Samsung Galaxy TabProS เป็นการเปลี่ยนแปลงหน้าตาใหม่พร้อมกับระบบปฏิบัติการ Windows 10 ใหม่ บางกว่า 6.3 มิลลิเมตร หนัก 637 กรัม เป็น Tablet ที่บางและเบาที่สุดในโลก ใช้ขุมพลัง Intel Core m3 พร้อมกับ Full Size Keyboard และมี Touchpad ด้วย

รูปร่างต้องบอกว่ามัน ขอบอกว่ามันก็คล้าย ๆ กับ Tablet Windows ที่มีอยู่ ณ ตอนนี้เหมือนกับ Microsoft Surface Pro 4 พอสมควร แต่ว่าจะไม่สามารถตั้ง ด้วยต้วมันเองได้ และมีช่องเสียบเพียงช่องเดียวคือ USB-C เท่านั้น อาจจะยังไม่สะดวกเท่า และความละเอียดน้อยกว่า แต่สิ่งหนึ่งที่เชื่อว่ามันจะน่าสนใจคือ การที่รองรับเครือข่าย 4G ในตัว ซึ่งคู่แข่งนอกจาก iPad Pro นั้นไม่มี

อย่างไรก็ตาม Keyboard ของรุ่นนี้เป็นแบบ Full Size แต่สัมผัสอาจจะแข็งไปสักหน่อยสำหรับขาพิมพ์ทั้งหลาย แต่ Touchpad ที่ดูดีมีชาติตระกูลกว่าเดิมมากอยู่ไม่น้อย และมี Stand ที่สามารถปรับได้ 2 ระดับและถอดแยกกันได้เป็นอุปกรณ์เสริม

คำถามคำสำคัญ เข้าไทยหรือไม่ คำตอบคือ คาดว่ามาแน่นอน แต่ราคายังไม่ชัวร์ว่าเท่าไหร่ และภาพบนนี้ก็จะเป็น Samsung Galaxy Note 5 สีชมพู ที่จะเข้ามาหรือไม่ลุ้นต่อไป

Samsung Galaxy S2 Classic สีใหม่ที่ได้ Platinum และ Rose Gold 18K นอกจากนี้ยังมีคนทำหน้าปัดนาฬิกาใหม่ พร้อมกับ Apps ใน Smart Watch รุ่นนี้มากขึ้น และแน่นอนว่ามันสามารถรองรับกับ Smart Phone Android รวมถึง iOS ในปีนี้

นอกจากนี้สายก็จะมีความแหลกหลายและใช้ Designer มากมายทำให้ดูน่าสนใจ พร้อมกับรองรับ Samsung Pay ได้แล้ว

ภาพจาก Press ข่าว Samsung

Samsung Pay เป็นอีกสิ่งที่แน่นอนว่าจะได้ใช้กันในปีนี้แน่นอน โดยเทคโนโลยีนี้จะรวมบัตรต่าง ๆ เข้าไปในมือถือและสามารถสั่งจ่ายเงินโดยแตะแค่ NFC เท่านั้น โดยมือถือมีการรองรับแล้วอย่าง Samsung Galaxy S6/ S6edge, Note 5/S6 edge+

ซึ่งเตรียมให้บริการในเอเชีย ได้แก่ สิงคโปร และ ออสเตรเลีย ในไตรมาสแรก ส่วนเมืองไทยนั้น ไตรมาส 4 ในปีนี้เป็นอย่างช้า เพราะเนื่องจากติดในเรื่องการทำระเบียบต่างๆ

My Samsung เป็นการบอกตัวตันของคุณในอุปกรณ์และสามารถบอกได้ว่าเครื่องคุณชื่ออะไร ซื้อเมื่อไหร่ ให้คำแนะนำในการใช้งานได้ รวมถึงช่วยในเรื่องการปรับแต่งหน้าตาของเครื่องได้ง่าย และยังช่วยให้คุณติดต่อศูนย์บริการได้มากขึ้น รวมถึงสิทธิพิเศษที่บอกเข้าในในเครื่องและรวมถึง Apps อื่น ๆ ได้เช่น Galaxy Life, Sport Flow และอื่น ๆ อีกมากมาย

เรียกได้ว่าเป็น Apps ที่คนที่ใช้มือถืออำนวยความสะดวกได้มาก แต่ตอนนี้เปิดตัวเฉพาะ 5 ประเทศเท่านั้นคือ มาเลเซีย สิงคโปร ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน นิวซีแลนด์ ถือว่าเป็นอีกสิ่งที่ทำให้มันเกิด Pride To Own ซึ่งเป็นการบอกต่อเพราะใช้งานแล้วได้ประสบการณ์ที่ดีและบอกต่อได้

และการที่ Samsung ทำ internet of thing ที่ทำได้มากกว่านั้น เพราะเห็นว่าการเข้ากับสินค้า Brand อื่นได้ และทำให้สามารถประยุกต์ใช้ได้อย่างดี ซึ่งทำให้ข้างในและข้างนอกนั้นสมบูรณ์แบบอีกที โดยเฉพาะ Galaxy TabProS

อีกสิ่งที่ Samsung นำมาจัดแสดงคือกลุ่มของ B2B ซึ่งมีความน่าสนใจทั้ง 4 Smart ให้เข้ากับ Concept 2016 In Sync Of Life เช่น

Smart Home มีการนำมือถือมาใช้งานเกี่ยวกับการทำงานร่วมกับ Smart HUB ประกอบด้วยเซนเซอร์ต่าง ๆ ที่ช่วยให้ทำงานได้อย่างดี ตั้งแต่เดินเข้าบ้าน เรื่องระบบความปลอดภัยในบ้าน รวมถึงจุดอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เช่นให้เครื่องดูดฝุ่นทำความสะอาดบ้านเมื่อเราไม่อยู่ และสามารถใช้ Smart Phone แตะที่บ้านได้ เรียกว่า Smart Thing ซึ่งตอนนี้อาจจะมีบางชิ้นที่ใช้กับ iOS ได้เช่นเดียวกัน และยังให้ทำการเรียนง่ายขึ้นผ่านอุปกรณ์ของ Samsung และโลกของ Internet

Smart Office ที่ให้กระดานในการประชุมของคุณเขียนได้รวมถึงลบได้ง่าย คุณสามารถสั่งงานพิมพ์เอกสารผ่านเครื่องถ่ายเอกสารได้ง่ายรวมถึง ติดตั้ง Android ในตัว รวมทั้งการจอใหญ่ ๆ ที่ให้คุณปรับใช้ได้ตามความพึงพอใจตั้งแต่เป็นกระดานดำ ไปจนถึง จอ LED Present งานขนาดใหญ่ และ KNOX ระบบความปลอดภัยของ Samsung ที่ป้องกันไม่ให้เกิดการลบข้อมูลเครื่องที่เป็นของบริษัท และสามารถทำให้เครื่องส่วนตัว

นอกจากนี้ยังพูดเรื่อง Internet Of Thing กับการทำธุรกิจและอำนวยความสะดวกให้กับเรามากมาย ซึ่งทำให้รูปแบบการที่คนจะได้ใช้เทคโนโลยีเกิดภาพมากขึ้น

ภาพจาก Press ข่าว Samsung

นอกจากนี้ทีมนักสื่อข่าวยังได้พูดคุยกับคุณศศิธร กู้พัฒนากูล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ไทยซัมซุงอิเล็กทรอนิค ถึงวิสัยทัศน์ในงานนี้ โดยมีความว่า ที่ผ่านมา Samsung จะกำหนดว่า ปี 2017 TV จะต้องเป็น Smart TV, 2020 จะต้องรองรับ IoT(Internet Of Thing) ทุกชนิด โดยการเริ่มต้นนั้นเกิดจากการตั้ง Smart HUB ที่ทำงานร่วมกับบริษัทอื่น และสามารถจัดการต่าง ๆ ได้ และสามารถทำให้สิ่งต่าง ๆ นั้นเกิดขึ้นมา ถ้าไม่ได้ทำตอนนี้ก็อาจจะทำให้คนอื่นชิงตลาดไปก่อน

ส่วนในไทยนั้น ร่วมสำรวจกับ อนันดา สำรวจเกี่ยวกับความต้องการของคนเราได้ ซึ่งทั้งหมดจะต้องมีในลักษณะเดียวกัน แต่ต้องมี โดยส่วนใหญ่จะต้องมี WiFi และสามารถใช้งาน Sensor ในการทำงานร่วมกับอุปกรณ์ต่าง ๆ และ ทำให้จะต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่อง Internet Of Thing ให้กับคนที่ใช้งานได้มากขึ้น

และหลังจากไตรมาส 2 ก็จะมีการนำ Internet Of Thing มาใช้มากขึ้น แม้ว่าในโรงแรมตอนนี้ก็มีใช้งานบ้างก็ตาม ไม่แน่นะ สิ่งเหล่านั้นก็อาจจะทำให้ป้ายโฆษณาทักทายเราระหว่างขับรถอยู่ก็เป็นได้

อัลบั้มภาพ สรุปเรื่องราวที่เกิดขึ้นในงาน Samsung Forum 2016 เมื่อ Internet Of Thing กำลังบุกเมืองไทย ภาพที่ 1 / 62

สรุปเรื่องราวที่เกิดขึ้นในงาน Samsung Forum 2016 เมื่อ Internet Of Thing กำลังบุกเมืองไทย