เปิดโปง !!! Samsung จงใจละเมิดสิทธิบัตร
เปิดโปง !!! Samsung จงใจละเมิดสิทธิบัตร
สมรภูมิการฟ้องร้องเรื่องการละเมิดสิทธิบัตรหนล่าสุด ดูเหมือนว่า Apple จะได้เปรียบมากกว่า Samsung แม้ศาลในรัฐแคลิฟอร์เนียจะตัดสินว่าทั้งคู่ละเมิดสิทธิบัตร ซึ่งกันและกันก็ตาม แต่ทว่าการละเมิดสิทธิบัตรโดย Samsung กลับมีที่มาที่ไปอย่างน่าสนใจ
จากการเปิดเผยของเว็บไซต์ Vanityfair ว่าด้วยเรื่องสงครามสิทธิบัตร ซึ่งใจความสำคัญระบุถึงความจงใจละเมิดสิทธิบัตรหลายฉบับด้านเทคโนโลยีโดย Samsung เมื่อเกิดการฟ้องร้องต่อศาลก็จะใช้แท็คติกเพื่อยืดเยื้อการพิจารณาคดี ซึ่งผลจากการใช้เล่ห์เหลี่ยมจึงก่อให้เกิดประโยชน์ต่อ Samsung อย่างมหาศาลมาจนถึงทุกวันนี้
Vanityfair ได้ระบุเหตุการณ์การฟ้องร้อง Samsung จากบริษัทต่างๆ ไว้คร่าวๆ ดังนี้ครับ
- ปี 2006 Pioneer ยื่นฟ้อง Samsung กรณีละเมิดสิทธิบัตรเทคโนโลยีพลาสมาทีวี และเรียกร้องให้ Samsung ชดใช้ค่าเสียหายเป็นจำนวนเงินประมาณ 59 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่จากการยื่นอุธรณ์ทำให้การพิจารคดียืดเยื้อมาจนถึงปี 2009 ก่อนที่ Pioneer จะประสบปัญหาจนปิดธุรกิจทีวีไปในปี 2010
- ปี 2007 Samsung ละเมิดสิทธิบัตรจอ LCD ของ Sharp บริษัทยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น จึงทำให้เกิดการฟ้องร้องขึ้น แต่กว่าศาลจะตัดสินคดีดังกล่าวได้ Samsung ก็สามารถยืนหยัดและครองส่วนแบ่งทางการตลาดทีวีทั่วโลกได้มากถึง 23.6% ในปี 2009 เหนือกว่า Sharp ที่มีส่วนแบ่งลดลงเหลือเพียง 5.4%
จากทั้งสองกรณี Vanityfair วิเคราะห์ว่า Samsung ใช้แท็คติกการถ่วงเวลาด้วยการยื่นอุธรณ์ต่อศาลจนถึงที่สุด และในระหว่างนั้นผลิตภัณฑ์ต่างๆของ Samsung ก็จะทะยอยออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง เมื่อการฟ้องร้องทำให้ Samsung ต้องจนมุมและศาลตัดสินห้ามจำหน่ายผลิตภัณฑ์นั้นๆ ผลที่ Samsung ได้คือการเป็นเจ้าตลาดและยืนหยัดได้โดยการฟ้องร้องไม่ส่งผลกระทบใดๆต่อธุรกิจ
ขณะเดียวกันยังมีเปิดโปงหลักฐานที่เชื่อมโยงไปถึงสงครามสิทธิบัตรกับ Apple ด้วยว่า Samsung นำ iPhone มาวิเคราะห์และเปรียบเทียบกับสมาร์ทโฟนของตัวเองแบบละเอียดยิบ เพื่อหาจุดที่ iPhone ดีกว่า และมีสิ่งใดบ้างที่ Samsung สามารถพัฒนาให้คล้ายคลึงกันได้
เมื่อ Apple ฟ้องร้อง Samsung กว่าการพิจารณคดีจะเสร็จสิ้น Samsung ก็สามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่ที่สุดในโลกเรียบร้อย แม้ Samsung จะต้องชดใช้ค่าสิทธิบัตรให้กับ Apple แต่ก็ไม่สามารถช่วยให้ iPhone ผงาดขึ้นเป็นเบอร์ 1 ได้อีกแล้ว
สนับสนุนบทความ : Arip