เปรียบเทียบ Samsung Galaxy Note 5 vs Samsung Galaxy Note 4 แตกต่างกันอย่างไรบ้าง?
เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับ Samsung Galaxy Note 5 สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นล่าสุด ที่นอกจากจะมาพร้อมกับดีไซน์ใหม่ เพรียวบาง และพรีเมียมมากกว่ารุ่นก่อนหน้าแล้ว ยังได้รับการปรับปรุงทั้งในด้านฮาร์ดแวร์ และซอฟท์แวร์ รวมไปถึงเพิ่มฟีเจอร์ใหม่น่าใช้มากมาย และปากกา S Pen Stylus ที่มีลูกเล่นเพิ่มขึ้น
และแน่นอนว่า เมื่อมี สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ อย่าง Samsung Galaxy Note5 เปิดตัว ทีมงาน techmoblog จึงไม่พลาด ที่จะนำรุ่นเก่าอย่าง Samsung Galaxy Note 4 มาเปรียบเทียบให้ชมกัน มาดูกันว่า ทั้ง 2 รุ่น แตกต่างกันอย่างไร และ Samsung Galaxy Note 5 จะอัปเกรดจาก Galaxy Note 4 มากน้อยแค่ไหน มาดูกันครับ
เปรียบเทียบสเปค Samsung Galaxy Note 5 vs Samsung Galaxy Note 4
ดีไซน์และการออกแบบ
สำหรับความแตกต่างระหว่าง Samsung Galaxy Note5 และ Samsung Galaxy Note 4 มีทั้งหมดหลายส่วนด้วยกัน โดยทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 5.7 นิ้ว แบบ Super AMOLED Display ความละเอียด 2560 x 1440 พิกเซล (QHD)
แต่จากรูปจะเห็นได้ว่า Samsung Galaxy Note 5 มีความเพรียวบางกว่า ซึ่งขนาดของ Samsung Galaxy Note 4 อยู่ที่ 153.5 x 78.6 x 8.5 มม. ส่วนขนาดของ Samsung Galaxy Note5 อยู่ที่ 153.2 x 76.1 x 7.6 มม. บางกว่ามากเลยทีเดียว
ด้านหลังของ Samsung Galaxy Note 4 นั้น จะเป็นพื้นผิวแบบ Soft-Textured ที่ดูเหมือนหนังเทียม ส่วน Samsung Galaxy Note5 จะเป็นตัวเครื่องแบบโลหะ ให้ลุคพรีเมียม และมีความโค้งที่ขอบตัวเครื่องทั้ง 2 ด้าน อีกทั้งตำแหน่งของไฟแฟลช และ Heart Rate Sensor ก็อยู่สลับที่กันด้วย
นอกจากนี้ Samsung Galaxy Note 4 สามารถถอดแกะฝาหลังได้ รองรับ microSD Card ส่วน Samsung Galaxy Note5 ไม่สามารถถอดแกะฝาหลังได้ และไม่รองรับ microSD Card ซึ่งใครที่กำลังจะซื้อ Samsung Galaxy Note 5 คงจะต้องพิจารณาในจุดนี้ให้ดีเสียก่อน
สำหรับด้านขวา และด้านซ้ายของตัวเครื่อง ยังคงคล้ายกัน โดยประกอบด้วย ปุ่ม Power ที่ด้านขวา และปุ่มปรับระดับเสียงที่ด้านซ้าย แต่ Samsung Galaxy Note5 จะมีความเพรียวบางกว่า
ด้านบนของตัวเครื่อง เริ่มมองเห็นความแตกต่างกันบ้างแล้ว อย่างเช่น ช่องสำหรับหูฟังบน Samsung Galaxy Note 5 ย้ายไปอยู่ด้านล่าง, เปลี่ยนตำแหน่งของช่องใส่ซิมการ์ดมาไว้ด้านบนตัวเครื่องแทน เนื่องจากไม่สามารถถอดแกะฝาหลังได้นั่นเอง ส่วนลำโพงเสียงบน Samsung Galaxy Note5 อยู่ที่ด้านล่างตัวเครื่องเช่นกัน (Galaxy Note 4 อยู่ด้านหลัง) และสุดท้ายปากกา S Pen ยังคงอยู่ที่ตำแหน่งเดิม
เปรียบเทียบปากกา S Pen ของทั้ง 2 รุ่นครับ จะเห็นได้ว่า ดีไซน์แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนก็คือ ความรู้สึกในการใช้งานเหมือนกำลังใช้ปากกาจริง นอกจากนี้ ปากกา S Pen บน Samsung Galaxy Note5 ยังมีลูกเล่นมากกว่าอีกด้วย
หน่วยประมวลผล
Samsung Galaxy Note5 มาพร้อมกับชิปเซ็ต Exynos 7420 แบบ Octa-Core Processor ความเร็ว 2.1 GHz และหน่วยความจำ RAM ขนาด 4 GB ส่วน Samsung Galaxy Note 4 มาพร้อมกับชิปเซ็ต Exynos 5433 แบบ Octa-Core Processor ความเร็ว 1.9 GHz และหน่วยความจำ RAM ขนาด 3 GB ซึ่งถ้ามองในด้านสเปค แน่นอนว่า Samsung Galaxy Note 5 เหนือกว่าอยู่แล้ว ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติที่รุ่นใหม่จะมีสเปคที่แรงกว่ารุ่นเก่า
แบตเตอรี่
ถ้าดูในเรื่องของ ความจุของแบตเตอรี่ ดูเหมือนว่า Samsung Galaxy Note 4 จะมีภาษีดีกว่าเล็กน้อย ด้วยแบตเตอรี่ความจุ 3220 mAh ในขณะที่ Samsung Galaxy Note 5 ได้ลดขนาดความจุของแบตเตอรี่ลง 3000 mAh อย่างไรก็ดี ใครที่กังวลว่า แบตเตอรี่ความจุน้อยขนาดนี้ จะเพียงพอต่อการใช้งานในแต่ละวันหรือเปล่า คงจะต้องหมดห่วงกันไป เนื่องจาก Samsung Galaxy Note 5 มาพร้อมกับเทคโนโลยี Fast Charging ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 0% เป็น 100% ได้ในเวลาเพียง 2 ชั่วโมงเท่านั้น
ย้ำกันอีกรอบ Samsung Galaxy Note 5 ไม่สามารถถอดฝาหลังเพื่อเปลี่ยนแบตเตอรี่สำรอง หรือเพิ่มหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card ได้ครับ
กล้องถ่ายรูป
สำหรับกล้องถ่ายรูป ถือว่า เป็นจุดขายสำคัญสำหรับสมาร์ทโฟน รวมไปถึง Samsung Galaxy Note 5 รุ่นนี้ด้วยเช่นกัน โดยกล้องด้านหน้า ได้เพิ่มความละเอียดจากเดิม 3.7 ล้านพิกเซล บน Samsung Galaxy Note 5 เป็น 5 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงกว้าง F/1.9 ส่วนกล้องด้านหลัง แม้จะคงความละเอียดที่ 16 ล้านพิกเซลเท่าเดิม แต่ก็เพิ่มเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามา นั่นก็คือ VDIS ที่ช่วยเสริมให้ระบบ OIS หรือระบบป้องกันภาพสั่นไหว ทำงานได้ดีกว่าเดิม นอกจากนี้ ยังเพิ่มฟังก์ชัน Quick Launch เปิดกล้องเร็วใน 1 วินาที ด้วยการกดปุ่ม Home 2 ครั้งติดกัน
สรุปส่งท้าย
เรียกได้ว่า หลายๆ ท่านคงจะเห็นความแตกต่างระหว่าง Samsung Galaxy Note 5 และ Samsung Galaxy Note 4 กันพอสมควรแล้ว ซึ่งถึงแม้ว่า Samsung Galaxy Note 4 จะปรับราคาค่าตัวลดลงไป เหลือ 19,900 บาท แต่ Samsung Galaxy Note 5 ก็น่าสนใจไม่น้อย ทั้งดีไซน์ใหม่ และฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามา เชื่อได้เลยว่า ท่านที่กำลังมองหา มือถือหน้าจอใหญ่ รุ่นใหม่ ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์เด็ดๆ และครบครันทุกการใช้งาน คงจะมีคำตอบอยู่ในใจกันแล้วอย่างแน่นอนครับ
ข้อมูลโดย : techmoblog.com
สนับสนุนเนื้อหา: www.techmoblog.com