครซอฟท์เคยเสนอซื้อตอนนี้เหลือเพียง 19,000 ล้านเหรียญ
ภารกิจ ใหญ่ตกอยู่บนบ่าสาวสวยมากฝีมือว่าจะฟื้นยาฮูกลับมาได้หรือไม่ ส่วนหนึ่งของการยกเลิกการทำงานจากที่บ้าน และให้พนักงานทุกคนต้องเข้ามาทำงานที่สำนักงาน คือความต้องการที่จะจุดประกายให้เกิดสิ่งใหม่ขึ้นจากคนของยาฮู
เรื่องนี้เป็นเรื่องน่าติดตามอย่างยิ่ง และเป็นประเด็นที่ถกกันอย่างกว้างขวางเลยทีเดียวกับการตัดสินใจครั้งนี้
คอลัมน์ IT.Talentz โดย siripong@kidtalentz.com