"เสือป่าพลาซ่า" ยังคึกคัก พ่อค้าจีนแห่ยึดพื้นที่ขาย

"เสือป่าพลาซ่า" ยังคึกคัก พ่อค้าจีนแห่ยึดพื้นที่ขาย

"เสือป่าพลาซ่า" ยังคึกคัก พ่อค้าจีนแห่ยึดพื้นที่ขาย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"เสือป่าพลาซ่า" ยังคึกคัก พ่อค้าจีนแห่ยึดพื้นที่ขาย

ถึงจะโดนพิษเศรษฐกิจเล่นงานจนผู้นำเข้าอุปกรณ์เสริมโทรศัพท์มือถือ (Accessories) ทั้งหลายต้องปรับกระบวนรบกันอุตลุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการบริหารจัดการสต๊อกสินค้า เพราะสถานการณ์การเมืองและเศรษฐกิจในปัจจุบันทำให้มู้ดจับจ่ายของผู้บริโภคหดหาย เป็นจำนวนไม่น้อยรัดเข็มขัด คุมเข้มการใช้จ่ายกับสินค้าฟุ่มเฟือย ซึ่งผู้นำเข้าหลายรายยอมรับว่า เคสแฟชั่น, ฟิล์มกันรอย หรือแม้แต่พาวเวอร์แบงก์ ต่างโดนหางเลขไปด้วย

ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" ออกสำรวจแหล่งซื้อขายอุปกรณ์เสริมโทรศัพท์มือถือ "เสือป่าพลาซ่า" พบว่าบรรยากาศการซื้อขายสินค้ายังเต็มไปด้วยความคึกคัก มีผู้คนแวะเวียนเข้าไปซื้อสินค้าหนาตาทั้งผู้บริโภคทั่วไป และผู้ค้าที่ซื้อเป็นจำนวนมากเพื่อนำไปขายต่อ ซึ่งสินค้าที่ขายดียังเป็นเคสโทรศัพท์มือถือหลากหลายรูปแบบ แต่ส่วนใหญ่เป็นสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ มีเพียงไม่กี่ร้านเท่านั้นที่ขายสินค้ามีลิขสิทธิ์ พะยี่ห้อแบรนด์ไทย เช่น ว็อกซ์ และโฟกัส เป็นต้น

เช่นกันกับสารพัดแบตเตอรี่สำรอง หรือ พาวเวอร์แบงก์, ฟิล์มกันรอย และสายต่อพ่วง และสายชาร์จรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ในเสือป่าพลาซ่าจะมีราคาถูกกว่าที่จำหน่ายในท้องตลาดหลายเท่า

พนักงานขายประจำร้านค้าแห่งหนึ่งแสดงความเห็นว่าบรรยากาศในเสือป่าพลาซ่าไม่เคยเงียบ ยิ่งสมาร์ทโฟนกำลังได้รับความนิยมจากผู้บริโภคทั่วไปด้วยแล้วทำให้มีพ่อค้าแม่ค้าหน้าใหม่เป็นจำนวนมากมาหาซื้ออุปกรณ์เสริมต่างๆ กันอย่างคึกคัก และมีบ้างประปรายที่ซื้อไปใช้เอง

"เศรษฐกิจจะแย่ แต่คนยังมาซื้อสินค้าที่นี่เรื่อย ๆ ตั้งแต่ช่วงสายเรื่อยไปจนถึงดึก สินค้าที่ขายดีที่สุดหนีไม่พ้นบรรดาเคสมือถือต่าง ๆ ที่นี่มีราคาตั้งแต่ 30 บาท จนถึง 300-400 บาท รองลงไปเป็นฟิล์มกันรอยที่ราคาเริ่มต้นเพียงแผ่นละ 5 บาท ที่นี่เราเน้นขายราคาส่ง เพราะขนสินค้ามาเยอะ ส่วนใหญ่นำเข้ามาจากประเทศจีน มีบ้างที่ผลิตในประเทศ แต่ไม่เยอะ และสินค้าที่ขายส่วนใหญ่ละเมิดลิขสิทธิ์ ที่มีลิขสิทธิ์ทั้งตึกคงมีไม่ถึง 1 ใน 3 มีทั้งที่ก๊อบปี้แบบ ก๊อบปี้ลวดลาย หรือนำแบรนด์ดังมาแปะไว้เฉย ๆ ก็มี"

เมื่อได้คุยกับร้านค้าอีกแห่งในบริเวณเดียวกันได้มุมมองที่ต่างออกไป โดยพนักงานประจำร้านยอมรับว่า บรรยากาศเงียบเหงาไปบ้างในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา มีจำนวนลูกค้าน้อยลงอย่างชัดเจน ก่อนกลับมาคึกคักเป็นปกติในเวลาต่อไป

ราคาเคสลิขสิทธิ์แบ่งได้เป็นยี่ห้อ "โฟกัส" ผู้จำหน่ายฟิล์มกันรอยสัญชาติไทยที่มีส่วนแบ่งการตลาดเบอร์ต้น ๆ นำตัวละครในไลน์มาใส่ไว้ที่เคสแล้วตั้งราคาขายปลีกสำหรับไอโฟน 5 ไว้ที่ 250 บาท ถ้าซื้อ 3 ชิ้นขึ้นไป ลดเหลือ 150 บาท/ชิ้น และ "วอกซ์" สินค้าแบรนด์ไทย ตั้งราคาขายปลีกเคสลายการ์ตูน "มาร์เวล" รุ่นไอโฟน 5ไว้ที่ 150 บาทขึ้นไป ซื้อ 3 ชิ้น เหลือประมาณ 100 บาทแล้ว

ขณะที่เคสต่าง ๆ ทั้งที่ก๊อบปี้แบบ และทำง่าย ๆ โดยแปะยี่ห้อดัง ราคาเริ่มต้น 30 บาท ถ้าซื้อหลายชิ้น ลดเหลือ 15 บาท เคสที่มีลวดลายต่าง ๆ ราคาจะคละกันไปตั้งแต่ 50-200 บาท แล้วแต่ความสวยงาม และขนาด ถ้าเป็นเคสสำหรับแท็บเลต ราคาจะพุ่งไปถึง 350 บาทก็มี

ปัจจุบันลูกค้านิยมเคสใสที่มีลักษณะเหมือนขวดน้ำหอมยี่ห้อต่าง ๆ โดยราคาส่งเคสสำหรับสมาร์ทโฟนอยู่ที่ 150 บาท เคสแท็บเลตอยู่ที่ 200-300 บาท มีเพชรประดับก็จะแพงขึ้นไปอีก

นอกจากเคสที่ใส่เพื่อเพิ่มความสวยงาม และป้องกันสมาร์ทโฟนเครื่องโปรดแล้ว ปัจจุบันมีสติ๊กเกอร์ใช้แปะให้เกิดลวดลายต่าง ๆ ออกวางตลาด มีจุดเด่นตรงที่ไม่ทำให้เครื่องหนาเกินไป ซึ่งสติ๊กเกอร์เหล่านี้เป็นสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์เช่นกัน เช่น ใช้ลวดลายการ์ตูนดัง และโลโก้ของทีมฟุตบอลต่าง ๆ ขายปลีกชุดละ 100 บาท(แปะด้านหน้าและข้างหลัง) ขายส่งอยู่ที่ 25-35 บาท แล้วแต่ขนาดเครื่อง เมื่อซื้อ 10 ชุดขึ้นไป คละลายได้

สินค้าอีกประเภทที่ได้รับความนิยม คือพาวเวอร์แบงก์ หรืออุปกรณ์สำรองไฟ นับเป็นอีกอุปกรณ์เสริมที่ผู้ใช้สมาร์ทโฟนขาดไม่ได้ ราคามีตั้งแต่ระดับ 200 บาท สำหรับความจุ 2,000 มิลลิแอมป์ เรื่อยไปจนถึงหลักหมื่นแอมป์ก็มี ยิ่งความจุเยอะยิ่งเติมพลังงานให้สมาร์ทโฟนได้มาก ความจุ 10,400 มิลลิแอมป์ ขาย 750 บาท รุ่นความจุ 13,000 มิลลิแอมป์ อยู่ที่ 850 บาท ถูกกว่าตามท้องตลาดทั่วไปเกือบเท่าตัว เพราะรุ่น 10,000 มิลลิแอมป์ขึ้นไป ที่อื่นขายราคาสูงกว่า 1,500 บาททั้งนั้น

สินค้ายอดนิยมที่เริ่มเห็นกันหนาตาในขณะนี้คือ "เม็ดบีด" หรือตัวล็อกสายชาร์จป้องกันสายหัก ลักษณะของเม็ดบีดจะเป็นข้อปล้องเล็ก ๆ ยาวประมาณ 0.5 ซม.เวลาใช้ต้องตัดตรงกลาง เพื่อนำไปสวมใส่ที่สายชาร์จ แต่ละสายมีเม็ดบีดประมาณ 200 อัน ขายกันอยู่ที่ 40 บาท/200 อัน แต่ถ้าเป็นราคาขายส่ง คิดตามน้ำหนัก คือ 100 กรัม ราคา 180 บาท เป็นต้น

เป็นที่น่าสังเกตอีกอย่าง คือบรรดาร้านค้าต่าง ๆ ในเสือป่าพลาซ่า จากการเดินสำรวจพบว่าเจ้าของร้านเกือบครึ่งเป็นคนจีนที่สามารถพูดภาษาไทยได้อย่างคล่องแคล่ว จนอดไม่ได้ที่จะสอบถามข้อมูลกับผู้ค้าเหล่านั้นถึงการนำเข้าสินค้าจากประเทศจีนเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย แต่กลับไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจนนัก โดยต่างบ่ายเบี่ยงที่จะพูดถึงเรื่องนี้ด้วย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook