รีวิวเปรียบเทียบ Samsung Galaxy S6 vs Samsung Galaxy S6 edge ซื้อรุ่นไหนดี?

รีวิวเปรียบเทียบ Samsung Galaxy S6 vs Samsung Galaxy S6 edge ซื้อรุ่นไหนดี?

รีวิวเปรียบเทียบ Samsung Galaxy S6 vs Samsung Galaxy S6 edge ซื้อรุ่นไหนดี?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

      เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ในไทยไปแล้วเมื่อช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา สำหรับ Samsung Galaxy S6 และ Samsung Galaxy S6 edge สองสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธง ใหม่ล่าสุดจากซัมซุง ที่ถือว่า ได้รับกระแสตอบรับที่ค่อนข้างดีเลยทีเดียว

      โดยจุดเด่นของ Samsung Galaxy S6 และ Samsung Galaxy S6 edge นั้น นอกจากคุณสมบัติในระดับไฮเอนด์แล้ว ยังมาพร้อมกับดีไซน์ที่พรีเมียมที่สุด เท่าที่เคยมีมาบนสมาร์ทโฟนตระกูล Galaxy S อีกด้วย

      โดยทั้ง Samsung Galaxy S6 และ Samsung Galaxy S6 edge มาพร้อมกับดีไซน์ตัวเครื่องแบบ Dual-Glass Design และกระจก Corning Gorilla Glass 4 ที่ด้านหน้า และด้านหลังตัวเครื่อง ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันรอยขีดข่วน และแรงกระแทกได้เป็นอย่างดี ส่วนกรอบตัวเครื่อง จะเป็นโลหะเกรด 6013 ซึ่งเป็นเกรดเดียวกับที่ใช้ผลิตรถยนต์, เครื่องบิน หรือจักรยานเสือภูเขา ซึ่งแข็งแรงกว่าโลหะทั่วไปที่ใช้กับ สมาร์ทโฟน ในปัจจุบัน

      สำหรับรุ่นที่ดีไซน์สวยล้ำที่สุด ก็คงจะเป็น Samsung Galaxy S6 edge ที่มาพร้อมกับ จอขอบโค้งสองด้านแบบ Dual Curved Edge ส่วน คุณสมบัติตัวเครื่อง ของทั้ง 2 รุ่นนี้เหมือนกันทุกประการครับ ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอแสดงผลกว้าง 5.1 นิ้ว, ชิปเซ็ต Exynos 7420, หน่วยความจำ RAM ขนาด 3 GB, หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง ขนาด 32 GB, 64 GB และ 128 GB, กล้องด้านหน้า ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล, กล้องด้านหลัง ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล และรัน Android 5.0 (Lollipop)

      หลังจากที่รับทราบคุณสมบัติในภาพรวมของทั้ง Samsung Galaxy S6 และ Samsung Galaxy S6 edge กันไปแล้วข้างต้น มาดูกันว่า สมาร์ทโฟนทั้ง 2 รุ่นนี้ จะมีจุดที่แตกต่างตรงไหนบ้าง ซึ่งทางทีมงาน ได้ทำการรีวิว เปรียบเทียบ Samsung Galaxy S6 และ Samsung Galaxy S6 edge ให้ได้รับชมพร้อมๆ กัน มาชมกันเลยครับ

รีวิวเปรียบเทียบ Samsung Galaxy S6 และ Samsung Galaxy S6 edge

      Samsung Galaxy S6 และ Samsung Galaxy S6 edge มาพร้อมกับหน้าจอกว้าง 5.1 นิ้ว แบบ Super AMOLED ความละเอียด 2560 x 1440 พิกเซล ซึ่งกระจกหน้าจอ เป็นแบบ Corning Gorilla Glass 4 เหมือนกันทั้ง 2 รุ่น โดย Samsung Galaxy S6 มีน้ำหนัก 138 กรัม ส่วน Samsung Galaxy S6 edge จะมีน้ำหนักเบากว่าที่ 132 กรัม

      ด้านบนของหน้าจอแสดงผล ของทั้ง Samsung Galaxy S6 และ Samsung Galaxy S6 edge ประกอบด้วย Proximity Sensor สำหรับการปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน, Accelerometer Sensor หมุนหรือปรับเปลี่ยนทิศทางการแสดงผลของหน้าจอให้แบบอัตโนมัติ ตามลักษณะการจับถือของผู้ใช้, ลำโพงสำหรับสนทนา และกล้องด้านหน้า ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/1.9

      ส่วนด้านล่างของหน้าจอแสดงผล ของทั้ง Samsung Galaxy S6 และ Samsung Galaxy S6 edge ประกอบด้วย ปุ่ม Recent Apps, ปุ่ม Home และปุ่มย้อนกลับ (Back) โดยปุ่ม Home รองรับการสแกนลายนิ้วมืออีกด้วย

      ด้านขวาตัวเครื่องของ Samsung Galaxy S6 edge (บน) ประกอบด้วย ปุ่ม Power สำหรับเปิด-ปิด หรือล็อคหน้าจอแสดงผล เพียงอย่างเดียว แต่บน Samsung Galaxy S6 (ล่าง) นอกจากจะมีปุ่ม Power แล้ว ยังมีถาดใส่ซิมการ์ดแบบ nanoSIM

ส่วนด้านซ้ายของตัวเครื่อง เป็นปุ่มปรับระดับเสียง เหมือนกันทั้ง 2 รุ่น

      ด้านบนตัวเครื่อง Samsung Galaxy S6 edge (บน) ประกอบด้วย ไมโครโฟนตัวที่สอง สำหรับตัดเสียงรบกวนรอบข้าง, อินฟราเรด สำหรับควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าผ่านแอปพลิเคชัน Smart Remote และ ถาดใส่ซิมการ์ดแบบ nanoSIM ส่วน Samsung Galaxy S6 (ล่าง) ประกอบด้วย ไมโครโฟนตัวที่สอง และอินฟราเรด

      ส่วนด้านล่างตัวเครื่อง ประกอบด้วยช่องหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5 มิลลิเมตร, พอร์ต microUSB, ไมโครโฟนหลักสำหรับสนทนา และลำโพงเสียง เหมือนกันทั้ง 2 รุ่น

      ส่วนขอบตัวเครื่อง จะเห็นว่า Samsung Galaxy S6 edge (บน) เป็นผิวกระจกขอบโค้งทั้ง 2 ด้าน ซึ่งถือว่า เป็นเอกลักษณ์ของรุ่นนี้ และทำให้ดีไซน์สวยกว่า Samsung Galaxy S6 (ล่าง) อีกด้วย

      ในส่วนของ edge ที่เพิ่มเข้ามานี้ มีประโยชน์อย่างไร? ซึ่งฟีเจอร์นี้ เรียกว่า People Edge ครับ โดยจะเป็นการกำหนดสีให้กับ 5 คนสำคัญ ซึ่งถ้าหากมีสายเรียกเข้า, ข้อความ หรืออีเมล ก็จะทราบได้ทันทีว่า ใครเป็นคนโทรมา โดยสังเกตจากสีที่ปรากฏนั่นเอง ซึ่งจะมีประโยชน์อย่างมากเมื่อตัวเครื่องคว่ำหน้าลง

      มากันที่ด้านหลังตัวเครื่องกันบ้าง โดยทั้ง 2 รุ่นนี้ ประกอบด้วย กล้องด้านหลัง ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล, ไฟแฟลชแบบ LED, รูรับแสงกว้างสูงสุด F/1.9 และระบบกันภาพสั่นแบบ OIS

      ส่วนด้านล่างไฟแฟลช จะเป็น Heart Rate Sensor หรือเซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ โดย Samsung Galaxy S6 มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 2550 mAh ส่วน Samsung Galaxy S6 edge มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 2600 mAh และไม่สามารถถอดแกะฝาหลังได้ทั้ง 2 รุ่น

เปรียบเทียบสเปค ระหว่าง Samsung Galaxy S6 และ Samsung Galaxy S6 edge

ซื้อรุ่นไหนดี ระหว่าง Samsung Galaxy S6 และ Samsung Galaxy S6 edge

      คงจะเป็นคำถามที่หลายๆ ท่านสงสัยกันอย่างแน่นอนว่า ระหว่าง Samsung Galaxy S6 และ Samsung Galaxy S6 edge นั้น ควรจะซื้อรุ่นไหนมาใช้งานกันด

      โดยถ้าหากดูที่ ตารางเปรียบเทียบสเปค ในข้างต้น จะเห็นว่า ทั้ง 2 รุ่นมีสเปคที่เหมือนกัน แน่นอนว่า การประมวลผลการทำงาน คงจะได้ผลที่ไม่แตกต่างกัน ในขณะที่ความแตกต่างระหว่าง น้ำหนักตัวเครื่อง และขนาดแบตเตอรี่ ก็ไม่แตกต่างกันมากนัก

      ฉะนั้น ส่วนที่จะสามารถตัดสินใจได้ว่า รุ่นใดดีนั้น ก็คงเป็นที่ดีไซน์ตัวเครื่องมากกว่า ซึ่งท่านใดที่ชอบ ดีไซน์สวยล้ำ ดูแปลกตา และไม่เหมือนใคร Samsung Galaxy S6 edge ก็ตอบโจทย์ ณ จุดนี้ แต่ว่า จะต้องแลกมาด้วยเงินที่สูงกว่า Samsung Galaxy S6 ถึง 4,000 บาท ในขณะที่ Samsung Galaxy S6

      แม้ว่า ดีไซน์จะไม่สวยเท่า Galaxy S6 edge แต่ก็มีราคาค่าตัวที่ถูกกว่า อยู่ที่ 23,900 บาท งานนี้ คงต้องให้ผู้ซื้อ ตัดสินใจกันเอง ด้วยการไปลองสัมผัสเครื่องจริง ที่ซัมซุงช็อป ซึ่งในตอนนี้ มีเครื่องให้ทดลองใช้งานกันแล้ว

      แถมท้ายอีกสักนิด กับคำถามว่า ระหว่าง Samsung Galaxy S6 และ Samsung Galaxy S6 edge รุ่นใดจับได้ถนัดมือมากกว่ากัน? จากความรู้สึกส่วนตัวของทางทีมงานในตอนแรก คงต้องยกให้ Samsung Galaxy S6 ที่การสัมผัสในตอนแรก เทียบกับ Samsung Galaxy S6 edge นั้น ให้ความรู้สึกที่มั่นคงกว่า ในขณะที่ Samsung Galaxy S6 edge ด้วยขอบหน้าจอที่โค้งลง ทำให้เหลือความหนาของพื้นที่ด้านข้างเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และเกิดความรู้สึกที่ไม่ถนัดมือ แต่เมื่อทดสอบใช้งานไปสักพัก ก็เริ่มชินครับ

      หวังว่า รีวิวเปรียบเทียบ Samsung Galaxy S6 และ Samsung Galaxy S6 edge โดยทีมงาน techmoblog ในครั้งนี้ จะทำให้เพื่อนๆ ตัดสินใจเลือกซื้อได้ง่ายขึ้นครับ

บทความโดย : techmoblog.com

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook