10 แบรนด์ธุรกิจที่จะไม่รอดในปี 2015

10 แบรนด์ธุรกิจที่จะไม่รอดในปี 2015

10 แบรนด์ธุรกิจที่จะไม่รอดในปี 2015
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

10 แบรนด์ธุรกิจที่จะไม่รอดในปี 2015

เว็บไซต์บิสเนส อินไซเดอร์ รายงานโดยอ้างอิงผลวิเคราะห์ของบริษัท เทเวนตี้โฟร์ เซเว่น วอลล์ สตรีต ซึ่งจัด 10 อันดับบริษัทที่เสี่ยงธุรกิจไปไม่รอดในปี 2558 หรือ ปี 2015 โดยธุรกิจที่มีแนวโน้มไม่รอดสูงสุดทั้ง 10 อันดับ 

 
อันดับ 1  "ลูลูเลมอน" (Lululemon) แบรนด์กางเกงโยคะ ที่มีการเรียกสินค้าในตลาดคืน 17% และ ซีอีโอของบริษัทก็ลงจากตำแหน่ง นอกจากนี้ หุ้นของบริษัทลดลง 50% จากช่วงที่ขึ้นสูงสุดเมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2556 ส่วนรายได้สุทธิก็ลดลงจาก 47 ล้านดอลลาร์ มาอยู่ที่ 19 ล้านดอลลาร์  
อันดับ 2  "ไดเร็กทีวี" (DirecTV) ผู้ให้บริการดาวเทียมซึ่งมีแนวโน้มว่า เอที แอนด์ ที (AT&T) วางแผนจะซื้อไดเร็กทีวีในปีนี้ ด้วยมูลค่า 50,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่ง เอที แอนด์ ที ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่า  การซื้อกิจการครั้งนี้จะไม่ทำให้ผู้บริโภคและคู่แข่งในตลาดเจ็บตัว
 
อันดับ 3 "ฮิลล์ไชร์ แบรนด์" (Hillshire Brands) แบรนด์อาหารแปรรูปจากผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ ที่เพิ่งขยายกิจการด้วยการซื้อบริษัท "พินาเคิล ฟู้ดส์" (Pinnacle Foods) เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานี่เอง
 
อันดับ 4 "ซินกา" (Zynga) เป็นบริษัทที่ผลิตเกมฟาร์มวิลล์ และก่อนหน้านี้ เฟซบุ๊กสนใจบริษัทนี้เป็นอย่างมาก แต่เมื่อซินกาไม่สามารถผลิตเกมที่ทำให้ฮิตได้อีก เฟซบุ๊กจึงไม่ทำธุรกิจร่วมกันอีกต่อไป อีกทั้ง คนเล่นเกมผ่านเฟซบุ๊กก็ตื่นเต้นกับเกมอย่าง แคนดี้ ครัช ที่ผลิตโดยบริษัทคิง ดิจิตอลมากกว่า
 
อันดับ 5 "อลาสก้า แอร์ไลนส์" (Alaska Airlines) หนึ่งในสายการบินที่ยังอยู่ในธุรกิจด้วยตนเองในสหรัฐอเมริกา และไม่ได้อยู่ในเครือข่ายอย่างเดลต้า และยูไนเต็ด แม้ อลาสก้า แอร์ไลนส์ เป็นที่รู้จักกันว่ามีบริการดีเยี่ยมก็ตาม  
 
อันดับ 6 "รัซเซลล์ สโตเวอร์" (Russell Stover) บริษัทผลิตช็อกโกแลตและลูกกวาดขนาดใหญ่อันดับ 3 ของอเมริกา  แต่กำลังจะถูกบริษัท "ลินด์ท แอนด์ สปรังลี" (Lindt & Sprungli ) ผู้ผลิตช็อกโกแลตสวิสเซอร์แลนด์ซื้อ โดยคาดว่าดีลนี้จะเสร็จสิ้นภายในเดือนสิงหาคม - กันยายน ปีนี้
 
อันดับ 7 "ชัตเตอร์ฟลาย" (Shutterfly) บริษัทอัดรูปถ่ายออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุด แต่พฤติกรรมผู้บริโภคปัจจุบันไม่มีใครต้องการล้าง-อัดรูปอีกแล้ว จึงมีแนวโน้มว่า ชัตเตอร์ฟลายจะถูกควบรวมกิจการจากบริษัทอย่างอะเมซอน หรือแอปเปิล
 
อันดับ 8 "ไทม์ วอเนอร์ เคเบิล" (Time Warner Cable) บริษัทเคเบิลทีวีที่ "คอมแคส" (Comcast) บริษัทเคเบิลทีวีที่ใหญ่อีกแห่งของอเมริกาควบรวมกิจการ ด้วยมูลค่า 45,000 ล้านดอลลาร์ โดยหากทั้ง 2 บริษัทรวมกัน จะกลายเป็นบริษัทขนาดยักษ์ที่ครอบครองผู้บริโภคในเครือกว่า 30 ล้านราย และการควบรวมกิจการครั้งนี้เป็นที่กังวลว่า จะกลายเป็นผู้ควบคุมตลาดเคเบิลทีวีถึง 1 ใน 3 ของสหรัฐ
 
อันดับ 9  "แบล็กเบอร์รี่" (BlackBerry) ที่เคยมีส่วนแบ่งการตลาดสมาร์ทโฟนในโลกสูงถึง 19.5%  แต่ขณะนี้มีส่วนแบ่งตลาดเพียง 1% เท่านั้น โดยเดือนมิถุนายน ได้รายงานว่ามียอดขายโทรศัพท์ลดลง 76% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
 
และอันดับ10 "แอโรโพสเทล" (Aeropostale) แบรนด์เสื้อผ้าวัยรุ่น ที่มีเสื้อผ้าแนวสปอร์ต ทะมัดทะแมง แต่กลับไม่เป็นที่นิยมของวัยรุ่นแล้ว และมีรายได้ลดลง 12% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว นอกจากนี้ ยังมีแบรนด์เสื้อผ้าอื่นๆ ที่วัยรุ่นไม่ได้นิยมมากนัก เช่น อะเบอร์ครอมบี้ แอนด์ ฟิช และ อเมริกัน อีเกิล  อีกด้วย เพียงแต่ แอโรโพสเทล อยู่ในสภาพแย่กว่า ทั้งนี้ เนื่องจากแบรนด์ดังกล่าวถูกตีตลาดจากร้านเสื้อผ้าฟาสต์แฟชั่น อย่างแบรนด์ เอช แอนด์ เอ็ม หรือ ฟอร์เอเวอร์ ทเวนตี้วัน ซึ่งดึงดูดลูกค้าวัยรุ่นมากกว่า เนื่องจากราคาถูกกว่า เทรนด์แฟชั่นมาเร็วกว่า 
ที่มา: shows.voicetv.co.th
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook