ไอโฟนหาย ต้องได้คืน!!!!
ไอโฟนหาย ต้องได้คืน!!!!
วันนี้ทางทีมงาน Sanook! Hitech ได้เข้าไปอ่านเจอกระทู้เรื่อง "ไอโฟนหาย ต้องได้คืน" จากเว็บไซต์ดังอย่าง Pantip ที่เนื้อหาน่าสนใจ เพราะเกี่ยวกับเรื่องใกล้ตัวมาก....
เลยนำมาฝากแฟน ๆ Sanook! Hitech ด้วยเนื้อหาของการเล่านั้น เจ้าของเรื่องเค้าเล่าไว้อย่างละเอียด...อ่านสนุก (อาจด้วยพี่เจ้าของเรื่องเค้าเป็นนักข่าวด้วยหรือป่าว อันนี้คิดเองนะครับ) เอาเป็นว่าเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า อยากให้อ่านให้จบ เพราะเรื่องแบบนี้อาจจะเกิดขึ้นกับเราก็ได้ รับรองได้อ่านแล้วมีแต่ได้ ไม่มีเสีย
วันเสาร์ที่ 23 มีนาที่ผ่านมานั้นเป็นวันนรกแตกมาก เพราะคืนวันศุกร์เลิกเรียนดึกกว่าจะกลับกว่าจะได้นอนก็ดึกมาก และเช้าวันเสาร์ต้องอ่านข่าวเช้าช่องคมชัดลึกทีวี (แอบ tie – in เบาๆ ^___^) บ่ายไปเรียนต่อ และเย็นไปทำข่าวที่ห้างชื่อดังย่านราชประสงค์ที่ถูกเผา (ไม่รู้เลยว่าห้างอะไร ^^)
แต่วันนี้มีความรู้สึกว่าของจะหายทั้งวัน คือกริ๊งสะพายกระเป๋ามาด้วยข้างในมีแมคโปร ตอนเย็นที่รถทีมข่าวมารับช่วง 4โมงกว่าๆก็บอกให้น้าคนขับรถไปเดินดูพระก่อน เพราะงานมันเริ่มทุ่มครึ่ง เราก็ว่าจะไปเดินดูของท่านพระจันทร์แต่เดินไปได้แปปเดียว รู้สึกว่าของจะหาย เลยกลับมานั่งเฝ้ารถเพราะกลัวรถโดนทุบกระจก (จำมาจากข่าวนี่หล่ะ) พอไปถึงห้างที่จะทำงานจอดรถชั้นล่างก็ขอให้น้าคนขับเปิดท้ายรถอยากเอาคอมไป เก็บกลัวหาย... รู้สึกว่าของจะหายจริงๆนะ
... พอไปถึงงานก็ทำสกู๊ปไปตามปกติเหมือนทุกครั้ง แต่กริ๊งเห็นว่ามันมืดแล้ว ไม่อยากกลับมาลงเสียงเพื่อตัดต่ออีกครั้งที่ออฟฟิศ เลยตัดสินใจลงเสียงในกล้องไปเลย ตอนแรกก็ลงเสียงที่ข้างๆงานมันจะมีซอกๆที่เงียบๆ กำลังพูดอย่างดีเลย งานก็เริ่มพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ มีเสียงดังมากจนลงเสียงต่อไม่ได้ เลยชวนน้องช่างภาพไปนั่งข้างๆประตูทางออก ตรงนั้นจะมีทางลาดให้รถเข็นขนของลงได้ และมีชั้นปูนข้างๆให้เรานั่งและลงเสียง...
ด้านนอกตรงนี้ไม่มีเสียงรถรบกวนแต่อุปสรรคมันคือ “ลม” ที่พัดเข้าไมค์ สิ่งที่คิดได้ตอนนั้นคือหาที่กันลม ด้วยอุปกรณ์ที่มีอยู่ เลยจัดการนำสิ่งออกหลายๆออกจากกระเป๋า เพื่อเอาไมค์ใส่กระเป๋าและยกมันขึ้นมาเอาหน้าใส่เข้าไปในกระเป๋าอีก.. เรียบร้อยได้ห้องอัดเสียงส่วนตัวแล้ว ^^ พองานทุกอย่างเสร็จสิ้นก็เก็บของเข้ากระเป๋า เก็บๆๆๆๆ แต่ที่สิ่งที่ไม่ได้เก็บเข้ามาคือ “ไอโฟน5” แล้วก็เดินเข้าประตูมาในงาน นั่งลงจะหยิบไอโฟนมาเล่นเกมแคนดี้ ..
คุณพระ!! โทรศัพท์ไม่ได้หยิบมาด้วย !!! วิ่งงงงงงงงงงงงงงง สุดชีวิตมาที่ข้างประตูแต่พบว่า “ มั น ห า ย ไ ป แ ล้ ว ” หายไปภายในเวลาไม่เกิน 1 นาที สิ่งแรกที่ทำตอนนั้นคือตั้งสติ (เพราะเรามีประสบการณ์หายมาแล้วทั้งบีบีและไอแพดแต่ตามคืนได้หมด) บอกน้องช่างภาพให้โทรเข้า ปรากฏว่าโทรติด!! มองหาทุกคน ณ ที่ตรงนั้นว่ามีใครกำลังใช้มือถืออยู่บ้าง และโทรศัพท์เราก็มีเอกลักษณ์คือเคสและสายห้อย ปรากฏว่าโทรอีกครั้งปิดเครื่องไปแล้ว น้องเลยส่งข้อความเข้าไปว่าขอคืนและยินดีจะให้เงินถ้าเอามาคืน แต่กริ๊งถอดใจหล่ะ รู้ว่าตามไม่ได้แน่ เพราะไม่ได้เปิด Location เอาไว้ (ถ้าเปิดเอาไว้จะสามารถตามสัญญาณได้)
พอทำงานเสร็จก็เลยไปติดต่อที่ห้างเพื่อขอดูกล้องวงจรปิดทุกกล้องในบริเวณ นั้น มันมีทั้งกล้องสองฝั่งนะคะ ถ้าอนาคตใครทำของหายที่เซ็นทรัลเวิลด์ ตั้งสติแล้วไปให้ถูกจุด ขอเค้าดูได้ทุกมุมที่เกี่ยวข้อง เจ้าหน้าที่ให้การช่วยเหลือดีมาก ต้องขอบคุณ ณ จุดๆนี้ แต่บางคนไม่ค่อยมาขอดูเพราะไม่รู้หายตรงไหน จุดไหน ถ้ามีจุดที่ชัดเจนจะทำให้เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือเราได้ง่ายขึ้นค่ะ (แอบสงสัยเบาๆว่ากล้องเยอะภาพชัด หลายมุม ทำไมเหตุการณ์เผาห้างภาพน้อยจัง 5555)
ดูแล้วดูอีกกล้อง CCTV ทั้งสองฝั่งก็ไม่มีภาพมุมตรงนั้นชัดๆ มีแต่จุดใกล้เคียงคือที่ประตูทางเข้า เราเดินเข้ามาแล้วก็มีชายกลุ่มนึงเดินตามมา 4 คน แต่เดินเฉยๆ ไม่มีพิรุธ ไม่น่าสงสัย แต่ในกล้องเห็นชัดว่าเราลืมไว้ไม่ถึง 1 นาทีก็วิ่งกลับมาแล้ว... แต่ดูไปก็เท่านั้น มันไม่มีภาพที่ใช้ได้เลย
บอกตัวเองทำใจ – กลับบ้าน – นอน แบบไม่ตาม ถือว่าฟาดเคราะห์เบญจเพส แต่แอบเสียใจเล็กๆเพราะรู้สึกว่าของจะหายทั้งวัน เป็นห่วงแมคโปร แต่ไอโฟนหายซะงั้น ก่อนนอนโทรเข้าเครื่อง ติดเว้ยเฮ้ยยยย แต่ติด 3 ตู๊ดดด ก็ปิดเครื่อง เลยนอนแบบปลงๆ
ตี 1 .21น. เพื่อนโทรมาบอกว่าน้องช่างภาพที่ไปด้วยกัน กำลังจะมาหาที่คอนโด เพราะคนที่เอาโทรศัพท์ไป โทรเข้าเครื่องน้องกร น้องช่างภาพที่ส่งข้อความไปในตอนแรก เพื่อบอกให้เรามาซื้อคืนในตอนนั้นเลย พอเราได้คุย สร้างเรื่องบอกว่า... นามสมมติว่า A
A : เนี่ย ..มีคนเอาจะเอามาขายผม เค้าจะขาย 15,000 ผมเลยเอามาเปิดดู เห็นรูปเจ้าของเครื่อง เห็นข้อความ เลยรู้ว่าโทรศัพท์เครื่องนี้ต้องโดนขโมยมาแน่ๆ แต่ผมอยากคืน ผมอยากช่วย ผมเป็นพลเมืองดี ผมดูรูปแล้วเจ้าของเครื่องน่ารักอ่า ผมจะซื้อไปคืนแบบไม่เอาตังค์ก็ได้แต่ขอหอมแก้มสักที (กรี๊ดดดดด มันปรี๊ดๆๆๆๆๆ ตรงนี้หล่ะ ต่อรองจะเอาเงินแล้วยังจะขอหอมอีก!!) ผมอยากให้เจ้าของได้คืน ผมเคยโทรศัพท์หาย ผมเข้าใจดี แต่ผมไม่รู้จะทำยังไงเพราะคนที่เอามาขายเขาก็ไม่ได้ขโมยมา เขาเก็บได้และจะเอามาขายต่อผม เนี่ยผมเปิดเบอร์ใหม่มาเพื่อโทรหาพี่โดยเฉพาะเลยนะ ไม่กล้าใช้เบอร์ตัวเอง กลัวพี่เอาเบอร์ผมไปแจ้งความ (พลเมืองดีเค้าไม่ทำแบบนี้กันนะคะ) ถ้าพี่อยากได้คืนก็มาตอนนี้เลย ผมอยู่ข้าวสารพี่มาเลยได้ป่ะหล่ะ..
ได้ฟังแบบนี้ก็คิดๆๆๆๆ เอาไงดีว่ะ ไปยังไงดี จะปลอดภัยมั้ย ข้าวสารโคตรไกล แต่เอา!! อยากได้คืนต้องใจกล้า “ตกลงค่ะ เดี๋ยวพี่ไป ขอเวลา 1 ชม.นะ” จริงๆในหัวคิดว่าขอยื้อเวลาอยากเพื่อประสานงานกับตำรวจท้องที่ให้ ช่วยหน่อย ไม่กล้าเข้าไปข้าวสารคนเดียวตอนดึกๆ
A : โหย ไม่ได้หรอกพี่ ผมจะรีบกลับบ้านแล้วเนี่ย ตี 2 ผมก็กลับแล้ว
โอ้ยย อิห้า กุอยู่บางนา ให้ไปข้าวสาร จะไปทันได้ไง เหลืออีกแค่ 10 นาทีเนี่ยนะ << อันนี้คิดในใจนะไม่กล้าพูด
“น้องคะ พี่ไปไม่ทันหรอกค่ะ บางนามันไกลมากนะ น้องอยู่อีกแปปนึงสิ ทำไมต้องกลับตี 2 เป๊ะเลยเหรอ น้องทำงานอะไรอยู่ข้าวสารอ่าคะ”
A : ผมเป็นมาเฟีย อยู่ข้าวสาร พี่อย่าตุกติกนะ ผมพวกเยอะ
เอิ่ม.. เป็นมาเฟีย งานงอกแล้วกุ ถ้าไปกุจะรอดมั้ยเนี่ยยยยยยยยย
“น้องคะ เห็นใจพี่หน่อยสิ พี่ไปไม่ทันหรอก มันไกลอ่าค่ะ ถ้าอยากช่วยจริงๆ ก็ช่วยพี่เลยไม่ได้เหรอ น้องออกเงนไปก่อน เดี๋ยวพี่ไปจ่ายให้ทีหลัง” คุยยื้อๆไปสักพักเค้าคงเหนื่อย ก้เลยบอกว่า
A : พี่ไม่ต้องมาแล้วหล่ะ ผมหาคนที่เอามาขายไม่เจอแล้ว ผมให้เพื่อนเดินดูตามซอยแล้วก้ไม่เจอ เค้าคงไปแล้ว ถ้าพี่มาตอนนี้ก็คงได้แค่นั่งกินข้าวกันอ่ะ
... ฝันสลาย โทรศัพท์ที่คิดว่าจะได้คืนหายวับไปกับตา แต่ก่อนที่จะวางสาย นาย A บอกว่า
A : ผมว่าเราคงได้พบกันอีกนะ...
อ๊าาา เดี๋ยวได้เจอกันแน่!!!!! ยอมให้หายดีๆไม่ชอบ ชอบให้ตามล่า ยังมีหน้ามาบอกอยากขอหอมแก้มด้วย ไม่ว่าเค้าจะพูดด้วยอารมณ์แบบไหนก็ตามแต่คนฟังอย่างเรารู้สึกว่ามันหยามกัน มา มาพูดแบบนี้ แล้วทิ้งท้ายแบบนี้ งั้นเราเจอกันสักหน่อย..
คืนนั้นเลยตัดสินใจกลับไปที่เซ็นทรัลเวิลด์อีกครั้ง เพื่อไปขอดูภาพวงจรปิด ว่าคนที่เดินตามเข้ามาใช่วัยรุ่นหรือไม่!! โอ้ว มาย ก๊อดดดด กลุ่มชายที่เดินตามกันมาวัยรุ่นแน่ๆ แต่งตัววัยรุ่นสุดๆ คนนึงใส่หมวก คนนึงสะพายกระเป๋า ชัดเจน ภาพชัดเจนตามตัวได้แน่ เลยจะขอภาพไปแจ้งความ ปรากฏว่าขอภาพไม่ได้!! ต้องมีใบแจ้งความมาก่อน
เลยไปสน.ปทุมวัน เล่าให้ร้อยเวรฟัง ลงบันทึกประจำวันและขอเอกสารมาเพื่อขอภาพจากเซ็นทรัลเวิลด์ แล้วก็กลับไปเซ็นทรัลเวิลด์อีก เพื่อยื่นเอกสารและขอความชัดเจนแน่นอนว่าพรุ่งนี้เช้าต้องได้ภาพ อย่าใช้เหตุผลว่าหัวหน้าหยุดวันอาทิตย์ ไม่มีคนเซ็นอนุญาต เพราะยิ่งช้ามันจะยิ่งไปกันใหญ่ วันหยุดมีไว้พักผ่อน แต่เรื่องเร่งด่วนควรจะมีการมอบอำนาจให้ผู้เสียหายเอาไปเดินเรื่องเอง มานั่งรอๆๆๆๆ ความหวังว่าจะได้โทรศัพท์คืนมันก็ยิ่งน้อยลง ทำเรื่องทุกอย่างเสร็จกลับถึงคอนโด 6 โมงเช้า
ตื่นมาสายๆวันอาทิตย์ ลองโทรเข้าเครื่องดูเองหลายครั้งก็ไม่ติดแล้ว ความหวังจะได้คืนมันน้อยลง แต่ตั้งใจแล้วว่าจะตามก็ต้องตามให้ถึงที่สุด
โทรไปที่เครือข่ายสีฟ้าขอคำปรึกษาก็ช่วยได้แค่ให้ระงับเบอร์ไว้ชั่วคราว ต้องไปยื่นเรื่องเองที่ฝ่ายกฎหมาย และที่สำคัญ วันนี้วันหยุดค่ะ เจริญหล่ะ ถ้ามัวแต่นั่งรอไม่ได้คืนแน่
เกือบเที่ยงออกไปเอาภาพที่ขอไว้จากห้าง และเอาไปให้ตำรวจที่สน. ถึงตรงนี้เพื่อรู้ว่าถ้าแจ้งความกับร้อยเวรคนไหน ร้อยเวรคนนั้นต้องเป็นผู้รับผิดชอบคดีแต่เพียงผู้เดียวจนจบเรื่อง เอ้า!! ร้อยเวรของเราเข้างานเที่ยงคืน ออก6โมงเช้า นี่ต้องรอเที่ยงคืนเหรอเนี่ยยยย โอ้ยย ขอฝากเรื่องไว้กับร้อยเวรท่านอื่นได้มั้ยคะ ก็ฝากหลักฐานเป็นแผ่นซีดีมีภาพผู้ต้องสงสัยเอาไว้ พอตำรวจเปิดดูพบว่าในแผ่นซีดีว่างเปล่า
.. มันปรี๊ด มันปรี๊ดดดดดดดด เรื่องแค่นี้เป็นห้างใหญ่โตจะรีเชคหน่อยไม่ได้เลยเหรอว่าว่าข้อมูลมันใช้ได้ รึเปล่า ทำงานแบบนี้เหรอคะเนี่ย พลันคิดในใจ.. แล้วทำไมเราไม่เชคก่อนออกมา ว่ามันมีภาพอะไรบ้าง เออ.. เราผิดเอง เราไม่เชคเอง ว่าคนอื่นไม่ได้ เลยต้องย้อนกลับไปที่เซ็นทรัลเวิล์ดอีกที มาอีกทีเจอทีมงานอีกชุดก็พูดดีๆว่ามันไม่มีภาพในแผ่นค่ะ แล้วก็เล่าเรื่องต่างๆนานาอีกรอบ
ขอเบอร์ทีมการตลาดที่ดูแลงานนี้ ขอเบอร์ออแกไนซ์ที่จัดงานนี้ เพื่อถามว่างานนนี้มีใครมาร่วมงานบ้าง เพราะหน้างานมีการลงทะเบียน และชานในภาพที่เราสงสัยก็ใส่เสื้อที่เป็นตีมของงาน พี่ๆทีมนี้น่ารักมาก ช่วยหาภาพอีกมุมที่รับหน้ากับชายวันรุ่นกลุ่มดังกล่าวให้ด้วย ถือว่ามาไม่เสียเที่ยว เพราะได้ภาพไปเป็นหลักฐานเพิ่มเติม ต้องกลับไปสน.อีกครั้ง
.... อยากจะเล่าบรรยากาศในสน.ปทุมวันให้ฟังว่าตลอดเวลาที่ไปนั่งอยู่ มีคนมาแจ้งความโทรศัพท์หายตลอดเวลา สยาม มาบุญครอง พารากอน เซ็นทรัลเวิลด์ คงหายกันเป็นเรื่องปกติสินะ ตำรวจรับเรื่องไว้ แล้วไงต่อ??? หึหึ
พอฝากเรื่องทั้งหมดไว้แล้วก็กลับบ้าน ถือว่าเราทำดีที่สุดแล้ว กลับมาเล่าให้แม่ฟัง แม่ก็ปลอบใจว่าถือเป็นการฟาดเคราะห์ดีกว่าไปเกิดอุบัติเหตุ
.
.
.
สำหรับเนื้อหาที่นำมาแชร์ให้อ่านกันนั้น กริ๊ง (Rangsima_s) ค้อนข้างละเอียดมาก ดังนั้นทางทีมงานขออนุญาตินำมาฝากกันแค่บางส่วน...หากใครอยากอ่านต่อก็สามารถเข้าไปอ่านได้ตามลิงค์ที่ทีมงาน Sanook! Hitech นำมาฝากกัน คลิ๊กอ่านต่อ!!
ขอบคุณ K. กริ๊ง (Rangsima_s) สำหรับเรื่องเตือนภัยดีๆ ที่นั่งพิมพ์และสื่อสารให้เราได้รับทราบและระวังตัวกันครับ!!
ที่มา: Pantip.com