เปิดตัว MacBook ใหม่ โน้ตบุ๊คที่ประหยัดพลังงานที่สุดในโลก3
ผ่านไปแล้วครับสำหรับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของ Apple และสิ่งที่หลายๆ คนพูดถึงคงหนีไม่พ้น MacBook รุ่นล่าสุด ที่มาพร้อมดีไซน์ใหม่หมดจดแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน เรียกได้ว่างานนี้นั้นขโมยซีน Apple Watch ไปเต็มๆ ครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเล็กกะทัดรัดและเบาที่สุดเท่าที่เคยมีมาหรือเรื่องของสีใหม่
MacBook ใหม่
ทำให้ MacBook กลายเป็นเป้าหมายของใครหลายๆ คน มาดูเรื่องของดีไซน์ และการออกแบบ กันดีกว่าครับ
คือการสร้างสรรค์ใหม่ล้วนๆ
ตอนที่เราออกแบบ MacBook ใหม่ เราไม่ได้คิดแค่เรื่องความบางและเบากว่าเท่านั้นแต่ยังคิดไปถึงความสามารถที่มากกว่าและการใช้งานที่ง่ายกว่าที่เคยด้วย ซึ่งเพื่อให้ได้ตามที่ต้องการ เราจึงไม่สามารถแค่ลดขนาดตรงนี้นิด ลดน้ำหนักตรงนั้นหน่อยเพราะสิ่งที่เราเลือกที่จะทำคือการเริ่มต้นจากศูนย์ คิดค้นประดิษฐ์ส่วนประกอบสำคัญแต่ละส่วนขึ้นมาใหม่
โดยทั้งหมดจะมารวมกันเป็นหนึ่งเดียวบนดีไซน์ที่เรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยความล้ำลึก เรียกได้ว่ามีทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้ต้องหลงรัก Macในรูปแบบใหม่อย่างถึงแก่นที่สุดเท่าที่เคยมี
คีย์บอร์ดขนาดเต็มๆที่ไม่ต้องใช้พื้นที่แบบเต็มๆ
เราเชื่อว่าคีย์บอร์ดขนาดเต็มๆ ที่ใช้งานได้สบายๆ เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการสร้างประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมในการใช้งานโน้ตบุ๊ค แต่การที่จะใส่ทั้งคีย์บอร์ดลงใน MacBook ใหม่ที่หรูหราและบางเฉียบให้ได้พอดีนั้นก็ทำให้เราต้องหันมาคิดทบทวนเกี่ยวกับส่วนประกอบและโครงสร้างของคีย์บอร์ดกันใหม่หมด
ดังนั้นในการสร้างคีย์บอร์ดใหม่ครั้งนี้ เราจึงได้ออกแบบแต่ละปุ่มขึ้นมาใหม่และก็ยังรวมไปถึงกลไกที่อยู่ใต้ปุ่มด้วยนี่จึงไม่ใช่แค่การสร้างสรรค์ทั้งคีย์บอร์ดให้บางลง แต่ยังเพื่อการพิมพ์ที่สบายขึ้น แม่นยำกว่าและตอบสนองด้วยความรู้สึกที่ใช่จนคุณรู้สึกประทับใจด้วย
จอภาพ Retina ในมิติใหม่หมด
วินาทีที่คุณเปิด MacBook ใหม่ขึ้นมา จอภาพ Retina ขนาด 12 นิ้วที่สวยงามพร้อมกระจกเต็มบาน แบบขอบจรดขอบก็จะเผยให้ทุกอย่างดูเด่นชัด ภาพทุกภาพเต็มอิ่มไปด้วยสีสันที่สมจริงในทุกรายละเอียดจนเหมือนจะลอยออกมาจากหน้าจอ
MacBook จอ 12 นิ้ว
ในขณะที่แต่ละตัวอักษรก็คมกริบด้วยความละเอียดกว่า 3 ล้านพิกเซล ทั้งหมดนี้เจิดจรัสอยู่บนจอภาพ Retina ที่บางที่สุดและประหยัดพลังงานที่สุดเท่าที่เคยมีมาบน Mac ทั้งยังได้รับการพัฒนามาอย่างพิถีพิถันเพื่อส่งมอบประสบการณ์การรับชมภาพที่ยอดเยี่ยมภายใต้ดีไซน์ที่กะทัดรัดได้อย่างไม่น่าเชื่อ
แทร็คแพด ลงลึกไปอีกขั้นสู่ความเหนือชั้นที่มากกว่ากับ Force Touch
MacBook ใหม่นี้มาพร้อมกับมิติใหม่แห่งประสบการณ์การใช้งานแทร็คแพด โดยแทร็คแพด Force Touch นั้นได้รับการสร้างสรรค์ทางวิศวกรรมมาเพื่อให้ตอบสนองต่อการคลิกได้อย่างรวด เร็วทันใจและสม่ำเสมอไม่ว่าจะกดตรงไหน
ซึ่งภายใต้พื้นผิวที่เห็นก็ยังมีเซ็นเซอร์แรงกดที่สามารถรับรู้ถึงน้ำหนักใน การกดของคุณเพื่อให้คุณมีวิธีใหม่ๆ ในการโต้ตอบกับ Mac ได้
นอกจากนั้นคุณยังสามารถใช้การคลิกแบบกดค้างเพื่อเปิดใช้ความสามารถใหม่ๆ เช่น ค้นหาความหมายของคำศัพท์หรือดูตัวอย่างไฟล์ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งทำได้ง่ายๆแค่คลิกแล้วกดค้างไว้บนแทร็คแพดเท่านั้นเอง อีกอย่างคือคุณยังจะได้พบกับการตอบสนองแบบสัมผัส
ซึ่งก็คือการสั่นจากแทร็คแพดที่ช่วยเพิ่มการรับรู้ทางสัมผัสให้กับสิ่งที่ คุณเห็นบนหน้าจอ ที่สำคัญ ความสามารถสุดล้ำเหล่านี้ยังทำงานควบคู่ไปกับคำสั่งนิ้ว Multi-Touch อันเรียบง่ายซึ่งผู้ใช้ Mac ต่างชื่นชอบและคุ้นเคยเป็นอย่างดีรับรองได้เลยว่าจากนี้คุณกับ Mac จะต่อกันติดอย่างใกล้ชิดยิ่งกว่าที่เคย โดยที่คุณไม่ต้องยกนิ้วขึ้นมาเลย
ครบเครื่องและพร้อมเสมอสำหรับโลกไร้สาย
MacBook ใหม่ได้รับการออกแบบมาสำหรับโลกไร้สายที่มีแต่จะขยายตัวเพิ่มมากขึ้นได้อย่างสบายๆ จะว่าไปแล้วก็คือ อะไรก็ตามที่คุณทำด้วยโน้ตบุ๊ค ตอนนี้ก็สามารถทำผ่านระบบไร้สายได้ด้วย ซึ่งงานนี้ต้องขอบคุณซอฟต์แวร์ Apple
ที่ดึงเอาศักยภาพของเทคโนโลยีไร้สาย Wi-Fi และ Bluetooth ล่าสุดมาใช้ได้แบบเต็มๆ ดังนั้น ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน คุณก็สามารถท่องเว็บ ถ่ายโอนไฟล์ จัดระเบียบรูปภาพ ฟังเพลง และอื่นๆ อีกมากมายได้โดยที่ไม่ต้องยึดติดกับอะไรอีกต่อไป
สถาปัตยกรรมแบบไม่ต้องใช้พัดลม
MacBook ใหม่คือโน้ตบุ๊ค Mac เครื่องแรกที่ไม่ต้องมีพัดลม นั่นเป็นเพราะว่าชิพ Intel Core M ใช้กำลังไฟแค่เพียง 5 วัตต์ จึงทำให้เกิดความร้อนน้อยลง และไม่จำเป็นต้องใช้พัดลมหรือท่อความร้อนอีกต่อไป ในขณะเดียวกันแผงวงจรก็จะถูกวางไว้ที่ด้านบนสุดของแผ่นกราไฟต์แบบแอนไอโซโทร ปิกแทน
ซึ่งวิธีนี้จะช่วยไล่ความร้อนที่เกิดขึ้นออกไปด้านข้าง ซึ่งในระหว่างนั้น Mac ของคุณก็ยังคงทำงานได้อย่างเงียบสนิท นอกจากนี้ MacBook ใหม่ยังถูกออกแบบขึ้นมาให้ประหยัดพลังงานมากกว่าเดิมด้วยคุณสมบัติต่างๆ ใน OS X เช่น Timer Coalescing, App Nap และ Safari Power Saver คุณจึงมั่นใจได้เลยว่าทุกๆ งานที่คุณทำจะใช้กำลังไฟที่พอเหมาะกับแต่ละงานจริงๆ ไม่มากเกินเหตุและไม่น้อยเกินไป
แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ทั้งวัน ในดีไซน์ใหม่หมด
ที่ผ่านมาเรารู้ดีว่าไม่ว่าตัวเครื่องจะเล็กกะทัดรัดแค่ไหน ใครๆ ก็ยังวางใจโน้ตบุ๊ค Appleในเรื่องแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ตลอดวัน แต่พอมาเป็นตัวเครื่อง MacBook ใหม่ที่บางเฉียบนี้ การที่จะให้แบตเตอรี่ใช้งานได้ตลอดทั้งวันเหมือนเคยคงเป็นไปไม่ได้เลย ถ้ายังคงใช้แบตเตอรี่ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าแบบเดิมๆ
ด้วยเหตุผลนี้เราจึงพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่ไม่เหมือนใครขึ้นมาเองโดยเฉพาะ เพื่อใช้ประโยชน์จากพื้นที่ทุกมิลลิเมตรที่มีให้คุ้มค่าที่สุด และผลลัพธ์ที่ได้ก็คือแบตเตอรี่ในดีไซน์ไล่ระดับที่มีส่วนเว้าส่วนโค้ง ซึ่งไม่เพียงใส่ลงใน MacBook ใหม่ที่บางเฉียบได้อย่างลงตัวเท่านั้น แต่ยังเป็นอะไรที่ไม่เคยมีมาก่อนในโน้ตบุ๊คอีกด้วย
กลไกแบบปีกผีเสื้อ
คีย์บอร์ดทั่วไปที่ใช้กลไกแบบกรรไกรมักมีแนวโน้มที่บริเวณขอบของปุ่มจะหลวมและโยกง่าย ซึ่งทำให้ขาดความแม่นยำในการพิมพ์ในกรณีที่กดโดนจุดอื่นที่ไม่ใช่จุดกึ่งกลางของปุ่ม ยิ่งกับคีย์บอร์ดที่บางขนาดนี้เราก็ยิ่งจำเป็นต้องลดอาการโยกเยกของปุ่ม มิเช่นนั้นถ้าไม่ได้กดตรงกลางปุ่มก็อาจส่งผลให้ฝาปุ่มไปชนกับด้านล่างก่อน
ซึ่งทำให้กดแล้วพิมพ์ไม่ติด ด้วยเหตุนี้เอง เราจึงออกแบบกลไกการทำงานขึ้นใหม่หมดในรูปแบบปีกผีเสื้อที่มีความกว้างกว่ากลไกแบบกรรไกรและประกอบรวมอยู่ในชุดเดียวกัน ทั้งยังทำมาจากวัสดุที่แข็งกว่า ทำให้ปุ่มมีความมั่นคงยิ่งขึ้นและตอบสนองได้ดีกว่าเดิม รวมถึงใช้พื้นที่ในแนวตั้งน้อยลงด้วย
สรุปได้เลยว่าดีไซน์สุดล้ำนี้ทำให้ปุ่มมั่นคงขึ้น ตอบสนองได้สม่ำเสมอ และเพิ่มความแม่นยำในการพิมพ์ไม่ว่าคุณจะกดโดนตรงจุดไหนของปุ่มก็ตาม
การออกแบบปุ่ม
ปุ่มที่ได้รับการออกแบบใหม่บน MacBook ใหม่นี้มี ผิวสัมผัสที่ใหญ่ขึ้น โครงสร้างที่บางลง และส่วนโค้งที่ลึกกว่า จึงช่วยให้พื้นที่กดบนปุ่มรับกับปลายนิ้วของคุณได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้สามารถค้นหาและกดปุ่มได้อย่างเป็นธรรมชาติ แม้ว่าการปรับเปลี่ยนเหล่านี้อาจจะดูเป็นอะไรที่เล็กน้อย
แต่กลับให้ความรู้สึกที่แตกต่างขณะใช้งานจนคุณรู้สึกได้ และยิ่งมาผสานกับกลไกแบบปีกผีเสื้อด้วยแล้ว ดีไซน์ใหม่นี้ยังทำให้การควบคุมขณะที่พิมพ์เป็นไปได้ดีกว่าเดิมอีกด้วย
แสงที่ส่องจากใต้ปุ่มอย่างแม่นยำ
ตอนที่เราตั้งใจว่าจะออกแบบคีย์บอร์ดให้บางขนาดนี้ หนึ่งในสิ่งแรกๆ ที่เราคำนึงถึงก็คือ จะทำอย่างไรให้แสงที่ส่องจากใต้ปุ่มเกิดขึ้นได้โดยใช้พื้นที่น้อยลง และในขณะเดียวกันก็ต้องมีรูปลักษณ์และความรู้สึกที่ดูสะอาดตาและพิถีพิถันขึ้นด้วย เพื่อให้เป็นไปอย่างที่ต้องการ
เราจึงย้ายแถวไฟ LED รวมถึงแผงนำแสงซึ่งทำหน้าที่กระจายแสงทั่วทั้งคีย์บอร์ดออกไป แล้วแทนที่ด้วยไฟ LED ข้างใต้ปุ่มแต่ละปุ่มแทน โดยไฟ LED เหล่านี้ได้ถูกปรับตั้งให้มีความสว่างที่สม่ำเสมอ ดังนั้นทุกปุ่มและทุกตัวอักษรจึงดูคมชัดทั้งๆ ที่อาศัยแสงไฟแค่เพียงเล็กน้อยจากรอบๆ ฝาปุ่มเท่านั้น ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นผลของการออกแบบทางวิศวกรรมเพื่อให้การใช้พลังงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้นั่นเอง
3 ล้านพิกเซล 0.88 มิลลิเมตร ทั้งเฉียบคมทั้งบางเฉียบ
จอภาพ Retina ขนาด 12 นิ้วบน MacBook ใหม่ ไม่เพียงแต่จะคมชัดไร้ที่ติ แต่ยังบางเฉียบราวกับกระดาษ ซึ่งจะว่าไปแล้วจอภาพที่บางเพียง 0.88 มิลลิเมตรนี้ ยังถือว่าเป็นจอภาพ Retina ที่บางที่สุดเท่าที่เคยมีมาบน Mac อีกด้วย
ส่วนหนึ่งก็คือกระจกที่ผ่านกระบวนการผลิตแบบอัตโนมัติที่ได้รับการพัฒนาขึ้นเป็นพิเศษนั้น มีความบางอย่างเหลือเชื่อจากขอบจรดขอบเพียง 0.5 มิลลิเมตรเท่านั้น และเรายังลดช่องว่างระหว่างชิ้นส่วนต่างๆ ของจอภาพเพื่อให้ได้ดีไซน์ที่ดูกะทัดรัดและกลมกลืนยิ่งขึ้นด้วย
ในการถ่ายทอดประสบการณ์ของจอภาพ Retina อันงดงามบน MacBook ใหม่ที่เรียบหรูนี้ เราจำเป็นต้องสร้างนวัตกรรม ในทุกระดับชนิดที่ลงลึกไปถึงพิกเซล ด้วยเหตุนี้ เราจึงออกแบบพิกเซลใหม่เพื่อสร้างรูรับแสงที่ใหญ่ขึ้นเพื่อให้แสงลอดผ่านได้มากกว่าเดิม
ซึ่งวิธีนี้ส่งผลให้เราสามารถใช้ LED Backlight ที่ ประหยัดไฟมากกว่าจอภาพ Retina บนโน้ตบุ๊ค Mac รุ่นอื่นๆถึง 30% ขณะที่ยังคงความสว่างสดใสไว้เหมือนเช่นเคย
แทร็คแพด Force Touch เพิ่มแรงกดขึ้นอีกนิด ก็ทำอะไรได้อีกเยอะ
ถ้ามองจากภายนอก แทร็คแพด Force Touch ใหม่อาจดูเหมือนแทร็คแพดอื่นๆ ทั่วไป แต่ถ้ามองลึก ไปถึงสิ่งที่อยู่ภายใต้พื้นผิวนั้นแล้วละก็ บอกได้เลยว่าไม่เหมือนอะไรที่เคยมีมาก่อนอย่างแน่นอน ตั้งแต่เซ็นเซอร์แรงกดที่จะคอยตรวจจับว่าคุณกดแรงแค่ไหน
และเมื่อไหร่ที่คุณกดตรงไหนก็ตามบนพื้นผิวแทร็คแพด Taptic Engine ใหม่ก็จะตอบสนองต่อการคลิกด้วยการรับรู้ที่คุณรู้สึกได้ หรือแม้แต่การคลิกที่เคยเป็นแค่ฟังก์ชั่นของกลไกธรรมดาๆ ก็กลายเป็นจุดเริ่มต้นของอีกหลายสิ่งที่คุณจะสามารถทำได้ผ่าน Force Touch ทั้งนี้ก็เพราะความสามารถในการตรวจจับของแทร็คแพด Force Touch นั้น
จะทำให้คุณสื่อสารกับ MacBook ได้ว่าคุณอยากให้ทำอะไรตามแรงกดที่แตกต่างกันเพียงเล็กน้อยนั่นเอง สิ่งนี้จึงทำให้คุณสามารถโต้ตอบกับแอพต่างๆ ได้หลากหลายแบบบนพื้นผิวแทร็คแพดเดียวกัน ยิ่งกว่านั้น แทร็คแพดก็ยังสื่อสารกับคุณด้วยการตอบสนองแบบสัมผัสที่คุณจะรู้สึกได้จริงๆ อีกด้วย คงไม่ผิดหากจะบอกว่า ทั้งหมดนี้ทำให้ MacBook ของคุณทำอะไรได้มากขึ้นและใกล้ชิดกับคุณมากกว่าที่เคย
Taptic Engine
แทร็คแพดแบบดั้งเดิมนั้นใช้กลไกที่ดูคล้ายกับไม้กระดานกระโดดน้ำหรือที่เรียกว่า “Diving Board” ซึ่งต้องใช้เนื้อที่ข้างใต้เวลาถูกกดลงไป รวมถึงทำให้การคลิกในส่วนที่เป็นพื้นผิวใกล้กับคีย์บอร์ดเป็นไปได้ยากกว่า แต่ถ้าเป็นแทร็คแพด Force Touch นี้
เซ็นเซอร์แรงกดจะคอยตรวจจับการคลิกทุกแห่งบนพื้นผิวแทร็คแพดของคุณ ซึ่งทำให้แทร็คแพดตอบรับกับการกดนั้นแม้ว่าวิธีที่คุณกดลงไปจะเป็นแบบเดียวกับที่คุณใช้บนแทร็คแพดที่คุณคุ้นเคยก็ตามและด้วย Taptic Engine ที่เป็นการตอบสนองแบบสัมผัสยังทำให้คุณไม่เพียงแต่จะเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นบนหน้าจอเท่านั้น แต่ยังรู้สึกไปพร้อมกันได้ด้วย
โดยแทร็คแพดจะส่งการตอบสนองในแบบที่คุณจะรู้สึกได้ที่ปลายนิ้วเมื่อคุณทำงานบางอย่าง เช่น ใส่คำอธิบายใน PDF เป็นต้น
Force Touch
นอกเหนือจากคำสั่งนิ้ว Multi-Touch ง่ายๆ ที่คุณอาจคุ้นเคยอยู่แล้ว เช่น การเลื่อน การปัด การหนีบนิ้วและการหมุน Force Touch ยังเปิดมิติใหม่ให้กับประสบการณ์การใช้งาน Mac ด้วย โดยคุณสามารถกำหนดความไวต่อการสัมผัสได้เอง
ซึ่งจะช่วยให้คุณปรับได้ว่าแรงกดระดับไหนจึงจะถือเป็นคำสั่งคลิก แถมแทร็คแพดยังสามารถบอกได้แม้กระทั่งว่าคุณคลิกด้วยนิ้วโป้งหรือนิ้วอื่น ซึ่งไม่ว่าจะเป็นนิ้วไหนก็จะปรับระดับความไวให้โดยอัตโนมัติอีกด้วย
โปรเซสเซอร์
ภายใน MacBook ใหม่นั้น คุณจะพบกับโปรเซสเซอร์ Intel Core M “Broadwell” รุ่นที่ 5 ซึ่งถือว่าเป็นชิพตัวแรกที่ออกแบบด้วยเทคโนโลยีการผลิตแบบ 14 นาโนเมตรนั่นหมายความว่าชิพจะอัดแน่นไปด้วยทรานซิสเตอร์มากกว่ารุ่นเก่าเพื่อความหนาแน่นที่สูงขึ้น
และประสิทธิภาพที่เหนือชั้นกว่า โดยโปรเซสเซอร์ Core M นี้ ถือว่าลงตัวอย่างเหมาะเจาะกับ MacBook ใหม่ ด้วยคุณสมบัติประหยัดพลังงานที่มาพร้อมกับประสิทธิภาพที่จำเป็นต่อการทำงานในแต่ละวันนั่นเอง
แผงวงจร
สำหรับ MacBook ใหม่นั้น เราสามารถนำสิ่งที่เราได้เรียนรู้เมื่อตอนที่สร้างสรรค์อุปกรณ์ที่บางแต่ทรงพลังมาแล้วอย่าง iPhone และ iPadมาใช้ พร้อมกับต่อยอดองค์ความรู้เหล่านั้นให้ก้าวล้ำกว่าเดิม ซึ่งเราก็ทำสำเร็จ โดยเราได้จัดเรียงโปรเซสเซอร์, Flash Storage และหน่วยความจำลงบนแผงวงจรที่เล็กที่สุดแต่อัดแน่นที่สุดเท่าที่เคยมีใน Mac ไว้ได้อย่างพิถีพิถัน
พื้นที่จัดเก็บข้อมูลและหน่วยความจำ
แม้จะย่อขนาดชิ้นส่วนภายใน แต่ MacBook ใหม่ก็ยังคงความจุที่มากพอสำหรับจัดเก็บไฟล์และเปิดใช้แอพพลิเคชั่นที่คุณต้องใช้ทุกวันไว้ได้อย่างน่าประทับใจ โดย MacBook มาพร้อมหน่วยความจำออนบอร์ด LPDDR3 ขนาด 8GB ความเร็ว 1600MHz ที่ทั้งแรงและประหยัดพลังงาน ซึ่งเมื่อมาผสานพลังกับ Flash Storage ความจุ 256GB หรือ 512GB2 ด้วยแล้ว คุณก็จะได้พบกับโน้ตบุ๊คที่บางและเบาจนต้องทึ่ง พร้อมประสิทธิภาพที่เร็วทันใจ
พกง่ายเหลือเชื่อ กับพอร์ตที่น่าทึ่งเพียงพอร์ตเดียว
ในการสร้างสรรค์โน้ตบุ๊คที่ทั้งบางและเบาอย่าง MacBook ใหม่นี้ เราได้พยายามอย่างหนักเพื่อให้ได้มาซึ่งประสิทธิภาพ ในทุกรายละเอียด เรียกว่าลงลึกไปถึงวิธีการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่อพ่วงและการต่อปลั๊กไฟ
ซึ่งงานนี้ก็ทำให้เราได้มาตรฐานการเชื่อมต่อแบบใหม่ที่หลอมรวมฟังก์ชั่นสำคัญๆ ที่คุณต้องใช้ประจำทุกวันเอาไว้ในพอร์ตอเนกประสงค์เพียงพอร์ตเดียว หรือที่เรียกว่า USB-C โดยพอร์ตแบบใหม่ที่น่าทึ่งนี้สามารถทำได้ตั้งแต่ชาร์จไฟ ถ่ายโอนข้อมูล USB 3 เพื่อเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ภายนอกและอุปกรณ์ต่อพ่วงได้อย่างรวดเร็ว
รวมถึงส่งสัญญาณภาพที่รองรับการเชื่อมต่อกับ พอร์ต HDMI, VGA และ Mini DisplayPort ซึ่งทุกความสามารถนี้รวมอยู่ในดีไซน์ที่เสียบได้ทั้งสองด้านและมีขนาดเล็กเพียงหนึ่งในสามของพอร์ต USB ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน
โน้ตบุ๊คที่ประหยัดพลังงานที่สุดในโลก3
ในแต่ละมิติของ MacBook ใหม่ ไม่ว่าจะเป็นจอภาพ Retina และแบตเตอรี่แบบไล่ระดับ ไปจนถึงเทคโนโลยีอันทันสมัยของ OS X ต่างก็ได้รับการปรับปรุงให้ประหยัดพลังงานมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
จึงกินไฟเพียง 10.10 kWh ต่อปีเท่านั้น ซึ่งถือว่าเกินกว่าข้อกำหนดการใช้พลังงานขั้นต่ำของ EPA จนผ่านการรับรองมาตรฐาน ENERGY STAR 6.1 อีกอย่างคือ เนื่องจากแบตเตอรี่ใน MacBook ใหม่ไม่จำเป็นต้องชาร์จไฟบ่อยๆ ปริมาณก๊าซคาร์บอนที่ปล่อยออกมาจากการใช้งานในแต่ละวันจึงน้อยลงด้วย
สเปกของ MacBook Retina 12 คร่าวๆ มีดังต่อไปนี้
- ขนาดหน้าจอ 12 นิ้ว Retina Display ความละเอียด 2304 x 1440 พิกเซล
- ตัวเครื่องบางเพียง 13.1 มิลลิเมตร
- น้ำหนักตัวเครื่องเพียง 0.9 กิโลกรัม
- มาพร้อม TrackPad และคีย์บอร์แบบใหม่
- แบตเตอรี่ใช้งานต่อเนื่องในการท่องเว็บ 9 ชั่วโมง, เล่นวีดีโอได้นาน 10 ชั่วโมง
- ใช้ชิป Intel Core M ความเร็ว 1.1GHz และ 1.2GHz
- ไม่มีพัดลมในตัวเครื่อง
- ตัวเครื่องมีสีทอง, เงิน และเทา เหมือนกับ iPhone
- รองรับ USB-Type C เพียงพอร์ตเดียวเท่านั้น (ยังมีช่องหูฟังต่างหาก)
- ราคาเริ่มต้น 43,900 บาท สำหรับรุ่น Core M 1.1GHz , Intel HD Graphics 5300, แรม 8GB, SSD 256GB
- ส่วนรุ่น Core M 1.2GHz, Intel HD Graphics 5300, แรม 8GB, SSD 512GB ราคา 54,900 บาท
- สามารถอัพเกรดเป็น Core M 1.3GHz ได้อีก
- เริ่มวางขายอย่างเป็นทางการ 10 เมษายนนี้ทั้งในส่วนของ Online Store และหน้าร้าน iStudio
ขอบคุณที่มา: www.apple.com, notebookspec.com
อัลบั้มภาพ 5 ภาพ