ชำแหละต้นทุน "ไอโฟน 5" และเรื่องน่าปวดหัวของ "แอปเปิล"
ชำแหละต้นทุน "ไอโฟน 5" และเรื่องน่าปวดหัวของ "แอปเปิล"
หากพิจารณาจากยอดขายวันแรกที่ทะลุ 2 ล้านไปแล้ว ไม่ต้องสงสัยว่าไอโฟน 5 ค่ายแอปเปิลจะครองแชมป์สมาร์ทโฟนได้อีกครั้งไหม แต่สิ่งที่กำลังทำให้ยักษ์แอปเปิลปวดหัวในเวลานี้ คือการจัดการกับซัพพลายสินค้า ไม่ใช่ดีมานด์ในตลาด
เว็บไซต์ฟ็อกซ์นิวส์ดอทคอม รายงานว่า ฟ็อกซ์คอนน์ ซึ่งเป็นฐานผลิตสินค้าของแอปเปิล ได้ปิดโรงงาน 1 แห่งในประเทศจีน เมื่อ 24 กันยายนที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุทะเลาะวิวาทครั้งใหญ่ภายในโรงงาน ซึ่งมีบุคลากรมากกว่า 2,000 คน ความรุนแรงดังกล่าวเกิดขึ้นบริเวณหอพักของโรงงานส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บถึง 40 ราย
บริษัทฟ็อกซ์คอนน์และเจ้าหน้าที่ตำรวจของจีนให้ข้อมูลว่า สาเหตุของเหตุการณ์ยังอยู่ระหว่างการสอบสวน แต่เริ่มเกิดเหตุในคืนวันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน ในบริเวณส่วนหอพักใกล้โรงงานฟ็อกซ์คอนน์ เทคโนโลยี กรุ๊ป ตอนเหนือของเมืองไท่หยวน มณฑลชานซี โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปควบคุมสถานการณ์กว่า 5,000 นาย
อย่างไรก็ตาม ฟ็อกซ์คอนน์ไม่ยอมเปิดเผยว่า โรงงานดังกล่าวเกี่ยวข้องกับฐานการผลิตโทรศัพท์ "ไอโฟน" หรือไม่ บอกเพียงว่าโรงงานดังกล่าวมีพนักงาน79,000 คน และจะหยุดทำการแค่วันเดียวคือวันที่ 24 กันยายนที่ผ่านมา ก่อนเปิดทำการอีกครั้งวันที่ 25 กันยายน 2555
วันเดียวคงไม่น่ามีปัญหา ถ้าความวุ่นวายไม่ได้เกิดขึ้นหลัง "แอปเปิล" วางตลาดไอโฟน 5 ได้เพียง 2 วัน โดยวางจำหน่ายเมื่อวันที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา ปรากฏว่าในสหรัฐอเมริกา สินค้าขายหมดเกลี้ยง และยังมียอดสั่งซื้อออนไลน์คั่งค้างอยู่อีกจำนวนมาก ทำให้บริษัทต้องเร่งสายการผลิตให้เพียงพอต่อความต้องการของตลาด
นอกจากนี้แอปเปิลยังออกมาให้ข้อมูลว่าสามารถทำยอดขายไอโฟน 5 ได้มากถึง 5 ล้านเครื่อง ภายใน 3 วันแรกที่วางจำหน่าย แม้ว่าจะค่อนข้างน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์กันไว้ก่อนหน้านี้ ทำให้หุ้นของบริษัทตกลงนิดหน่อย
สำหรับปัญหาที่โรงงานฟ็อกซ์คอนน์ เจ้าหน้าที่ตำรวจของประเทศจีนรายงานว่า ความรุนแรงในครั้งนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกับสภาพการทำงานของพนักงาน โดยหนังสือพิมพ์ของจีนฉบับหนึ่งรายงานว่า สถานการณ์น่าจะเริ่มต้นจากการที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทำร้ายพนักงานบริษัทจนเหตุการณ์บานปลาย โดยภาพถ่ายจากสถานที่เกิดเหตุเผยให้เห็นกระจกหน้าต่างของอาคารแตกเสียหาย, รถยนต์โดนเผาทำลาย และเจ้าหน้าที่ในชุดปราบจลาจลพร้อมโล่และกระบองเข้ามาควบคุมเหตุการณ์
ก่อนหน้านี้ "ฟ็อกซ์คอนน์" เคยโดนตรวจสอบจากองค์กรอิสระที่ดูแลสหภาพแรงงาน เนื่องจากพนักงานของบริษัทออกมาเรียกร้องเรื่องค่าจ้างและชั่วโมงการทำงาน รวมถึงเคยเกิดเหตุการณ์พนักงานฆ่าตัวตายที่โรงงานบ้าง มีพนักงานประท้วงว่าจะกระโดดตึกบ้าง จนบริษัทต้องยินยอมปรับค่าจ้างขั้นต่ำให้สูงขึ้น
นอกจากนี้ยังเคยโดนเปิดเผยข้อมูลจากผู้ตรวจสอบ ซึ่ง "แอปเปิล" จ้างมาว่า ฟ็อกซ์คอนน์ให้พนักงานทำงานเกินกว่า 60 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ เมื่อข้อมูลปรากฏในเดือนมีนาคม 2555 ที่ผ่านมา บริษัทจึงให้คำมั่นสัญญาว่าจะกำหนดจำนวนชั่วโมงการทำงานสูงสุดของพนักงานแต่ละคน
"ฟ็อกซ์คอนน์" เป็นบริษัทสัญชาติไต้หวัน เป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟน "ไอโฟน" และแท็บเลต "ไอแพด" ให้บริษัทแอปเปิล ทั้งยังรับประกอบชิ้นส่วนผลิตภัณฑ์ให้บริษัทไอทียักษ์ใหญ่หลายแห่ง ทั้งไมโครซอฟท์ และฮิวเลตต์-แพคการ์ด หรือเอชพี
"ฟ็อกซ์คอนน์" เป็นหนึ่งในบริษัทที่จ้างพนักงานในประเทศจีนมากที่สุด โดยมีพนักงานรวมกันทั้งหมดประมาณ 1.2 ล้านคน ในโรงงานที่ไท่หยวน, โรงงานที่เมืองทางใต้ของเชนเซ่น, เมืองเชงดูทางตะวันตก และเมืองเซงซู ตอนกลางของประเทศจีน
จบเรื่อง "ฟ็อกซ์คอนน์" มาดูเรื่องต้นทุนของการผลิตไอโฟน 5 กันบ้าง แม้ "แอปเปิล" จะพยายามปกปิดข้อมูล
ไม่ให้มีการเปิดเผยจากฐานการผลิตใด ๆ แต่ สำนักข่าวเดอะวอลล์สตรีต เจอร์นัลรายงานว่า บริษัทวิจัยไอเอชเอสได้ออกมาเปิดเผยบทความวิเคราะห์ว่า ชิ้นส่วนสำคัญ ๆ ที่อยู่ในไอโฟน 5 มีต้นทุนการผลิตสูงกว่าไอโฟนรุ่นพี่ สาเหตุหลักมาจากการที่ "ไอโฟน" รุ่นล่าสุดพัฒนาหน้าจอแสดงผลให้ดียิ่งขึ้น ทั้งเครื่องใช้ชิปประมวลผลที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าเดิมอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม "แอปเปิล" ได้ประโยชน์จากการที่ชิ้นส่วนอื่น ๆ มีต้นทุนถูกลง ทำให้ต้นทุนโดยรวมของไอโฟนรุ่นนี้สูงกว่ารุ่นก่อนเพียงเล็กน้อย
บริษัทไอเอชเอสระบุว่า หากรวบรวมราคาต้นทุนชิ้นส่วนและวัตถุดิบที่ใช้ในไอโฟน 5 ราคาเฉพาะต้นทุนอยู่ที่ประมาณ 197 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 5,910 บาท (30 บาท/1 เหรียญสหรัฐ) สูงกว่าไอโฟน 4S เพียง 270 บาท หรือ 9 เหรียญสหรัฐ
ถ้าแยกออกเป็นส่วน ๆ หน้าจอแสดงผลเรตินาดิสเพลย์ในไอโฟน 5 มีต้นทุนที่ 44 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1,320 บาท) แพงกว่าต้นทุนหน้าจอไอโฟน 4S ที่ 7 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 210 บาท) ผลิตโดยบริษัทชาร์ปของญี่ปุ่น ใช้เทคโนโลยีใหม่ชื่อว่า In-Cell Touch
ส่วนชิ้นส่วนอื่นของเครื่องไอโฟน 5 อาทิ แบตเตอรี่, ชิปความจำ, ชิปไว-ไฟ และบลูทูท มีราคาต้นทุนถูกลงอย่างต่อเนื่องในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา โดยรวม ๆ กันแล้วน่าจะถูกลงประมาณ 20 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 600 บาท)
ส่วนชิปประมวลผลหลักรุ่นเอ 6 ที่ใช้ในการประมวลผลของไอโฟน 5 แม้จะยังผลิตโดยโรงงานของบริษัทซัมซุง แต่ชิปหน่วยความจำเครื่องกลับไม่ใช่ชิ้นส่วนของบริษัทซัมซุงอีกต่อไป ซึ่ง "ไอเอชเอส" คาดการณ์ว่า การที่แอปเปิลไม่ซื้อหน่วยความจำจากซัมซุง ซึ่งถือเป็นผู้ผลิตหน่วยความจำแบบแฟลชรายใหญ่ที่สุดของโลก น่าจะเป็นเพราะกรณีการพิพาททางกฎหมายระหว่างทั้ง 2 บริษัท
โดย "แอปเปิล" น่าจะเปลี่ยนไปซื้อหน่วยความจำแบบแฟลชมาจากบริษัทแซนดิสก์ และไฮนิกซ์ เพื่อใช้เป็นตัวเก็บข้อมูลในไอโฟน 5 แทนการซื้อจากซัมซุง
"ไอโฟน 5" ถือเป็นโทรศัพท์ของแอปเปิลรุ่นแรกที่รองรับเทคโนโลยี 4 จี บนเทคโนโลยี LTE ราคาจำหน่ายยังเท่ากับรุ่นไอโฟน 4S ตอนเปิดตัว โดยรุ่นความจุ 16 จิกะไบต์ อยู่ที่ 199 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 6,000 บาท) แต่ก็เหมือนเดิมคือราคานี้มาพร้อมสัญญาการใช้บริการกับโอเปอเรเตอร์นาน 2 ปี ส่วนราคาจำหน่ายเฉพาะเครื่องแบบไม่มีสัญญาใช้บริการ เริ่มต้นที่ 649 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 19,470 บาท)