iOS 7 เปิดตัวแล้ว มีอะไรใหม่บ้าง !! เรามีสรุปให้
iOS 7 เปิดตัวแล้ว มีอะไรใหม่บ้าง !! มาพร้อมกับอินเทอร์เฟสแบบใหม่ เรียบง่ายกว่าเดิม App Store อัพเดทให้อัตโนมัติ เปิดให้ดาวน์โหลดพร้อมกัน กันยายนนี้
[11-มิถุนายน-2556] เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วครับ กับ iOS 7 ระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด ที่ได้รับการออกแบบอินเทอร์เฟสใหม่ทั้งหมด เรียกได้ว่า ฉีกภาพลักษณ์ iOS แบบเดิมๆ ออกไปอย่างชัดเจนเลยทีเดียว เริ่มกันตั้งแต่หน้า Lock screen, Home screen ไปจนถึง อินเทอร์เฟส ภายในตัวแอพพลิเคชั่น
ซึ่งนอกจาก iOS 7 จะมีอินเทอร์เฟสที่แตกต่างไปจากเวอร์ชั่นก่อนหน้าแล้ว ยังได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ พร้อมกับปรับปรุงฟีเจอร์เดิมๆ ทั้งหมด 9 ฟีเจอร์ด้วยกัน จะมีฟีเจอร์อะไรกันบ้าง ไปชมพร้อมๆ กันครับ
Control Center
Control Center คือส่วนที่เป็นเหมือน shortcut ของเมนูสำคัญๆ ต่างๆ ที่เราจำเป็นต้องใช้งานบ่อยๆ นั่นเอง ไม่ว่าจะเป็น การสลับไปใช้ Airplane mode, Wi-Fi, Bluetooth หรือแม้แต่การ rotation หน้าจอ ซึ่งปกติแล้ว จะต้องเข้าไปเปิด-ปิดการใช้งาน ในส่วนของ Settings ต่อไปนี้ ไม่จำเป็นต้องเข้าหลายขั้นตอนให้ยุ่งยากครับ แต่ลากจากล่างขึ้นบน เพื่อเปิดใช้งาน Control Center
ไม่เพียงเท่านั้น ในส่วนของ Control Center ยังสามารถควบคุมการเล่นเกม, ปรับเสียง, ปรับความสว่างหน้าจอ, เปิดใช้งาน AirDrop หรือ AirPlay รวมไปถึง แอพพลิเคชั่นฉุกเฉิน และสำคัญๆ เช่น ไฟฉาย, นาฬิกาปลุก, เครื่องคิดเลข หรือกล้องถ่ายรูป เป็นต้นครับ
Notification Center
สำหรับ Notification Center ไม่ใช่ของใหม่บน iOS 7 ครับ แต่เป็นการปรับปรุงใหม่ให้บ่งบอกรายละเอียดที่ชัดเจนขึ้น ไม่ว่าจะเป็น อีเมลฉบับใหม่, สายที่ไม่ได้รับ, สิ่งที่ต้องทำ (To-Do-List) และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งสิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามาก็คือ จะมีการแบ่งแยก Notification ออกเป็น 3 ส่วนด้วย กันครับ ได้แก่ การแจ้งเตือนของวันนี้, การแจ้งเตือนทั้งหมด และการแจ้งเตือนส่วนที่เราพลาดการติดต่อ เรียกได้ว่า เป็นส่วนช่วยจัดการ และแจ้งเตือนเหมือนเป็นเลขาประจำตัวครับ
Multitasking เพิ่มพรีวิวแล้ว
ระบบ Multitasking คือระบบที่ทำให้เราสลับไปใช้งาน แอพพลิเคชั่นอื่นๆ ได้สะดวกขึ้น เปิดใช้งานด้วยการเปิดปุ่ม Home 2 ครั้ง โดยปกติแล้ว ในส่วนของ Multitasking จะมีแต่ไอคอนเรียงกัน แต่ Multitasking แบบใหม่ จะเพิ่มการพรีวิวแอพฯ เข้ามาด้วยครับ ถ้าหากต้องการจะปิดแอพฯ ดังกล่าว ก็ให้ปาดขึ้นด้านบนแทน
นอกจากนี้ Multitasking จะช่วยอัพเดทคอนเทนต์ของแอพพลิเคชั่นที่เราเปิดใช้บ่อยๆ ก่อนที่เราจะเปิดใช้งานอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น Facebook เวลาเปิดใช้งาน ก็ไม่จำเป็นต้องรีเฟรชแล้ว เพราะทุกๆ ครั้งที่เปิดใช้งานเฟสบุ๊ค iOS 7 จะทำการรีเฟรชให้เราแล้ว เปิดปุ๊บ อ่านของใหม่ได้เลยทันที
Camera กล้องถ่ายรูปอินเทอร์เฟสใหม่ ใส่ฟิลเตอร์ให้ภาพถ่ายได้แล้ว
และสิ่งที่จะขาดไม่ได้ก็คือ กล้องถ่ายรูป ที่ได้รับการออกแบบอินเทอร์เฟสใหม่ ซึ่งสามารถสลับไปใช้งานหมวดอื่นๆ ได้จากการปาดจากซ้ายไปขวา หรือขวาไปซ้าย และได้เพิ่มหมวดการถ่ายภาพแบบใหม่ขึ้นมา นั่นก็คือ Square ครับ โดยเป็นการ crop ภาพให้อยู่ในตำแหน่งกึ่งกลาง
ไม่เพียงเท่านั้น ยังได้เพิ่มฟิลเตอร์ตกแต่งภาพถ่าย ซึ่งมีให้เลือกถึง 9 แบบด้วยกัน ซึ่งสามารถเลือกฟิลเตอร์ก่อน แล้วถ่ายภาพทีหลัง หรือถ่ายก่อน แล้วมาใส่ฟิลเตอร์ในภายหลังก็ได้ แต่ถ้าใส่ฟิลเตอร์แล้วไม่ชอบใจ ก็เอาออกได้ในภายหลังเช่นกัน
Photos เปลี่ยนไอคอนใหม่ เพิ่มรายละเอียดสถานที่ และวันเดือนปีที่ถ่ายภาพ
ฟีเจอร์นี้ จะคล้ายๆ กับ iPhoto บน OS X ครับ โดยจะมีการใส่รายละเอียดให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น สถานที่ถ่ายภาพ, วันที่ถ่ายภาพ และสามารถตั้งชื่ออัลบั้มภาพได้ นอกจากนี้ เราสามารถเลือกดูเป็นรายปี และสามารถเลือกดูภาพเป็นขนาดพรีวิวได้ ด้วยการใช้นิ้วลากไปเรื่อยๆ และกดเพื่อดูภาพครับ ซึ่งฟีเจอร์นี้ จะเน้นความอาร์ตมากกว่า น่าจะเหมาะสำหรับคนที่ชอบถ่ายรูปบ่อยๆ
ไม่เพียงเท่านั้น Photos ยังเชื่อมต่อกับ iCloud แชร์ภาพผ่าน Photo Stream ได้ ซึ่งสามารถโพสได้ทั้งภาพ, คลิปวิดีโอ หรือจะคอมเมนต์ภาพที่ถูกใจได้อีกด้วย เปรียบเสมือนเป็น โซเชียลเน็ตเวิร์ค ย่อมๆ ครับ
AirDrop แชร์ภาพให้กับบุคคลอื่น
สำหรับฟีเจอร์ AirDrop นี้ เคยตกเป็นข่าวลือมาแล้วก่อนหน้านั้น และเปิดตัวจริงๆ ตามข่าวลือครับ ซึ่ง AirDrop นี้ก็คือ การแชร์ไฟล์พวกภาพถ่าย, คลิปวิดีโอ, ข้อความ หรืออื่นๆ ผ่านทาง Wi-Fi โดยสามารถแชร์ให้กับบุคคลที่นั่งอยู่บริเวณ Wi-Fi เดียวกับเรา หรือจะส่งผ่าน Bluetooth ก็ได้ นอกจากนี้ การถ่ายโอนข้อมูลยังมีการเข้ารหัสไว้ ฉะนั้นจึงมีความปลอดภัยสูงอย่างแน่นอนครับ
Safari ออกแบบใหม่หมด
ในเมื่อ iOS 7 ถูกออกแบบให้เรียบง่ายมากขึ้น ในส่วนของ Safari ก็ออกแบบใหม่ให้เรียบง่ายมากกว่าเดิมด้วยเช่นกัน ซึ่งจากภาพจะเห็นได้ว่า อินเทอร์เฟสเป็นแบบสบายตามากกว่าเดิม โดยการเสิร์จชื่อเว็บไซต์ จะเป็นการเดาชื่อเว็บให้อัตโนมัติ จะได้ไม่ต้องพิมพ์ชื่อเว็บแบบเต็มๆ ส่วนแท็บแต่ละแท็บนั้น จะเลื่อนขึ้นจากบนลงล่าง ล่างขึ้นบน ซึ่งออกแบบได้น่าใช้งานมากทีเดียว
ไม่เพียงเท่านั้น ยังสามารถแชร์ลิงค์ที่ชื่นชอบ ไปยังโซเชียลเน็ตเวิร์คอย่าง Twitter ได้ ส่วนโหมด Reading List ก็สามารถหาเรื่องราวที่เซฟไว้ได้ง่ายขึ้น ด้วยการปาดไปมาครับ
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจบน iOS 7 นั่นก็คือ iCloud Keychain ซึ่งจะเป็นการจดจำ ทั้ง Account, รหัสผ่าน รวมไปถึงรหัสบัตรเคตดิต ที่มีความปลอดภัยสูง เมื่อใดก็ตามที่เรามีการล็อกอิน ก็ไม่จำเป็นต้องใส่รหัสใหม่ทุกๆ ครั้ง iCloud Keychain ตัวนี้ จะทำการ fill ข้อมูลให้อัตโนมัติครับ นอกจากนี้ ข้อมูลดังกล่าว ยังใช้บน OS X Mavericks ได้อีกด้วย
iTunes Radio บริการ streaming เพลง
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่เคยเป็นข่าวลือมาแล้วก่อนหน้านั้น กับ iTunes Radio บริการ streaming เพลง ที่เปิดให้บริการฟรี แต่มีโฆษณาครับ แต่ถ้าเป็นสมาชิกของ iTunes Match อยู่แล้ว จะไม่มีโฆษณา ถ้าชื่นชอบเพลงดังกล่าว ก็สามารถจ่ายเงินเพื่อดาวน์โหลดมาฟังได้ ซึ่งตอนนี้เปิดให้ใช้ในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น
Siri ออกแบบใหม่ เพิ่มความสามารถใหม่ และเสียงตอบรับแบบใหม่
ผู้ช่วยประจำตัวอย่าง Siri ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด ให้มีอินเทอร์เฟสที่น่าใช้มากขึ้นครับ สามารถเลือกเสียงตอบรับได้ว่า จะเป็นผู้ชาย หรือผู้หญิง และจะปรับสำเนียงให้ตรงกับภาษาท้องถิ่นที่ใช้อยู่ให้มากขึ้น และง่ายต่อการเข้าใจ นอกจากนี้ Siri ยังได้รับการปรับปรุง ให้ตอบสนองต่อการใช้งานที่รวดเร็วขึ้น ถามปุ๊บ ตอบปั๊บ และค้นหาจากแหล่งที่หลากหลายมากขึ้น ทั้ง Wikipedia, Bing หรือ Twitter ครับ
นอกจากนี้ Siri ยังได้เพิ่มหน้าที่ใหม่ ไม่ว่าจะเป็น ให้โทรกลับ, ฟัง Voicemail, ควบคุมการใช้งาน iTunes Radio และอื่นๆ อีกมากมาย
App Store อัพเดทให้อัตโนมัติ
ฟีเจอร์ที่ผู้ใช้ iOS ต้องการมากที่สุดก็คือ การอัพเดทแอพพลิเคชั่นให้อัตโนมัตินั่นเอง โดยที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องเข้า App Store เพื่ออัพเดทแบบ manual อีกต่อไปครับ นอกจากนี้ บน App Store ยังได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ที่เรียกว่า App Near Me เป็นการแนะนำแอพพลิเคชั่นยอดนิยมในประเทศที่เราอาศัยอยู่ นอกจากนี้ ยังได้เพิ่มหมวด แอพพลิเคชั่นสำหรับเด็ก เรียงตามวัย ซึ่งน่าจะถูกใจคุณพ่อคุณแม่เป็นอย่างดีครับ
Find My iPhone เพิ่มระบบความปลอดภัยมากขึ้น
Find My iPhone ฟีเจอร์สำคัญบน iPhone มีไว้ติดตามเวลาเครื่องหาย หรือโดนขโมยครับ ซึ่ง Find My iPhone บน iOS 7 นั้น จะเพิ่มความปลอดภัยมากขึ้น ด้วยการล็อคเครื่องไม่ให้คนที่เป็นเจ้าของ ใช้หรือขาย iPhone ทิ้งไป นอกจากนี้ สำหรับมิจฉาชีพที่หัวหมอหน่อย จะปิดฟังก์ชั่น Find My iPhone ก็จำเป็นต้องใส่ username และ password ของ Apple ID เสียก่อน ฉะนั้น ถ้าหากไม่รู้รหัสก็จะไม่สามารถปิดฟังก์ชั่นดังกล่าวได้นั่นเองครับ นอกจากนี้ ยังสามารถส่งข้อความแจ้งไปยัง iPhone ที่หายไปได้อีกด้วย
iOS in the Car เชื่อมต่อ iOS เข้ากับรถยนต์
ปิดท้ายกันที่ฟีเจอร์ iOS in the Car ซึ่งเป็นการเชื่อมต่ออุปกรณ์ iOS ของเรา เข้ากับรถยนต์นั่นเอง เพื่อให้สามารถใช้ฟีเจอร์ต่างๆ บนมือถือได้ โดยที่ไม่ต้องหยิบมือถือขึ้นมากดครับ ไม่ว่าจะเป็น การโทรศัพท์, เปิดแผนที่, เปิดเพลง, ค้นหาเส้นทาง และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งฟีเจอร์นี้ รองรับบนรถยนต์หลายยี่ห้อครับ แต่ว่าจะได้ใช้ ก็ต้องรอปีหน้า
iOS 7 เปิดให้ดาวน์โหลดพร้อมกัน ช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคมนี้
เห็นภาพลักษณ์ใหม่ของ iOS 7 กันไปแล้ว ท่านใดอยากดาวน์โหลดมาใช้ คงต้องรอกันไปก่อนครับ เพราะ iOS 7 สำหรับผู้ใช้ทั่วไป ยังไม่เปิดให้ดาวน์โหลดในตอนนี้ โดยจะเปิดให้ดาวน์โหลดพร้อมกัน ช่วงฤดูใบไม้ร่วง หรือราวๆ เดือนกันยายน - ตุลาคมครับ ส่วนนักพัฒนา สามารถโหลดเวอร์ชั่น beta มาทดสอบกันได้แล้วตั้งแต่วันนี้
อุปกรณ์ที่รองรับ iOS 7
สำหรับอุปกรณ์ iOS ที่รองรับ iOS 7 ได้แก่
- iPhone 4
- iPhone 4S
- iPhone 5
- iPod Touch Gen 5
- iPad mini
- iPad 2
- iPad 3
- iPad 4
ปล. หาใครขี้เกียจอ่านบทความข้างบน ทางทีมงาน Sanook! Hitech ก็มีคลิปสรุปมาฝากกัน
Apple Introducing iOS 7 - Official Video
รายละเอียดเพิ่มเติม : apple.com
สนับสนุนเนื้อหา: techmoblog