10 สิ่งเกี่ยวกับเทคโนโลยี…ที่ไม่ควรทำผิดพลาดในปีนี้
10 สิ่งเกี่ยวกับเทคโนโลยี…ที่ไม่ควรทำผิดพลาดในปีนี้
1/ ความล้มเหลวในการออกกำลังกาย
เราไม่มั่นใจว่ากล้ามเนื้อท่อนไหนที่ได้รับการบริหารเมื่อเล่นบาร์โหนอย่างลำบากลำบน แต่เรารู้ว่าหลังจากที่เราสร้างความทุกข์ระทมให้กับแขนตัวเองและทรมานวงกบประตูเพื่อต้องการให้แผ่นหลังมีรูปทรงคล้ายตัว V เป็นเวลาหลายสัปดาห์หลังปีใหม่เหมือนอย่างที่เราให้คำปฏิญาณกับตัวเอง เราจะกลับไปสวมสายรัด FuelBand ได้อีกครั้ง แหม! โชคร้ายจังที่ไอ้สายรัดอะไรนั่นไม่มีผลหรือช่วยอะไรเราเลย เวรกรรม!
2/ ขนบนใบหน้าดูไม่เท่
เรามีปัตตาเลี่ยนสำหรับเล็มหนวดเคราที่ปรับระดับการตัดได้อย่างละเอียดถี่ยิบตั้งแต่ 0.4 มม. ไปจนถึงหนวดเครายาวเฟิ้ม ตอนนี้ได้เวลาที่เราจะลงมือตัดแต่งหนวดเคราให้สวยงามเหมือนอย่างที่เราวาดฝันไว้ นับตั้งแต่ที่เราเริ่มเลี้ยงมันเป็นขนสั้นๆ สมัยพระเจ้าเหา 2002 ด้วยศรัทธาอันแน่วแน่มั่นคงแล้วรึยัง ยังไม่ถึงเวลา ก็เพราะแฟนเราไม่ยอมหยุดพร่ำบอกและตอกย้ำว่าขนบนใบหน้าทำให้เราดูเหมือนลูกแคนตาลูปติดขนเพชรไง
3/ ค่าไฟสุดโหด
ราคาแก๊สและไฟฟ้าพุ่งกระฉูดไม่หยุด แต่เราไม่คิดจะเปลี่ยนบริษัทเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งล่าสุดทำให้เราจำฝังใจ เว็บไซต์ที่เปรียบเทียบอัตราค่าไฟเสนอแนะ 363 บริษัทที่มีอัตราต่ำกว่า แต่นั่นเป็นเพราะเราคิดคำนวณช่วงเวลาการใช้ไฟฟ้าสับสนกับอัตราค่าไฟก่อนภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่ช่างเหอะ ในทันทีที่เราเปลี่ยนบริษัทสิ่งที่เกิดขึ้น คือบริษัทไฟฟ้าเจ้าใหม่เกิดบ้องตื้นคิดอัตราแพงกว่าที่เราเคยจ่ายเสียอีก เฮ้อ! คิดซะว่ามันก็แค่เงินน่ะนะ
4/ ความเศร้าเสียใจจากการขี้เกียจเขียนหนังสืออิเล็กทรอนิกส์
ตอนนี้เรามีไอเดียสำหรับการเขียนอีบุ๊คเล็กๆ มากน้อยแค่ไหนแล้ว ก็เยอะเหมือนกันนะ แต่คงจะไม่มีไอเดียอันไหนที่จะถูกบรรยายออกมาเป็นตัวอักษรในปีนี้ ไหนจะ Things People Say in the Office, Restaurant Toilets of the World, The Worst Pubs in Britain, Funny Signs I’ve Seen, Isn’t Stuff Rubbish?! เยอะแยะตาแป๊ะไก๋ เราปล่อยให้หนังสือยอดเยี่ยมระดับมาสเตอร์พีซเหล่านั้นสูญหายไปในสมองโดยไม่มีการแบ่งปันให้คนอื่นได้อ่าน โอย เสียดาย!
5/ ช็อปปิ้งอย่างไม่ฉลาด
สินค้าข้าวของดูเหมือนจะขายในราคาถูกกว่าและดีกว่าถ้าซื้อที่อื่น แต่ร้านขาประจำของเรานั้นเดินทางได้ใกล้กว่าถึงห้านาทีเต็มๆ แถมเรายังอุตส่าห์สะสมคะแนนบัตรสมาชิกมาตั้งเจ็ดปีแล้ว ซึ่งมีค่าประมาณ 11.34 ปอนด์ (ประมาณ 600 บาท) แน่ะ และทุกครั้งที่เราซื้อของ เราจะได้คูปองลดราคาสินค้าเป็นม้วนๆ เลย ตัวอย่างเช่น ลดราคาสลัดกะหล่ำปลีกระป๋องยี่ห้อ Quality Range สามเพนนี (ประมาณ 2 บาท) เมื่อเราสะสมยอด Nectar ได้ 200 แต้ม และซื้อน้ำยาปรับผ้านุ่ม Comfort ครบแปดลิตร นั่นไง ว่าแล้ว! ท้ายสุดเราก็ตกเป็นเหยื่อของการ ‘ลด แลก แจก แถม’
6/ ใช้เงินกินข้าวเที่ยงเยอะไป
ในเมื่อเรามีอุปกรณ์เครื่องครัวสุดไฮเทคมากมาย เราก็ควรจะทำอาหารมื้อเที่ยงด้วยตัวเองในยามที่เงินฝืดกระเป๋าเช่นนี้ แต่ร้านอาหารใกล้ออฟฟิศอย่าง Pret A Manger, Eat และ Subways ยังไงๆ ก็ได้เปรียบ ก็พวกมันไม่ทำให้เราต้องตื่นมาทำอาหารตอน 7 โมงเช้าไง และขนมปังก็ไม่เละเทะทุกครั้งที่ทาเนย
7/ การไม่อัพเกรดตนเอง
คุณกลัวการพาตัวเองไปสู่การใช้งานแท็บเล็ตอย่างเต็มรูปแบบ การพิมพ์สิ่งต่างๆ บนแท็บเล็ตดูเก้ๆ กังๆ ไม่ต่างอะไรกับยีราฟเดินกระย่องกระแย่งบนพื้นน้ำแข็ง แถมยังอาจทำให้เป็นโรค RSI (อาการบาดเจ็บที่เกิดจากการใช้อวัยวะซ้ำๆ ติดต่อกันอย่างยาวนาน) จากการพยายามพิมพ์นิ้วเดียวให้คล่องแคล่วเหมือนอย่างที่พ่อเราทำ หนำซ้ำดูเหมือนเราจะมั่นใจซะเหลือเกินว่าคนที่ทำงานบนแท็บเล็ตอย่างเดียวเลยไม่ได้ทำอะไรที่เป็นประโยชน์จริงๆ จังๆ หรอก
8/ หูฟังสุดเท่
“เดี๋ยวนี้ใครๆ ก็สวมหูฟังกิ๊บเก๋เทรนดี้กันทั้งนั้น อย่าง Urbanears เอย Beats เอย บางทีผมน่าจะลองดูบ้าง อ๋อ มันทำให้เราดูคล้าย Tellytubby ตอนชราเหรอ... ถ้างั้นก็ไม่เป็นไร ผมใช้ของเดิมที่ใช้อยู่นี่แหละ”
9/ รายการห่วยๆ
เราสะสมชุดดีวีดีบ็อกเซตของภาพยนตร์อย่าง Mad Men และ Breaking Bad เอาไว้ดูยามเวลาที่ช่องทีวีมีแต่รายการห่วยๆ หรือสัญญาณทีวีขาดหาย ทว่ายิ่งนานวันเราปล่อยให้หนังเหล่านั้นกองพะเนินเพิ่มเยอะขึ้น ซ้ำหวั่นว่าช่วงเวลาคับขันที่ว่าอาจจะยาวนานก็ได้ บางทีเราอาจจะต้องสร้างห้องสำหรับเก็บหนังโดยเฉพาะขนาดเท่าเรือโนอาห์ ดังนั้น เราจึงหันไปสะสมละครอังกฤษซีรีส์ที่สั้นกว่าหนังแทน แต่ก็เตือนสติตัวเองด้วยว่าการปล่อยเวลาให้เสียไปโดยเปล่าประโยชน์เยี่ยงนั้น จะนำพาไปสู่ความน่ากลัวแบบเนื้อเรื่องในซีรีส์ไซไฟ Red Dwarf X ที่มีมนุษย์เพียงคนเดียวหลงเหลืออยู่ในจักรวาล และเราก็ไม่อยากเป็นอย่างนั้นซะด้วย
10/ ความภักดีต่อแบรนด์
“เออ! อั๊วไม่ชอบยี่ห้อ A นี่นา พวกเขามีอุปกรณ์ที่ทำให้ไอคิวของเราสูงขึ้น เจ้าน้องชายมีขนาดใหญ่ขึ้น และลบความทรงจำเกี่ยวกับภาพยนตร์พรีเควล Star Wars ออกจากสมองได้ด้วยงั้นเหรอ ช่างเหอะ! ยังไงอั๊วก็ชอบใช้ยี่ห้อ B อยู่ดีแหละ มันเป็นระบบโอเพ่นซอร์ส และนั่นสำคัญกว่าสำหรับอั๊ว”
ที่มา: ขอขอบคุณ T3 ผู้สนับสนุนเนื้อหา