9 เหตุผลช่วยห้ามใจ ให้ไม่อยากได้ iPhone 6
Articles: 9 เหตุผลช่วยห้ามใจ ให้ไม่อยากได้ iPhone 6
ครับ! คุณไม่ได้อ่านหัวข้อโพสต์นี้ผิดแต่อย่างใด เพราะปัจจุบันมีเว็บไซต์มากมายรวบรวมเอาสารพัดเหตุผลที่คุณควรซื้อ iPhone 6 มาให้อ่าน จนหลายๆ คนคล้อยตามเกิดอาการอยากได้ขึ้นมา
แต่สำหรับคนที่ไม่อยากจะเสียเงินให้กับ iPhone 6 ล่ะ? คุณอาจจะต้องการเหตุผลบางอย่าง ที่ช่วยสนับสนุนแนวคิดของคุณ เพื่อที่จะรอดจากการเสียเงินให้ Apple ในรอบนี้ มาครับ! ผมจะช่วยคุณเอง!
1. เพราะ iPad mini ที่มี ยังใช้งานได้ดีอยู่
คงต้องยกความดีความชอบให้กับคนที่มี iPad mini ใช้งาน เพราะในความเป็นจริงแล้ว ถึงแม้ว่า iPhone 6 หรือ iPhone 6 Plus จะมีหน้าจอใหญ่ขึ้นกว่าเดิมก็จริง แต่สำหรับคนที่พกพา iPad mini ติดตัวอยู่เป็นประจำอยู่แล้วล่ะก็ หน้าจอใหญ่ๆ ของ iPhone 6 แทบจะไร้ประโยชน์ไปเลย ซึ่งปรกติแล้วผู้ที่ใช้งาน iPad mini ส่วนใหญ่ จะหยิบตัว iPad ขึ้นมาเล่นแทน iPhone ที่อยู่ในกระเป๋าเป็นหลัก
และเราก็คิดว่า ความลำบากในการพกพา iPhone 6 Plus และ iPad mini ไม่น่าจะต่างกันมากซักเท่าไร เพราะในความเป็นจริง ไม่น่าจะมีใครสามารถยัด iPhone 6 Plus ลงกระเป๋ากางเกงเหมือน iPhone 5s ได้อยู่แล้ว ซึ่งพอต้องพกพาแบบใส่กระเป๋าสะพาย ทำไมไม่เลือก iPad mini ที่ขนาดหน้าจอใหญ่กว่า เล่นแอพได้สนุกกว่า ติดตัวแทนไปเลยล่ะ? แถมยังได้ประหยัดแบตเตอรี่ของ iPhone ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกง เอาไว้โทรออก หรือรับสาย ในช่วงเวลาสำคัญๆ ได้อีกด้วย
2. เพราะนี่เป็นช่วงใกล้สิ้นปี และการเก็บเงินไว้ซื้อ LTF/RMF เพื่อลดหย่อนภาษีเป็นเรื่องที่ดี
ฟังดูอาจจะเป็นเรื่องตลก แต่เชื่อหรือไม่ว่า ปัจจุบันมีคนจำนวนมากต้องเสียภาษีแบบเต็มอัตรา ด้วยเหตุผลที่ว่า ไม่รู้ว่าอะไรสามารถเอาไปลดหย่อนได้บ้าง โอเคครับ! เราไม่ได้จะบอกว่าการเสียภาษีเป็นเรื่องที่ไม่ดี แต่การลดหย่อนภาษีเงินได้ประจำปีให้ดูเหมาะสมกับตัวเราก็ดูเป็นเรื่องที่ชาญ ฉลาดไม่ใช่หรือ? ว่าแล้วก็ลองมาดูราคาค่าตัวของ iPhone 6 รุ่นใหม่กันซักหน่อย ซึ่งอย่างที่รู้กันดีว่า iPhone 6 นั้นราคาจะอยู่ที่ราวๆ 25,000-35,000 บาท โดยสำหรับจำนวนเงินเท่านี้ หากเรานำไปซื้อ LTF/RMF ก็จะสามารถลดหย่อนภาษีได้ตามจำนวนที่เราซื้อแบบ 100% (รายละเอียดเชิงลึกหาอ่านจากเว็บไซต์การเงินต่างๆ ได้เลยครับ มีเพียบ)
อ้อ! แต่บอกไว้ก่อนว่าข้อนี้จะใช้ได้ผลกับคนที่มีรายได้อยู่ในจุดที่ต้องเสียภาษี และต้องคำนวนจากจำนวนรายได้ต่อปีอีกด้วยว่าเราจะซื้อ LTF/RMF ได้เท่าไร ซึ่งหากวางแผนทางการเงินดีๆ ไม่เอาเงินไปซื้อ Gadget ทั้งหลายหมดเสียก่อน เราก็จะสามารถเสียภาษีในอัตราที่น้อยมากๆ หรือได้รับการยกเว้นเลยด้วย แถมเงินที่ซื้อ LTF/RMF ไปก็ไม่ได้เสียเปล่า เพราะถอนคืนได้ตามเวลาที่กำหนดอีกแน่ะ
แต่หากไม่วางแผนตั้งแต่ตอนนี้ เราอาจจะต้องเสียทั้งภาษีเกินความจำเป็น และเสียเงินซื้อ iPhone 6 มาใช้งาน แถมต้องขายเครื่องเก่าในราคาขาดทุนสุดขีดอีกต่างหาก! ฟังดูไม่เข้าท่าเลยใช่ไหม!
3. เพราะบางคน มีโปรโมชั่นใช้งานฟรี รอบบิลเดือนที่ 21-24 อยู่
หลายคนได้ยินหัวข้อนี้อาจจะเพิ่งนึกได้ว่า เออแฮะ! เราเคยสมัครแพ็คเกจที่มาพร้อมกับเครื่อง ซึ่งในนั้นระบุไว้ว่าเราจะใช้งานได้ฟรีในรอบบิลที่ 21-24 ซึ่งหากคิดเล่นๆ ว่าถ้าเราซื้อเครื่องเมื่อประมาณ 2 ปีก่อน พร้อมแพ็คเกจแบบนี้ ช่วงเวลานี้ก็น่าจะเป็นช่วงที่ใกล้จะถึงรอบบิลที่ได้ใช้ฟรีแล้ว ซึ่งหากแพ็คเกจรายเดือนของคุณเสียเงินเดือนละประมาณ 800 บาท เท่ากับว่าเราได้ใช้งานฟรีๆ 3,200 บาท (4 รอบบิล) เลยทีเดียว ถือว่าคุ้มใช้ได้
ที่ต้องเอามาเตือน ก็เพราะว่าหากเราซื้อ iPhone 6 พร้อมแพ็คเกจใหม่ แพ็คเกจเก่าที่มีการใช้งานฟรีก็จะถูกยกเลิกทันที และเริ่มนับรอบบิลที่ 1 ใหม่ ซึ่งถือว่าน่าเสียดาย แต่หากใครจะซื้อเครื่องเปล่ามาใช้กับแพ็คเกจเก่าเพื่อจะเอารอบบิลฟรี ก็ต้องซื้อแบบเครื่องเปล่าซึ่งจะต้องจ่ายแพงกว่าซื้อพร้อมแพ็คเกจอีกประมาณ นึงเลย ฟังดูปวดหัวพอสมควรใช่ไหมล่ะ!
4. เพราะกางเกงยีนส์ของเรา ไม่สามารถยัด iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ได้อีกต่อไป
กางเกงยีนส์ถือว่าเป็นกางเกงที่ได้รับความนิยมในทุกเพศทุกวัย ใส่กันแทบทุกวัน ทุกงาน ซึ่งหากใครที่ใช้กางเกงยีนส์แบบผ้าดิบ ก็จะรู้ดีถึงความแน่นและฟิตเข้ารูปของกางเกง ชนิดที่ว่าขนาดใส่ iPhone 5s ยังรู้สึกแน่น และอึดอัดพอสมควร แล้วพอมาเป็น iPhone ขนาดจอใหญ่กว่าอย่าง iPhone 6 / 6 Plus ล่ะ แน่นอนว่าลำบากแน่!
ถึงแม้ว่าทุกวันนี้ จะมีกางเกงยีนส์บางยี่ห้อและบางรุ่น ที่สามารถยัด iPhone 6 ลงไปได้ทั้งเครื่อง (กระเป๋าใหญ่มาก หรือไม่ก็เป็นผ้าแบบนิ่มๆ) แต่ความลำบากก็จะเกิดขึ้นในตอนนั่งอยู่ดี โดยเฉพาะผู้ชายตัวเครื่องจะแทง... เอ่อ... แทงขาอ่อนก็แล้วกัน (ฮา) และอีกปัญหาหนึ่งที่เริ่มเกิดขึ้นแล้วก็คือ สีของกางเกงยีนส์จะสามารถตกใส่ขอบพลาสติกสีขาวรอบๆ ตัวเครื่อง iPhone 6 ได้ และแน่นอนว่าสี Indigo ที่มากับกางเกงก็ใช่ว่าจะเช็ดออกง่ายๆ ซึ่งก็สร้างความลำบากในการรักษาเข้าไปอีก
ส่วนการจะใส่ไว้ที่กระเป๋าหลัง ก็เสี่ยงกับการนั่งทับแล้วงอเป็นสะพานโค้งสุดๆ ซึ่งทางออกเดียวก็คือต้องพกกระเป๋าสะพายแยกไว้เลย ซึ่งอาจจะลดความคล่องตัวของใครหลายๆ คนลงไปได้เหมือนกัน
5. เพราะ iPhone 6 ไม่เหมาะกับคนมือเล็ก
จริงอยู่ที่ Apple ฉลาดพอที่จะสร้างระบบ Accessibilty ที่ทำให้เราดับเบิ้ลแทปที่ Touch ID เพื่อดึงหน้าจอลงมาให้ใช้งานสะดวกขึ้นได้ แต่ในการใช้งานจริง หากต้องถือมือเดียวแล้วใช้ระบบนี้บ่อยๆ ก็จะสร้างความรู้สึกไม่ค่อยต่อเนื่องได้เหมือนกัน ซึ่งคนที่มือเล็กและนิ้วสั้น (เหมือนผม) ก็ต้องอาศัยการใช้สองมือมาเล่นเท่านั้น ถึงจะพอโอเค
นอกจากนั้นการออกแบบตัวเครื่องให้โค้งๆ แบบที่เราเห็น มันจะเพิ่มความลื่นและเพิ่มโอกาสในการทำหลุดมือได้ง่ายๆ เลยสำหรับคนที่ถือได้ไม่เต็มฝ่ามือ พอจะใส่เคสกันลื่นเครื่องก็ยิ่งใหญ่เข้าไปอีก โอ้ย! เป็นคนมือเล็กมันช่างลำบากซะจริง!
6. เพราะคุณยังไม่มี MacBook ใช้
ข้อนี้อาจจะฟังดูแปลกไปหน่อย แต่สำหรับบางคนที่ยังไม่มี MacBook ไว้ใช้งาน เราอยากจะชี้ให้เห็นว่าราคาค่าตัวของ iPhone 6 นั้นเทียบเท่า MacBook Air หลายๆ รุ่นได้เลย หรืออาจจะเพิ่มเงินในระดับที่ไม่โหดมาก ก็จะได้ MacBook Pro Retina ตัวแรกๆ แล้ว ซึ่งบอกได้เลยว่าหากใครที่ยังไม่เคยใช้งานคอมพิวเตอร์จาก Apple การเสียเงินระดับ 30,000 กว่าบาท มาซื้อใช้เป็นครั้งแรก น่าจะเป็นไอเดียที่ดีกว่ามาก
แต่เอาน่ะ! หากคุณเป็นคนที่ไม่ซีเรียสเรื่องคอมพิวเตอร์เลย อยากได้ iPhone 6 แบบจัดๆ เหตุผลข้อนี่ก็คงทำอะไรคุณไม่ได้
7. เพราะ Apple จะออก iPhone 6s ในอนาคต
ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร หากปีหน้า Apple จะออก iPhone 6 รุ่นใหม่ โดยเพิ่มตัว s เข้าไปเป็น iPhone 6s และอัพเกรดเสปคภายในเล็กๆ น้อยๆ แต่ลองมานั่งคิดดูดีๆ ไอ้เล็กๆ น้อยๆ ที่อาจจะเพิ่มเข้ามานี่ก็น่าสนเหมือนกัน!
อย่างแรกคือเรื่องของกล้อง ปัจจุบัน iPhone 6 ให้กล้องความละเอียดระดับ 8 ล้านพิกเซลเทียบเท่า iPhone 5s แต่มีการอัพเกรดเซ็นเซอร์รับภาพ และระบบโฟกัส จนสามารถถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอได้เทพกว่าเดิมมากๆ แต่จะดีกว่าไหม ถ้าเซ็นเซอร์สุดเทพนั้น มาคู่กับความละเอียด 10-12 ล้านพิกเซลใน iPhone 6s ด้วย
รวมไปถึงสิ่งที่พอมีความหวังอย่าง การยัดเอาห่วงวงกลมที่ยื่นออกมาจากระนาบเครื่องตรงเลนส์กล้องเข้าไปใน เครื่องให้ได้ โอเค! ปัจจุบันนี้การทำกล้องให้บางลงจนไม่มีอะไรยื่นออกมาอาจจะมีต้นทุนที่สูง Apple เลยจำเป็นต้องสร้างกล้องให้ยื่นออกมาอย่างที่เราเห็น แต่หากอีกซักหนึ่งปีข้างหน้า ก็น่าจะเริ่มมีเทคโนโลยีที่ทำให้กล้องบางลงได้บ้าง จนเรียบเนียนไปกับเครื่อง ซึ่งตอนนั้นแหละจะเป็นเวลาที่ iPhone 6 เฟอร์เฟคที่สุด (แต่ก็ต้องกังวลกับ iPhone 7 กันต่อไป 555)
8. เพราะ Apple กำลังจะวางขาย Apple Watch ต้นปีหน้า
ลืมนาฬิกาสุดเท่อย่าง Apple Watch ไปหรือยังครับ? โดยทาง Apple ประกาศว่าจะได้เริ่มขายจริงช่วงต้นปี 2015 ซึ่งราคาเริ่มต้นอยู่ที่ราวๆ 12,000 กว่าบาท ซึ่งแน่นอนว่าราคานี้ก็จะเป็นตัวที่ออปชั่นต่ำที่สุด ซึ่งหากใครเล็งรุ่นสูงๆ สีสวยๆ ออปชั่นเยอะๆ เชื่อว่าอาจจะต้องกำเงินไว้รอเลยไม่ต่ำกว่า 30,000 บาท แน่นอนว่าการมี Apple Watch อยู่บนข้อมือ และมี iPhone 5s รุ่นเก่าที่ไม่ได้เปลี่ยนอยู่ในกระเป๋า น่าจะช่วยเสริม Look ของเราให้ดูดีกว่าการถือ iPhone 6 ที่มีกันทั่วบ้านทั่วเมืองโดดๆ ล่ะ
ดังนั้น การเก็บเงินที่จะเอาไปอัญเชิญ iPhone 6 มาอยู่ที่บ้าน เพื่อรอจัดของหนักอย่าง Apple Watch ตัวท็อป สีสวยๆ ก็ดูจะเป็นไอเดียที่ดีใช้ได้เหมือนกัน
9. เพราะทุกวันนี้ยังเดือนชนเดือนอยู่เลย
หัวข้อนี้มีความหมายในตัวมันอยู่แล้ว ไม่ต้องอธิบายเพิ่ม T-T
ส่งท้าย
เหตุผลทั้ง 9 ข้อ อาจจะไม่ใช่เหตุผลที่จริงที่สุด และใช่ที่สุด สำหรับคนทุกคน ซึ่งผมก็เชื่อว่ามีคนอีกมาก ที่สามารถซื้อ iPhone 6 ได้โดยไม่ต้องพึ่งเหตุผลได้ๆ นอกจากความชอบ ดังนั้นก็ขอให้คิดว่าบทความนี้ทำมาเพื่อช่วยชีวิต (ขนาดนั้นเลย) คนที่รู้สึกว่าไม่อยากได้ iPhone 6 จริงๆ อ่ะ แต่กำลังโดนกระแสคนรอบข้างพาไปจนเริ่มเคลิ้ม หวังว่าคงช่วยได้นะครับ
สนับสนุนเนื้อหา: thaimacupdate.com