รีวิว OPPO R5 "ความบางเฉียบที่ทำให้บัตรเครดิตในมือมันสั่นไปหมด"
ต้องบอกว่าตอนที่เห็นรูป OPPO R5 ที่โฆษณาอยู่ในสถานีรถไฟใต้ดินแล้วบอกได้คำเดียวว่า "บัตรเครดิตในมือมันสั่นไปหมด"เพราะรูปร่างหน้าตา(ในโฆษณา) มันถูกจริตอย่างแรง บอกตามตรงว่าแพ้ความบางเฉียบเรียบหรูที่ OPPO นำมาเป็นจุดขายของเจ้ารุ่นนี้
หลังจากกลับมาเปิดหาข้อมูลจากเว็บไซต์ของ OPPO ก็พบว่า R5 ไม่ได้มีแค่ความบาง 4.85 มม. เพียงอย่างเดียว แต่ทาง OPPO ยังใส่คุณสมบัติอื่นๆ ที่น่าสนใจเข้ามาด้วย เช่นเทคโนโลยีที่ทำให้ชาร์จแบตได้เต็มเร็วขึ้น ถ่ายรูปได้สนุกขึ้น หน้าจอสีสด ฯลฯ
สมาร์ทโฟนบางที่สุดในโลกเมื่อเทียบด้วยเหรียญ 10 บาท
โดยส่วนตัวแล้ว เวลาจะซื้อมือถือสักเครื่อง สิ่งที่จะพิจารณาก็ไม่พ้นรูปร่างหน้าตา กล้อง ความจุแบตเตอรี่ การแสดงผลของหน้าจอ ส่วนความ "ลื่นปรื๊ด" หรือการเชื่อมต่อ คิดว่าแต่ละแบรนด์น่าจะไม่ต่างกันเท่าไรนัก เนื่องจากเทคโนโลยีเท่าทันกันหมด
สเปค OPPO R5
- จอแสดงผลแบบ AMOLED Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 1920x1080 Pixels (Full HD 1080p : กว้าง 5.2 นิ้ว : 423 ppi)
- หน่วยประมวลผลภาพกราฟฟิคโดยเฉพาะ (GPU : Graphics Processing Unit) แบบ Adreno 405
- ประมวลผลการทำงานด้วย Octa-Core ARMv8 Cortex-A53 Processor (ชิปเซ็ต 64-bit Qualcomm MSM8939 Snapdragon 615)
- ความเร็วในการประมวลผล 1.5 GHz พร้อมระบบปฏิบัติการ Color OS เวอร์ชัน 2.0 (Android 4.4.2 KitKat)
- เทคโนโลยีการผลิตตัวเครื่องแบบ 3D-Welded Aluminum Alloy ความบางเฉียบเพียง 4.85 มิลลิเมตร
- เชื่อมต่อ HTML Browser ผ่านระบบ WiFi, LTE, HSPA, EDGE หรือ GPRS พร้อมการเชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้สายผ่าน Bluetooth
- กล้องดิจิตอลตัวหลักที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 13 ล้าน Pixels พร้อมกล้องดิจิตอลขนาดเล็กที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 5 ล้าน Pixels
เดี๋ยวเรามาดูกันว่าเมื่อนำมาใช้งานจริงแล้ว OPPO R5 ค่าตัว 15,990 จะตอบโจทย์ได้ดีแค่ไหน
แรกสัมผัส "สมาร์ทโฟนที่บางที่สุดในโลก"(ดีไซน์ และ การออกแบบ)
เริ่มกันที่เรื่องของรูปลักษณ์และหน้าตากันก่อนตัวเครื่องเป็นอะลูมิเนียม ล้อมกรอบด้วยโลหะขัดเงา พอมาเห็นตัวจริงแล้วก็ไม่ผิดหวัง เพราะงานประกอบทำออกมาได้ประณีต พิถีพิถันดีมาก สรุปสั้นๆ เลยว่ามันเป็นสมาร์ทโฟนที่หน้าตาดีอีกรุ่นหนึ่ง ซึ่งถือว่าเป็นขนาดที่กำลังเหมาะมือ สามารถพกพาได้สะดวก
สำหรับ OPPO R5 จะมาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบ จอแสดงผลแบบ AMOLED Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 1920x1080 Pixels (Full HD 1080p : กว้าง 5.2 นิ้ว : 423 ppi) พร้อมหน่วยประมวลผลภาพกราฟฟิคโดยเฉพาะ (GPU : Graphics Processing Unit) แบบ Adreno 405
ด้านหน้าส่วนบน : จะประกอบไปด้วยกล้องดิจิตอลขนาดเล็กที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 5 ล้าน Pixels
ด้านหน้าส่วนล่าง : จะมีปุ่มการสั่งงานแบบสัมผัส ได้แก่ ปุ่มเมนู, ปุ่มโฮม และปุ่มย้อนกลับ
ด้านซ้ายของตัวเครื่องจะมีถาดสำหรับใส่ซิมการ์ด โดยซิมการ์ดที่ใช้จะเป็นแบบ microSIM
ด้านขวาของตัวเครื่อง : จะประกอบไปด้วยปุ่มเพิ่ม-ลด ระดับของเสียง ต่อด้วยปุ่ม เปิด-ปิด เครื่อง หรือล็อคหน้าจอ
ด้านบนของตัวเครื่องจะไม่มีปุ่มใดๆ ครับราบเรียบ
ด้านล่างของตัวเครื่อง : จะมีไมโครโฟน และช่องแบบ microUSB สำหรับการชาร์จแบตเตอรี่ หรือการโอนถ่ายข้อมูล
ส่วนด้านหลังของตัว เครื่องจะมาในโทนสีขาวตัดสีบรอนซ์เงิน ดูเรียบหรูสะอาดตา แต่ฝาหลังไม่สามารถเปิดออกได้ ซึ่งภายในจะมีแบตเตอรี่ Li-Ion Polymer 2000 mAh
พร้อมด้วยจะมีกล้องดิจิตอลความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ขนาดของรูรับแสง (Aperture) กว้างสูงสุดที่ F/2.0 ไฟแฟลชในตัว (LED Flash) ในตัว
หลังจากได้ลองใช้งานจริงมาเกือบๆ เดือน ก็พบว่าวัสดุที่เป็นอะลูมิเนียมอาจจะเป็นทั้งข้อดีและข้อเสียในตัวมันเอง เพราะอุณหภูมิของตัวเครื่องจะเปลี่ยนไปตามสภาพอากาศภายนอก เวลาอยู่ในห้องแอร์ ตัวเครื่องก็จะเย็นเฉียบ ยิ่งช่วงนี้อากาศตอนเช้าๆ ค่อนข้างหนาว เผลอเอาท้องแขนไปโดนตัวเครื่องก็มีสะดุ้งเหมือนกัน
ด้วยความบางของตัวเครื่องประกอบกับวัสดุเป็นอะลูมิเนียมและโลหะ การรันแอพพลิเคชั่นหนักๆ ระยะหนึ่งจะทำให้ตัวเครื่องเริ่มร้อนขึ้นมาบ้าง ถึงแม้ว่าทาง OPPO จะใส่เทคโนโลยี Cool element เพื่อควบคุมความร้อนของตัวเครื่องมาด้วย แต่ก็ยังถือว่ามันร้อนจนรู้สึกได้
อย่าเพิ่งจินตนาการว่ามันร้อนจนแทบจะระเบิดนะ เอาเป็นว่ามันอุ่นๆ ในระดับหนึ่ง แต่ไม่ถึงกับเอาไปใช้แทนถุงน้ำร้อนเวลาคุณผู้หญิงปวดท้องประจำเดือนได้
นอกจากนี้ ด้วยความบางของตัวเครื่องที่มาพร้อมกับขนาดหน้าจอ 5.2 นิ้ว ทำให้หยิบจับได้ไม่ค่อยถนัดนักสำหรับคนมือเล็กๆ ยิ่งถ้าวางไว้บนโต๊ะ จะหยิบฉวยขึ้นมาก็น่าจะต้องระวังนิดนึงสำหรับคนไว้เล็บยาว
พูดถึงรูปร่างหน้าตาของตัวเครื่องกันไปพอสมควรแล้ว ทีนี้มาพูดถึงการใช้งานกันบ้างดีกว่า คงจะไม่เจาะลึกทุกรายละเอียด แต่จะเน้นไปที่ฟีเจอร์หลักๆ ที่ชอบ เพราะแต่ละคนก็ใช้งานต่างกัน ขอเล่าเฉพาะที่ได้ใช้จริงจนถึงตอนนี้จะดีกว่า
OPPO R5 ชาร์จแบตเต็มเร็วมาก
จากข้อมูลที่ค้นหาได้ตามอินเทอร์เน็ต OPPO R5 ตัวนี้ มาพร้อมกับเทคโนโลยี VOOC mini Rapid Charger เอ่อ...เป็นคำศัพท์จำยากที่เราไม่ต้องรู้ก็ได้ เอาเป็นว่าหลังจากได้ใช้งานจริง ก็พบว่า เจ้าเทคโนโลยีนี้มันช่วยให้ชีวิตเราง่ายขึ้นมาก ไม่ต้องเสียเวลาชาร์จแบตนานๆ เมื่อต้องรีบออกไปทำธุระนอกบ้าน
สำหรับคนที่พกโมบายส์บูสเตอร์เป็นประจำ อาจจะไม่เห็นประโยชน์ของเทคโนโลยีนี้เท่าไรนัก แต่โดยส่วนตัวแล้วถือว่าเข้ากับไลฟ์สไตล์ของตัวเองมาก จิ้มทิ้งไว้แค่ 30 นาทีแบตก็เกือบ 100% (จากที่เหลือแค่ 5% ) แล้วก็ออกไปใช้ชีวิตนอกบ้านได้แบบไม่ต้องพกแบตสำรอง
ขอเดาว่าทางผู้ผลิตตั้งใจจะใส่นวัตกรรมนี้มาเพื่อลบจุดอ่อนในเรื่องแบตเตอรี่ความจุ 2000 mAh ที่ถูกติติงพอสมควรในโลกโซเชียล
ด้วยความที่ไม่ใช่คนประเภทเทคโนโลยีจ๋า ก็เลยไม่รู้ว่าไอ้ 2000 mAh นี่มันเยอะหรือน้อยแค่ไหน ยังไง แต่เอาเป็นว่าถ้าวันไหนแชทมาก ทวิตมาก แบตมันก็หมดเร็วเหมือนกัน (ซึ่งมันก็เป็นเรื่องธรรมดา)
ต้องบอกว่าโดยส่วนตัวแล้ว เวลาจะซื้อมื้อถือสักเครื่อง แทบไม่ได้สนใจว่าผู้ผลิตเขาจะใส่ความจุแบตเตอรี่มาเท่าไร ด้วยไลฟ์สไตล์ของเราๆ ท่านๆ ในปัจจุบันนี้ แบตเยอะแค่ไหนก็ไม่พอ เดี๋ยวก็อัพรูป เดี๋ยวก็แชท เดี๋ยวก็เซลฟี่ เดี๋ยวก็อัดคลิป ฯลฯ
ถึงต้องพกพาวเวอร์แบงค์กันคนละอันสองอัน ซึ่งมันก็เป็นทางเลือกที่ดี
คนชอบถ่ายรูปต้องปลื้มกับลูกเล่นของ OPPO R5
ถ้าจะถามว่าชอบอะไรใน OPPO R5 เครื่องนี้มากที่สุด ตอบอย่างไม่ลังเลเลยว่า "กล้อง"ไม่ใช่เพราะว่าให้มา 13 ล้านพิกเซล แต่ที่ปลื้มสุดๆ คือลูกเล่นที่ใส่เข้ามาในโหมดถ่ายภาพ แถมยังไม่ใช่ลูกเล่นไก่กาใส่เข้ามาให้เก๋ๆ เท่านั้น แต่มันสามารถเอามาใช้งานจริงได้ดีและเนียนสุดๆ
เมื่อเข้ามาที่โหมดถ่ายภาพ จะมีแอพพลิเคชั่นหลากหลายประเภทให้เลือกใช้ แต่ส่วนตัวแล้วที่ใช้บ่อยๆ และชอบมากเป็นพิเศษก็จะมีดังนี้
Slow shutter หลายๆ คนคงจะเคยเห็นรูปถ่ายที่มีไฟรถพุ่งเป็นลำแสงยาวๆ บนถนน หรือรูปไฟเย็นที่ถูกกวัดแกว่งไปมาจนเป็นรูปร่างหรือตัวอักษรสวยๆ โดยรูปภาพสไตล์นี้สามารถใช้โหมด Slow shutter สร้างขึ้นมาได้
Panorama เป็นฟีเจอร์ที่ทำออกมาได้เนียนและใช้ง่ายมากๆ ยืนหมุนตัว 1 รอบ ก็ได้รูปพาโนราม่าสวยๆ ออกมาแล้ว
Beautify สำหรับคนชอบถ่ายรูปเซลฟี่ แนวฟรุ้งฟริ้ง จะต้องชอบโหมดนี้ เพราะมีฟิลเตอร์มาให้เลือกเสร็จสรรพตั้งแต่ตอนถ่ายรูป ไม่ต้องเอามาใส่ฟิลเตอร์ในแอพอื่นๆ อีกหลายรอบ
นอกจากโหมดถ่ายภาพที่ว่ามา ก็ยังมีอีกหลายๆ อันที่จะไม่พูดถึงก็คงไม่ได้ อย่างที่บอกว่าคนชอบถ่ายรูปจะต้องปลื้มกับลูกเล่นที่มากับ OPPO R5 เพราะมีทั้งโหมด Expert สำหรับมืออาชีพที่อยากปรับแต่งรูรับแสงเอง จากข้อมูลที่อยู่ในเว็บไซต์ ระบุว่าเปิดรูรับแสงได้กว้างสุดถึง 2.0 จะชัดลึกชัดตื้น ก็เลือกได้ ปรับแต่งได้ตามใจชอบ
สำหรับคนที่ชอบทำภาพเคลื่อนไหวไฟล์ .gif ก็ทำได้เองแบบง่ายๆ เพียงกดชัตเตอร์แค่ครั้งเดียวเท่านั้น หรืออยากจะทำภาพถ่ายซ้อนกัน ก็ไม่ต้องเอารูป 2 รูปไปจัดการในแอพแต่งรูป เพราะ R5 มีโหมดถ่ายภาพแบบ Double exposure หรือถ่ายแบบซ้อนภาพมาให้ด้วย
ลองมาชมตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล บน OPPO R5 ครับ
สรุป
ถ้าจะให้ฟันธงแบบชัดๆ ว่า OPPO R5 เป็นมือถือที่ควรซื้อหรือไม่? ขอตอบแบบชัดๆ ว่าสำหรับคนชอบความเนี้ยบเรียบหรูดูดีมีระดับ แต่ไม่อยากซื้อมือถือราคาเกิน 20,000 เจ้านี่แหละ เกิดมาเพื่อคุณ
ในแง่ของการใช้งาน ถือว่ามันทำหน้าที่ได้ดี สมราคา ลูกเล่นต่างๆ ที่ให้มาจะทำให้คุณใช้มันได้อย่างสนุกขึ้น ด้วยพื้นที่อันจำกัดตรงนี้ คงจะบอกได้ไม่หมดว่า R5 มีอะไรให้เล่นอีกบ้าง เอาเป็นว่าใครอยากลองก็ไปยืนเล่นที่ร้านขายมือถือน่าจะดีกว่า แต่โดยส่วนตัวแล้วชอบ และจะแนะนำให้คนอื่นลองรับ OPPO R5 ไว้พิจารณาเหมือนกัน
ขอจบการรีวิว OPPO R5 ไว้เพียงเท่านี้ ขอไปจ่ายหนี้บัตรเครดิตแพร๊บบบบบบ
Facebook :
ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> www.hitech.sanook.com