10 สิ่งเกี่ยวกับเทคโนโลยี...ที่บ่งบอกว่าเรานั้นเริ่มจะแก่แล้ว
10 สิ่งเกี่ยวกับเทคโนโลยี...ที่บ่งบอกว่าเรานั้นเริ่มจะแก่แล้ว
1. เราเริ่มจะถ่ายภาพอาการแบบ ‘Foodbook’
ที่ผ่านมาเราจะโพสต์ภาพถ่ายยามเรากำลังสังสรรค์ปาร์ตี้กับเพื่อนฝูงเสมอ มาตอนนี้เราเอาแต่คอยถ่ายภาพจานอาหารมื้อต่างๆ อย่างตั้งอกตั้งใจพร้อมจัดฉากแบ็คกราวนด์แบบหน้าชัดหลังเบลอให้ดูสวยอย่างมีศิลป์และอัพโหลดขึ้นเว็บไซต์ ถึงขั้นที่ว่าเราเช็ดขอบจานชามด้วยผ้าหรือกระดาษเช็ดปากให้ดูเนี้ยบก่อนทุกครั้ง แล้วเราคิดว่าเราจะได้อะไรจากการทำเช่นนั้น จะมีคนชื่นชมสรรเสริญงั้นเหรอ หรือเราจะได้ถ้วยรางวัลชนะเลิศ MasterChef ใช่มะ ก้มหน้าก้มตากินซะ อย่าฟุ้งซ่าน!
2. TOTP2 ดูคุ้นๆ เหมือนเพิ่งดูไปไม่นาน
ดูรายการเพลงดัง Top of the Pops เก่าๆ ตอนนึงที่นำมาออกอากาศใหม่แล้วเราจำได้เกือบ 90 เปอร์เซ็นต์ของรายการ เราสาบานได้ว่าแค่ไม่กี่ปีก่อนนี้เองที่เรารู้สึกตื่นเต้นขนลุกซู่ที่ได้เห็นวง Echo and the Bunnymen เล่นสดๆ ในทีวีร่วมกับ Buck’s Fizz จากวั้นนั้นจนถึงวันนี้ประมาณสองทศวรรษ มีวงดนตรีมากมายแจ้งเกิดแล้วก็ดับไปที่เราแทบจะไม่รู้จักเลย แล้วอีตาดีเจที่เป็นพิธีกรที่เราชื่นชมนักหนาหายไปไหนละ เป็นไปได้เหมือนกันนะที่เขาจะกลายเป็นคนที่ชอบหลอกลวงเด็กๆ ไปแล้ว
3. คุณรู้สึกกังวลเกี่ยวกับสภาพอากาศ
สมัยที่เรายังอยู่วัยสะรุ่นวัยกระเตาะ เราไม่สนด้วยซ้ำที่จะโผล่หัวออกหน้าต่างเพื่อดูว่าฝนตกหรือเปล่า มาตอนนี้เราสาละวนค้นหาข้อมูลจากแอพพลิเคชั่นดินฟ้าอากาศอย่างละเอียดยิบก่อนพิจารณาก้าวย่างออกจากบ้าน หนำซ้ำเรายังบ่นกระปอดกระแปดเป็นหมีกินผึ้งกรณีพยากรณ์ผิด เราคิดแม้กระทั่งว่าจะซื้อไอ้สิ่งนั้นตรงโถงทางเดินในบ้านแม่ ก็นาฬิกาดิจิตอลขนาดมหึมาที่บอกเวลา บอกความชื้นสัมพัทธ์ทั้งในบ้านและนอกบ้าน บอกอุณหภูมิที่เมืองย่างกุ้งและความเป็นไปได้ที่ฝนฟ้าจะตกในวันนี้แต่เป็นของปี 2018 นู่น นี่บ่งบอกอย่างชัดเจนว่าเราอยู่ห่างจากหลุมฝังศพไม่มาก และจริงๆ แล้วเผลอๆ เจ้าสิ่งนี้อาจจะใส่ฟีเจอร์นับถอยหลังวันตายไว้ให้เราด้วยก็ได้นะ
4. เรารู้สึกต่อต้านอีบุ๊ค
ครั้งหนึ่งเราเองก็ชอบอ่านอีบุ๊คบนจอหมึกอีอิงค์ม้ากมาก แต่ในระยะหลังๆ เราเริ่มที่จะคิดว่าไม่มีอะไรจะสู้ความรู้สึกและกลิ่นของหนังสือจริงๆ ได้ ยกเว้นแต่ ข้อ ก. เราย้อนถามตัวเองว่าเราจะดมกลิ่นหนังสือไปทำไมกัน ข้อ ข. จ้า เหมือนเราจะอ่านหนังสือจริงๆ จังๆ อย่างงั้นแหละ....
5. เราปกป้องยุคสมัย ‘ของเรา’ อย่างเต็มที่
มีคนถามเราว่า “คุณฟังเพลงของ Talking Heads อยู่งั้นเหรอ ไม่กี่สัปดาห์ก่อนมีใครร้องเพลงของพวกเขาเพลงใดเพลงหนึ่งในรายการ X Factor ใช่มั้ย เอ คุณคงไม่ได้แก่ขนาดนั้นที่จะรู้จักพวกเขานี่นา!’ ไม่หรอก ก็เหมือนอย่าง The Beatles, Einstein, Shakespeare หรือพระเยซูที่เรารู้จักเพียงผิวเผินในสมัยที่เรายังเป็นเด็กตัวกระเปี๊ยกนั่นแหละ
6. เราหยุดอัพเกรดสิ่งต่างๆ
นี่คือปี 2025 สมาร์ทโฟนได้ถูกแทนที่โดยการฝังเทคโนโลยีนาโนใต้ระบบประสาทแต่เราก็ยังคงใช้ iPhone4 ด้วยเหตุผลที่ว่า “เราก็แค่ต้องการอะไรบางอย่างที่สามารถทำงานสำคัญๆ อย่างการท่องเน็ตและเล่นเกม Angry Birds เท่านั้นแหละ แล้วใครกันที่อยากจะส่งข้อความผ่านโทรจิต (สื่อสารทางจิต) และใช้เซ็กซ์ทอยที่ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์”
7. หนังสือพิมพ์ถูกโยนทิ้ง
เราเคยตัดเก็บหนังสือพิมพ์ที่มีข่าวคนดังหรือคนที่มีชื่อเสียงเสียชีวิต ตั้งแต่ Freddie Mercury นักร้องนำวง Queen ไปจนถึง Princess Di ถ้าดาราคนไหนเกิดซุ่มซ่ามเตะโดนถังเราก็ต้องรีบออกไปซื้อ The Times มาหนึ่งฉบับและเก็บซ่อนไว้อย่างมั่นอกมั่นใจว่าวันหนึ่งมันจะมีมูลค่ามหาศาลขึ้นมา คุณเอ๊ย! ตอนนี้เราแทบไม่อยากเสียเวลาคลิกลิงค์แอพพลิเคชั่นของ The Times เลยด้วยซ้ำ ถ้ามีใครตายน่ะเหรอ เราก็แค่ทวีตข้อความ #RIP จงไปสู่สุคติก็พอ
8. เราขู่ขวัญพนักงานรับโทรศัพท์ที่คอลล์เซ็นเตอร์
คุยกันแค่ไม่กี่นาทีเราก็งัดเอาอาวุธเด็ดที่ผู้ชายตัวโตๆ มักใช้กันบ่อยๆ ออกมาใช้เรียบร้อยแล้ว ก็นิสัยวางกล้ามนั่นแหละ ด้วยการขอพูดกับผู้จัดการไง แต่ขณะที่พนักงานเสียงแจ๊ดๆ กำลังจะต่อสายผู้จัดการให้เราก็ระเบิดอารมณ์ขึ้นมาอีกครั้งและโพล่งถามว่า “โทษนะ แล้วคุณชื่ออะไร” อะฮ่า ยินดีด้วยที่ตอนนี้เราชักจะเหมือนพ่อของเราเข้าไปทุกที
9. มีแค่เตียงดีๆ เท่านั้นที่ใช้ได้
โบกมือลาการทำกิจกรรมรักบนเสื่อหนึ่งผืน และบ๊ายบายการนอนบนพื้นห้องบ้านเพื่อน คืนนี้ถ้าเตียงนอนสำหรับแขกที่งานปาร์ตี้ไม่ได้ใช้เมมโมรี่โฟม หมอนและผ้านวมไม่มีกลิ่นหอมของผ้าที่เพิ่งผ่านการซักละก็ เราขอกลับบ้านดีกว่าแม้จะดึกดื่นแค่ไหนก็ตาม
10. เราไม่ค่อยใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ
“@Gizm0kiNg$101ตอบกลับ @Android9eva: มันคือ 8294e ไม่ใช่ 8294d ไอ้งั่ง!” ขณะที่เราอ่านข้อความนี้เราไม่รู้สึกเคืองหรืออารมณ์เสียแม้แต่น้อย แค่หวังว่าสักวันหนึ่ง Gizm0kiNg$101จะเข้าใจหัวจิตหัวใจคนอื่นบ้าง และมีใครบางคนกระซิบบอกเขาจากคำพูดของ Doug Stanhope ตลกเดี่ยวไมโครโฟนฝรั่งว่า “ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ในที่สุดคนเราก็ต้องซี้แหงแก๋อยู่ดี” สาธุ
ที่มา: ขอขอบคุณ T3 ผู้สนับสนุนเนื้อหา