[พรีวิว] Samsung Galaxy S7 และ S7 edge อัปเกรดให้สมบูรณ์แบบอีกขั้น
เรียกได้ว่าสิ้นสุดการรอคอยของ Samsung Galaxy S7 และ Galaxy S7 edge มีความน่าสนใจมากน้อยแค่ไหน และสิ่งที่เห็นนั้น อย่างที่คุณคิดหรือไม่ วันนี้ Sanook! Hitech มีโอกาสไปสัมผัสเครื่องจริงก่อนวางขายเลยบอกเล่าให้ฟังว่าน่าสนใจมากน้อยแค่ไหน มาดูกันได้ ณ บัดนี้
รายละเอียดสเปคของ Samsung Galaxy S7 และ Galaxy S7 edge
สีที่จำหน่ายในไทย ดำ Onix, Gold Patinum, White Peral
ขนาดตัวเครื่อง (S7) 142.4x69.6 7.9 มิลลิเตร (S7 edge) 150.9x72.6x7.7 มิลลิเมตร
น้ำหนัก S7 = 152 กรัม S7 edge 157 กรัม
CPU Exynos 8890 Octa Core 2.4GHz + 1.6GHz
GPU Mali T880
RAM 4GB
ความจำในตัว 32GB เพิ่มได้ด้วย Micro SD สูงสุด 2TB
รองรับ 4G Cat 9 3CA
ขนาดหน้าจอ S7 5.1 นิ้ว Super AMOLED QHD และ S7 edge 5.5 นิ้ว Super AMOLED QHD
กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล กล้องหลัง 12 ล้านพิกเซลพร้อม PDAF และ LED Flash
แบตเตอรี่ S7 3,000 mAh และ S7 edge 3,600 mAh รองรับ Fast Charger
มาดูรูปร่างกันก่อน แม้ว่าวินาทีแรกแทบไม่ได้แตกต่างอะไรจากเดิมสักเท่าไหร่นัก แต่จะเห็นได้ชัดเจนโดน Galaxy S7 จะใช้หน้าจอ 5.1 นิ้ว เท่าเดิม แต่ออกแบบให้มีมิติมากขึ้น พร้อมใช้หน้าจอแบบ 2.5D นอกจากนี้ยังทำให้ขอบหน้าจอที่เล็กลงอีกด้วย
ส่วน Galaxy S7 edge(เครื่องด้านขวา) นั้นเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน โดยขนาดของหน้าจอเพิ่มเป็น 5.5 นิ้ว ความละเอียด QHD เช่นเดียวกัน
ด้านบนมีกล้องหน้าขนาด 5 ล้านพิกเซล ไม่ว่าจะเป็น S7 หรือ S7 edge ก็ตาม
ด้านล่างมีปุ่ม Home พร้อมระบบสแกนลายนิ้วมือ พร้อมปุ่ม Recent และ Back อยู่ด้านหลัง
ด้านข้างซ้ายมีปุ่มปรับระดับเสียง
ด้านข้างขวามีปุ่ม Power ให้สามารถกดและใช้งานได้
ส่วนบนจะมีช่องใส่ซิมการ์ดพร้อม MicroSD ที่หลายคนรอคอยกันมานานแสนนานเลยทีเดียว ซิมการ์ดยังคงเป็นแบบ Nano SIM สามารถเปลี่ยนได้แบบ Hot Swap ไม่ต้องปิดเปิดเครื่องหใม่
ด้านล่างมีช่องเสียบ Micro USB และหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร และลำโพงด้านล่างของเรื่องวางตำแหน่งเดิมอย่างไม่ต้องสงสัย
ด้านหลัง การเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนเห็นจะเป็นเรื่องของกล้องที่ความนูนลดลงกว่าตัวเดิม พอสมควร พร้อมกับระบบวัดชีพจรและ Flash ที่เล็กลบงกว่าเดิมพอสมควร และตัวเครื่องยังโค้งรับกับมือ ถ้าสังเกตให้ดี มันก็เหมือน Note 5 ดี ๆ นี่เอง
ถ้าจะกล่าวโดยสรุปสำหรับรูปร่าง ผมว่ามันเป็นการนำของเดิมมาปรับปรุง เพื่อให้สามารถรับกับมือมากขึ้น และสามารถดูลงตัวต่อการออกแบบเครื่องได้ดี จับถนัดมือมากขึ้น ถือง่ายไม่หลุดมือเมือแต่ก่อน แม้จะหนักขึ้นเล็กน้อย แต่สิ่งที่ออกมานั้นผมว่า OK ขึ้น คืออยู่ร่วมกันได้
ประสิทธิภาพนั้น เนื่องจาก Samsung ไม่ได้ให้ทดสอบประสิทธิภาพผ่าน โปรแกรม Benchmark ใด ๆ จึงขอข้ามไปก่อน ในส่วนนี้ และติดตามอีกครั้งในรีวิวครับ แต่ให้ความจำในตัว 32/64GB เพิ่มความจำได้ เรียกได้ว่าพอซื้อใจผู้ใช้งานกลับมาได้อีกครั้ง [Update] : ล่าสุดได้ลองกดแล้ว ของ Antutu เท่านั้น แต่ไม่ได้ Capture Screen มา ผลคะแนนคือ S7 : 113,xxx คะแนน และ S7 edge : 99,xxx คะแนน ถ้าถามว่าทำไมคะแนน ถึงโดดห่างกันขนาดนั้น คำตอบคือ หน้าจอของ S7 นั้นเล็กกว่าทำให้การแสดงประสิทธิภาพนั้นมันก็ย่อมทำได้ดีกว่า นั่นเอง แต่ทั้งหมดนี้รีวิวจริง จะคะแนนสูงกว่านี้ Samsung เคลมไว้ และจะสูงกว่า Mate 8 ที่ทำได้ 134,xxx ซึ่งขึ้นนำอยู่
แต่สิ่งที่ประทับใจกว่าคือ แบตเตอรี้ของมันที่ใหญ่โตขึ้นกว่าเดิมจาก Galaxy S6 มีแค่ 2,550 mAh เป็น 3,000 mAh และ S7 edge 3,600 mAh ถือว่าใหญ่โตมากมาย พร้อมกับการรองรับความเร็วในการชาร์จไร้สาย และแบบมีสายได้
ลูกเล่นของ Samsung Galaxy S7 และ S7 edge นั้นให้มาค่อนข้างจัดเต็มเหมือนเคย แต่มีความเน้นเรื่องการถ่ายภาพมากขึ้นโดยเริ่มจาก
การกลับมาของการกันน้ำและกันฝุ่นระดับ IP68 ซึ่งทำให้สามารถนำไปลงน้ำได้ 1 เมตร 30 เซนติเมตร นาน 30 นาทีและไม่ต้องใช้ที่ปิดจุกแต่อย่างใด ซึ่งตัวเครื่องจะมีการตรวจสอบความชื้นที่ Micro USB เพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องช็อตนั่นเอง ซึ่งมีข้อห้ามเล็กน้อยคือ การเล่นน้ำทะเลต้องใช้น้ำสะอาดล้างก่อน หรือ น้ำตกที่มีแรงดันอาจจะกันไม่อยู่
นอกจากนั้นยังมีเทคโนโลยี Gore Tex กันน้ำเข้าในช่องลำโพง หูฟัง และส่วนต่าง ๆ ครบถ้วน และช่องเสียบการ์ดมียางซิล กันน้ำได้อีกด้วย
Always On Display ที่สามารถเลือกหน้าจอได้หลายแบบ โดยเฉพาะนาฬิกา ภาพนิ่ง และปฏิทิน รวมถึงเปลี่ยน Wallpaper มีการแสดงผลข้อมูลเท่าที่จำเป็นรวมทั้ง Notification ซึ่ง Samsung เคลมว่ากินแบตฯเพิ่มขึ้น 1% ต่อชั่วโมง
Secret Mode ทำงานเฉพาะ Browser เน้นเรื่องการเก็บความลับของเราไม่ว่าจะเป็นประวัติการเข้าเว็บ คำค้นหา หรือการตั้งรหัสผ่านได้อีกด้วย
Game Tools เป็นเครื่องมือเกี่ยวกับเรื่องเกม โดยเมื่อโหลดเกม จะเข้าไปอยู่ใจ Game Launcher ซึ่งสามารถสั่งทำงานภาพให้มี Respond ได้หลากหลาย ตั้งแต่เร็วสุดพลัง หรือจะเป็นการประหยัดสุดขีดก็ทำได้ นอกจากนี้ยังสามารถ Capture หน้าจอระหว่างการเล่นผ่านด่านและอารมณ์ได้ รวมถึงการแจ้งเตือนสายเรียกเข้าจะแสดงเป็นช่องเล็ก ๆ น่ารักเพื่อไม่รบกวน นอกจานั้น ยังสามารถสั่งปิดปุ่ม Recent และ Back ได้อีกด้วย รวมทั้งนำ Engine ประมวลผลกราฟิกรุ่นใหม่ที่ชื่อว่า Vulkan ทำให้การประมวลผลราบรื่นขึ้น
นอกจากนี้ในกล่องยังให้ USB OTG สามารถทำงานร่วมกับ Smart Switch ทำให้การถ่ายโอนข้อมูลได้รวดเร็วกว่าเดิม และยังใช้งานอื่น ๆ ได้เช่นการต่อกับ Flash Drive เป็นต้น
เฉพาะ S7 edge จะเพิ่มการทำงานของ edge screen ให้ทำงานได้เยอะขึ้นไม่ว่าจะเป็นการเรียก Apps ด่วน, คนโทรเข้าประจำ, Apps จากนักพัฒนา หรือ 3 rd party และมีเครื่องมือครบทั้งเข็มทิศ ไม่บรรทัด และฟีเจอร์ที่ชอบใช้ไม่ว่าจะเป็นกล้อง Sefie เป็นต้น เพิ่มความสะดวกมาอีกขั้น โดยไม่รู้ว่าฟีเจอร์นี้จะได้เห็นใน Galaxy S6 edge หลังจากอัพเป็น Android 6.0 หรือไม่
ในเรื่องของกล้องนั้น Samsung Galaxy S7 และ S7 edge จะได้ใช้ขนาด 12 ล้านพิกเซล แบบ Dual Pixel ที่นอกจากให้ความสว่างมาก ลด Noise ลงได้มาก เพราะเพิ่มรูรับแสงแบบ F1.7 และระบบ Phase Detection ทำให้การโฟกันนั้นทำได้รวดเร็วขึ้นแล้ว และยังคงเป็นเทคโนโลยีเดียวกับ Canon 70D พร้อมกับลูกเล่นใหม่ ๆ เช่น
- Motion Panorama หรือการถ่าย Panorama แบบ วีดีโอ ซึ่งจะเห็นคนที่ใช้ S7 และ S7 edge
- Hyperlapse ที่ช่วยถ่ายวีดีโอได้รวดเร็ว เหมือกับ Timelapse แต่แตกต่างที่ มันจะรู้ว่าจุดไหนต้องการให้ถ่ายเร็วหรือช้า
- Pro Mode มีเพิ่มจุดสีเขียวเพื่อรู้ว่ากล้องโฟกัสวัตถุนั้น ๆ แล้ว จุดนี้เหมือนกับกล้องโปรอย่าง Canon 70D
- นอกจากนี้ยังมีเคสที่สามารถใส่เลนส์ Wide และ Tele ได้ด้วย (แต่จะขายไทยหรือไม่ ลุ้นกันต่อไป)
ส่วนกล้องหน้านั้นความละเอียด 5 ล้านพิกเซลเท่าเดิม แต่มีการเพิ่มลูกเล่นใหม่ 2 รายการ
- Selfie Flash ให้แสงที่ดีกว่า iPhone 6s และ 6s Plus โดย Samsung เรียกว่าสี ivory
- Sport light เพิ่มมาใน Beauty Mode จัดแสดงเข้าซ้ายหรือหรือขวาทำให้มันดูไม่ Over จนเกินไป
(ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Samsung Galaxy S7 และ S7 edge)
สรุปจากที่ได้สัมผัส Samsung Galaxy S7 และ S7 edge
ถือว่าเป็นการปรับปรุงตัวเครื่องที่เน้นเรื่องฟีเจอร์ที่มองกับเรื่องการใช้งจริงมากกว่าที่จะเน้นความหวือหวากับที่แล้ว ๆ มานั่นเอง โดยการปรับปรุงหลัก ๆ แล้ว แค่เพิ่มเครื่องกันน้ำ หรือจะเป็น Always On Display และแบตเตอรี่ที่มากขึ้น ขนาดที่ใหญ่โตขึ้นมาก และการกลับมาของ Micro SD คงจะทำให้หลายคนจะกลับมาชอบอีกครั้ง แถมเรื่องกล้องที่เก่งขึ้นกว่าเดิมเลยล่ะ ส่วน Gear VR นั้นเชื่อมต่อได้ทันทีเลยครับ ถือว่าเป็นเรื่องดี
แต่ที่เหลือนั้นคือราคาที่ตอนนี้ยังไม่เปิดเผย แต่ถ้าฟันธง ไม่น่าจะต่างจากเดิมสักเท่าไหร่ ทั้งหมดนี้ลุ้นกันวางขายในวันที่ 11 มีนาคม ราคาจะเท่าไหร่ ซึ่งถ้าทราบแล้ว Sanook Hitech จะมาบอกเล่าอีกครั้งครับ
อัลบั้มภาพ 41 ภาพ