พรีวิว TalkBand B2 สายรัดข้อมือ 3 in 1 สายรัดข้อมือรุ่นใหม่ล่าสุด
เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้วครับสำหรับ “หัวเว่ย ทอล์คแบนด์ บีทู (Huawei TalkBand B2) อุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะที่มาพร้อมกับแฟชั่นและนวัตกรรมเป็นได้ทั้ง นาฬิกาข้อมือ หูฟังบลูทูธ และติดตามการออกกำลังกาย
ทำงานง่ายๆ คู่กับแอพมือถือลักษณะคล้ายๆ กับ Fitbit Flex ครับเพียงแต่ไม่ละเอียดเท่าแค่นั้นเอง รองรับได้ทั้งระบบปฏิบัติการ Android และ iOS และทีมงาน Sanook! Hitech ก็มีโอกาสได้ลองเล่นกันเค้าแล้วเหมือนกัน
สเปกของ หัวเว่ย ทอล์คแบนด์ บีทู นั้นมีคราวๆ ดังนี้
- ราคาเปิดตัว รุ่นธรรมดา 5,990 บาท (สายข้อมือพลาสติก TPU) และรุ่นพรีเมียม 6,990 บาท (สายข้อมือแบบหนัง)
- หน้าจอแสดงผล 0.73 นิ้ว PMOLED
- ขนาดตัวเรือน 62 x 20.6 x 11.24 มม.
- น้ำหนักเฉพาะตัวเรือน 12.5 กร้ม
- รองรับการเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 3.0 ขึ้นไป
- รองรับการทำงานร่วมกับ Android 4.0 ขึ้นไป และ iOS 7.0 ขึ้นไป
- แบตเตอรี่ 90 mAh
- กันน้ำได้และกันฝุ่นมาตรฐาน IP57
ขอบคุณที่ม: iphone-droid.net
มาดูในส่วนของ อุปกรณ์ที่มีมาให้ในกล่องกันบ้างครับ อุปกรณ์หลักๆ มากันครบไม่ว่าจะเป็น
1. ตัวเครื่อง Huawei TalkBand B2 ที่ติดฟิมส์กันรอยมาให้เรียบร้อยตั้งแต่แกะกล่อง
2. สาย USB
3. ตัวยางครอบหูฟังสำรอง
4. คู่มือการใช้งาน
Huawei TalkBand B2 กับความรู้สึกแรกเจอ รูปลักษณ์และดีไซน์ (Design)
ผมพูดได้เต็มปากเลยว่า Huawei TalkBand B2 ดูดีมากครับไม่ว่าจะเป็นส่วนของกล่องที่บรรจุผลิตภัณฑ์มีการออกแบบมาหรูหรา มากครับ
สำหรับรุ่นที่ผมได้มาพรีวิวนั้นเป็นรุ่นพรีเมียมตัวเรือนอลูมิเนียมมาพร้อม สายนาฬิกาซึ่งเป็นสายหนังสีน้ำตาลเข้ม สำหรับขนาดนั้นเรียกได้ว่าผู้หญิงใส่ได้ ผู้ใช้ก็ใส่ดีครับ
และอีกอย่างนั้น Huawei TalkBand B2 เค้ามีฟิล์มกันรอยติดมาให้เสร็จตั้งแต่แกะกล่องกันเลย
ด้านขวาจองตัวเครื่องมีช่องไมโครโฟนซึ่งสามารถตัดเสียงรบกวนได้และมีปุ่มสำหรับ เปิด-ปิด เครื่อง ลักษณะการใช้งานเช่นเดียวกับมือถือ
ตัวเครื่องด้านซ้ายนั้นไม่มีอะไรครับ ที่โดดเด่นก็จะเป็นปุ่ม Docking สำหรับแยกร่างนั้นเอง โดยปุ่มดังกล่าวจะมีทั้งซ้ายและขวาของตัวเรือนของ TalkBand B2
ส่วนความหนาของตัวเรือนนั้น สำหรับ TalkBand B2 รุ่นใหม่นั้นมีขนาดบางกว่ารุ่นแรกลงประมาณ 20% และหน้าปัดเล็กลงเล็กน้อนครับ ที่เด็ดสุดรุ่น B1 คือรุ่นใหม่นั้นมาพร้อม เซ็นเซอร์ที่มีมาให้คือตัวจับการเคลื่อนไหว 6 แกน ทำให้สามารถวัดข้อมูลได้แม่นยำกว่าแรกๆ
สำหรับด้านหลังของสายนั้นถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้จริง และที่สำคัญมีตัวล็อค ตอนส่วนใส่ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องหลุดหายแน่นอน ส่วนของสาย TalkBand B2 นั้นสามารถปรับระดับได้ค่อนข้างเยอะหากผมรับไม่ผิดมีรูให้ปรับถึง 10 ขนาด
และนี้คือเหตุผลที่ได้บอกไปข้างต้นแล้วครับว่า ด้วยขนาดที่ปรับได้เยอะทำให้สามารถใส่ได้ทั้งชายและหญิง คนข้อมือเล็กไม่ต้องกังวลใส่ได้แน่นอน!!
หูฟังบลูทูธเป็นอีกหนึ่งแก็ดเจ็ตที่แยกร่างออกมา สำหรับการใช้งานนั้นสามารถทำงานได้เช่นเดียวกับบลูทูธทั่วไปครับ เปิดการเชื่อมต่อบลูทูธก็สามารถใช้งานได้เลย
ตัวเครื่องทำจากโลหะอะลูมิเนียมอัลลอย หากถอดตัว บลูทูธออกแล้วจะเห็นอักษรสลักคำว่า TALKBAND ชัดเจน
หูฟังบลูทูธพร้อมฟิล์มกันรอบไม่ต้องไปหาซื้อให้ยุ่งยาก
ด้านหลังของ หูฟังบลูทูธ นั้นจะมีพอต USB charging ไว้สำหรับชาตร์ไฟครับ
ในส่วนของหูเจลที่ใส่ติดกับใบหูของเรานั้นมีลักษณะยืดหยุ่นสวมใส่ได้ทุกสรีระใบหูทำให้สวมใส่สบายไม่ฟิตและอึดอัดจนเกินไป และสามารถสามารถถอดเปลี่ยนได้ แถมหัวเว่ยเค้ามีหูเจลสำรองมาให้ด้วยอีกหนึ่งคู่
Talkband B2 ใช้งานได้นาน 5 วัน และสนทนาต่อเนื่องได้นาน 6 ชั่วโมง ทำให้ TalkBand B2 กลายเป็นอุปกรณ์เสริมสุดชิค ที่ออกแบบให้ผู้ใช้สามารถพกพาหูฟังและสายชาร์จได้อย่างสะดวกไปทุกที่
มาดูส่วนของตัว App สำหรับใช้งานคู่กันนิดหน่อยครับ
เริ่มจากการเชื่อมต่อ Talkband B2 เข้ากับสมาร์ทโฟนผ่านแอปพลิเคชั่นที่มีชื่อว่า Huawei Wear ซึ่งสามารถดาวน์โหลดแอปฯจากแอปสโตร์ หรือกูเกิลเพลยสโตร์ มาไว้ใช้งานก่อนพร้อมทั้งติดตั้งให้เรียบร้อย
เปิดแอปพลิเคชันขึ้นมา จะพบคำแนะนำในการใช้งานให้ทำตามขั้นตอนไปเรื่อยๆ ครับถึงแม้ว่าจะเป็นภาษาอังกฤษก็ตาม แต่การตั้งค่าของนั้นก็สามารถทำได้ไม่ยากนัก
หลังจากจับคู่ให้แก่อุปกรณ์เสร็จแล้ว คราวนี้ก็เป็นการตั้งค่าการใช้งานเล็กน้อย โดยส่วนนี้นั้นเป็นการป้อนข้อมูลของผู้ใช้งานพื้นฐานไม่ว่าจะเป็น เพศ, อายุ, ส่วนสูง, น้ำหนัก และวันเดือนปีเกิด เพื่อการวิเคราะห์นั้นเอง
Huawei TalkBand B2 สามารถทำงานได้อย่าง Wearable fitness device ทั่วๆ ไป แต่หากใครคาดหวังว่าจะได้ข้อมูลที่ละเอียดอย่าง Wearable fitness device ส่วนนี้ผมอยากให้ทำใจครับ เพราะโปรแกรมคำนวณต่างๆ ใน TalkBand B2 นั้นไม่ได้ลึกขนาดนั้น
แล้ว TalkBand B2 ทำอะไรได้บ้างละ? ก็ไม่ลึกมากครับแต่อย่างน้อยฟังก์ชั่นพื้นฐานอย่างเช็คก้าวเดินหรือวิ่ง, ตัวเลขการเผาผลาญพลังงาน, และข้อมูลการนอนหลับ ก็มีมาให้ครบและค่อนข้างแม่นยำ และที่สำคัญมันมีระบบนาฬิกาปลุกให้ด้วย
ส่วนการดูข้อมูลเบื้องต้นนั้นสามารถดูได้จากตัวเครื่อง TalkBand B2 เองแต่คุณจะสามารถดูได้เพียงย่อเท่านั้น ส่วนอีกวิธีคือสามารถดูได้จากสมาร์ทโฟนผ่านแอพ ซึ่งค่อนข้างละเอียดมากว่า
ส่งท้ายกันด้วยคลิปพรีวิวง่ายของ หัวเว่ย TalkBand B2
บทสรุป (Conclusion) ประสบการณ์ในการใช้งานหัวเว่ย ทอล์คแบนด์ บีทู
จบกันไปกับรีวิว Huawei TalkBand B2 ที่พกเอาความสามารถมาอย่างครบเครื่อง ไม่กว่าจะเป็นในส่วนของลูกเล่นที่หากเป็นคนก็คงเป็นลูกครึ่งสารพัดประโยชน์ TalkBand B2 มีลูกเล่นต่างๆ ค่อนข้างหลากหลาย น้ำหนักก็เบาพกง่ายลงกับตัวและเข้ากับเสื้อผ้าเป็นอย่างดี หากมองข้ามเรื่องราคาที่ค่อนข้างสูงไปเมื่อเปรียบเทียบกับผลิตของภัณฑ์แบรนด์อื่น
อย่างที่บอกไปครับว่า TalkBand B2 นั้นมีดีไซน์สวยงามเหมือนนาฬิการมากว่าจะเป็น TalkBand และขนาดไม่เล็ก ไม่ใหญ่ เหมาะกับข้อสามารถใส่ได้ทั้งชายและหญิง(ผลจากการทดสอบจริง)
Huawei TalkBand B2 บนข้อมือของผู้ชาย
Huawei TalkBand B2 บนข้อมือของผู้หญิง
ข้อดี
- โดดเด่นในเรื่องดีไซน์สวยงามเหมือนนาฬิการมากว่าจะเป็น TalkBand
- รองรับได้ทั้งระบบปฏิบัติการ Android และ iOS
ข้อสังเกต
- Huawei TalkBand B2 ราคาค่อนข้างสูงไปนิดหน่อย
- ฟีเจอร์ในการวัดค่าต่างๆ ยังไม่ละเอียดมากนักส่วนใหญ่เป็นฟีเจอร์พิ้นฐานมากกว่าเช่น การเดิน, การวิ่ง, การนอน และการเผ่าผลาญผลังงาน
- แม้จะมีฟังก์ชั่นเสริมมากมาย แต่หากทำงานไม่สมบูรณ์ หากจะเล่นทั้งหมดต้องใช้งานคู่กับ Huawei P8 กับ P8 Max เท่านั้นครับ
TalkBand B2 นั้นมีด้วยกันทั้งหมด 2 รุ่นนั้นคือ รุ่นสแตนดาร์ราคา 5,99, บาท และรุ่นพรีเมี่ยมราคา 6,990 บาท มีทั้งหมด 3 สี คือ ดำ , ขาว และสีทองซึ่งเป็นรุ่นพรีเมียม
Facebook :
ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> www.hitech.sanook.com
Facebook :
ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> www.hitech.sanook.com
Facebook :
ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> www.hitech.sanook.com