[รีวิว] Samsung Galaxy S6 edge+ มันคือ Note 5 ที่ไม่มีปากกา แต่ได้จอโค้งมาทดแทน

[รีวิว] Samsung Galaxy S6 edge+ มันคือ Note 5 ที่ไม่มีปากกา แต่ได้จอโค้งมาทดแทน

[รีวิว] Samsung Galaxy S6 edge+ มันคือ Note 5 ที่ไม่มีปากกา แต่ได้จอโค้งมาทดแทน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

   ถ้าเอ่ยถึงมือถือจอโค้ง 2 ด้านรุ่นแรกของโลก คงจะต้องเอ๋ยถึง Samsung Galaxy S6 edge แน่นอน แต่ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปหลายคนบอกว่า อยากได้ใหญ่กว่านี้ Samsung จะจัดได้ไหม เอาล่ะเมื่อคุณผู้อ่านอยากเห็นทีมงาน Sanook! จัดให้กับ Samsung Galaxy S6 edge+ จอโค้ง 5.7 นิ้ว

รายละเอียดของ Samsung Galaxy S6edge Plus

- มิติรูปร่าง 154.4 x 75.8 x 6.9 มิลลิเมตร

- สีตัวเครื่อง สีดำ (Black Sapphire), สีขาวมุก (White Pearl), สีทอง (Gold Platinum) และสีเงิน (Silver Titanium)

- น้ำหนัก 153 กรัม

- หน้าจอขนาด 5.7 นิ้ว Super AMOLED QHD ความละเอียด 2560x1440 แบบโค้ง

- 2G GSM 850 / 900 / 1800 / 1900

- 3G HSPA 42.2/5.76 Mbps,

- 4G Cat 9 450/50 Mbps

- CPU Exynos 7420 Quad-core 1.5 GHz + Quad Core 2.1GHz

- GPU Mali-T760MP8

- RAM 4GB LDDR4

- ความจำในตัว 32GB

- กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล, กล้องหลัง 16 ล้านพิกเซล F1.9, Auto Focus + LED Flash

- WiFi 802.11 b/g/n/ac, Bluetooth V4.1, NFC

- Android 5.1.1

- แบตเตอรี่ 3,000 mAh รองรับ Fast Wireless Charging, Fast Charging

รูปร่าง

   ด้านหน้าของ Samsung Galaxy S6 edge+ เห็นแว็บแรกพูดได้คำเดียวว่า เหมือน S6 edge ทั่วไปเลย ประกอบไปด้วยหน้าจอโค้ง Super AMOLED QHD ความละเอียด 2560x1440 พร้อมกับตั้งค่า EDGE Screen ได้ แต่ที่เด็ดกว่าคือขนาดของมันที่ใหญ่โตถึง 5.7 นิ้ว

ซูมจอโค้งเก๋ไปอีกแบบ

     ส่วนบนมีกล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล พร้อม Auto Focus และมีไฟแจ้งเตือน โลโก้ Samsung และเซนเซอร์ของเครื่องทั้งจับแสงและแนบหน้า

     ส่วนล่างมีปุ่มกด Recent Home พร้อมกับระบบสแกนลายนิ้วมือ และ Back

     ด้านข้างซ้ายมีปุ่มกดปรับระดับเสียงแต่ขอบนั้นหนากว่า S6 edge ปกติ เกิดจาก อะลูมิเนียม เกรด 7,000

ด้านข้างขวามีปุ่ม Power

     ด้านบนมีช่องใส่ซิมการ์ดแบบ Nano SIM

     ด้านล่างมีช่องเสียบ Micro USB , ช่องเสียบหูฟัง, ไมโครโฟน และลำโพงของเครื่อง

     ด้านหลังเป็นกระจก Gorilla Glass 4 พร้อมกับกล้องหลังขนาด 16 ล้านพิกเซล มี LED Flash และ Heart Rate Sensor  ดูยังไง ๆ ก็เป็น S6 edge ที่ใหญ่โตขึ้น และแข็งแรงขึ้นอย่างชัดเจน จนไม่ต้องสงสัยว่า ถ้าจะต้องเลือกแล้ว ถ้าคนชอบของแปลก หรือต้องการมือถือแฟชั่นที่ใช้ได้จริง นี่จะเป็นคำตอบของคุณเลยล่ะครับ

   กล้องดิจิทัลตัวหลักที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 16 ล้าน Pixels

ประสิทธิภาพของ Samsung Galaxy S6 edge+


     จากที่ได้ลองวัดด้วย Antutu Benchmark คะแนนจะได้สูงสุดแถว 36322 และ Nenamark 2 วัดการตอบสนองหน้าจอที่ 60.4 FPS และรองรับมัลติทัช 9 จุด แม้ว่าคะแนน Aututu จะน้อย แต่ภาพรวมการใช้งานสามารถตอบสนองความลื่นไหลได้อย่างดี ไม่ติดขัดมากมาย และประกอบกับเครื่องที่เล็กและแรงแบบนี้ก็หาตัวจับได้ยาก ที่แปลกใจคือความร้อนของมันมีแต่ไม่ถึงกับเยอะ น่าพึ่งพอใจอย่างยิ่ง

     ส่วนแบตเตอรี่ ยังคงเหมือนกับ Note 5 ให้มาเพียง 3,000 mAh เท่านั้น ไม่ได้มากหรือน้อยเกินไป แต่ผลจากการทดสอบ มันกลับหมดเร็วกว่า Galaxy Note 5 นิดหน่อย ถือว่ารับได้ ส่วนการใช้งานจริงมีหมดระหว่างวันบ้างเป็นเรื่องปกติครับ และแน่นอนว่าเมื่อเป็น Samsung Galaxy รุ่นใหม่ ต้องติดตั้ง Ultra Saving Mode ระบบประหยัดพลังงานขีดสุดมาให้เช่นเคย

คุณสมบัติลูกเล่นที่น่าสนใจ


     Samsung Galaxy S6 edge + ยังคงให้ Touch WIZ UI มาเหมือนกับ Samsung Galaxy Note 5 โดยรูปแบบเน้นความเรียบง่ายและเก๋ไปอีกแบบหนึ่งเลยทีเดียว นอกจากนี้สามารถเปลี่ยน Theme ได้อีกด้วย

     แต่ที่เป็นจุดเด่นของ S6 edge+ เท่านั้นที่จะมีคือ Edge Screen ที่นอกจากจะแสดง 5 เบอร์สำคัญที่เราใช้โทรบ่อยที่สุดแล้ว ยังเลือกมาเพื่อเป็น Shortcut ของ Application ที่เราต้องใช้บ่อยได้อย่างง่ายดายเพียงแค่เลื่อนต่อไป

     รวมทั้งการตั้งให้เป็นนาฬิกาบอกเวลากลางคืนหรือ Notification ได้อีกด้วย เรียกว่ามันมากกว่าเดิมอีกตางหาก

     ระบบความบันเทิงของ Galaxy S6 edge + เหมือนกับ Galaxy Note 5 คือระบบเสียงเพลงที่สามารถควบคุมได้ผ่าน Sound Alive และสามารถตั้งค่าระบบเสียงได้แม่นยำแม้ว่าจะไม่มีประสบการณ์ด้านการฟังเพลงมาก่อน และยังมี Video Player มาให้ น่าเสียดาย ไม่มี FM Radio ให้เหมือนเดิม

     และเครื่องมือช่วยเหลือมีให้ครบตั้งแต่ S Planner ปฏิทินจนข้อมูล , Smart Manage ไว้ค่อยจัดการพื้นที่และ RAM ของเครื่อง, Side Sync, Memo ไว้สำหรับจดบันทึก และ Apps จาก Microsoft เกือบครบ น่าเสียดายไม่มี Microsoft Office Mobile มาให้

     กล้องหลังของ Samsung Galaxy S6 edge+ ยังคงเหมือนกับ Galaxy Note 5 คือ 16 ล้านพิกเซลพร้อม Auto Focus + VDIS พร้อมกับ LED Flash รูรับแสง F1.9 และมี Mode ต่าง ๆ ให้เลือกถ่ายเยอะมากตั้งแต่ Video Collage, Pro Mode, Live Broadcast และอื่น ๆ สามารถโหลดเพิ่มได้ การทำงานของกล้องไวดี แต่โฟกัส Marco บางแบบยังไม่ถึงกับดีนัก และรองรับการถ่ายวีดีโอแบบ 4K

     ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ที่มี Beauty Mode ร้ายกาจเหมือนเดิม

(ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Samsung Galaxy S6 edge+ )

สรุปในภาพรวมของ Samsung Galaxy S6 edge+

เรียกว่ามาค่อนข้างไวสำหรับมือถือจอโค้งที่แทบทุกประเทศจะได้สัมผัสมัน แต่ผมอยากจะเรียกว่ามันคือ Samsung Galaxy Note 5 ไร้ปากกา และได้จอโค้ง เพราะลูกเล่นภาพรวมอย่างที่เห็นนั้นแทบจะเหมือนกันทุกอย่าง

กับราคาเพียง 26,900 บาท ถือว่าแพงกว่า Note 5 เพียง 1,000 บาท ขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการปากกา S Pen มากน้อยแค่ไหน ถ้าคิดว่าความต้องการตรงนั้นมันไม่มี S6 edge+ เป็นคำตอบของคุณได้ในทันที ยกเว้นว่าถ้ามันใหญ่ไป การที่ไปซื้อ S6 edge รุ่นปกติก็ไม่ได้เสียหายนะครับ

ข้อดี

- สเปคแรงเท่า Note 5

- จอโค้งเก๋ไปอีกแบบ

- ลูกเล่นมีมากกว่า S6 edge และใช้ได้จริง

- กล้องและทุกสิ่งมันทำได้ดีพอสมควร

ข้อสังเกต

- เครื่องจับแล้วไม่อยู่มือ

- แบตเตอร์รี่ลงไวกว่า Note 5

- กล้องยังไม่สามารถโฟกัส Marco ได้ดีในบางจังหวะ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook