ซื้อ ไอโฟน (iPhone) มือสอง ต้องดูอย่างไร ถึงจะไม่โดนหลอก?
ทุกวันนี้โทรศัพท์มือถือและสมาร์ทโฟน แทบจะกลายเป็นปัจจัยที่ 5 ในชีวิตประจำวันไปแล้ว เนื่องจากความสามารถในการตอบสนองทุกการใช้งาน ทั้งโทรศัพท์ หรือบางรุ่นสามารถเป็นแท็บเล็ตขนาดเล็กได้ในตัว โดยหลักการเลือกซื้อโทรศัพท์มือถือ และสมาร์ทโฟนของแต่ละคน ย่อมแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความชอบ แบรนด์ และราคาเป็นสำคัญ
อย่างไรก็ดี ในปัจจุบัน มีสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ เปิดตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้ มือถือมือสอง ค่อนข้างเกลื่อนตลาด บางท่านที่มีกำลังทรัพย์เพียงพอ ก็ยอมที่ซื้อ มือถือมือหนึ่ง มาใช้งานมากกว่า เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาที่เกิดขึ้นในภายหลัง ในขณะที่บางท่าน มีงบประมาณไม่เพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อยากได้ iPhone มาใช้งานซักเครื่อง แต่ iPhone 6 ราคาเริ่มต้นค่อนข้างสูง ทำให้ ไอโฟนมือสอง กลายเป็นทางเลือกที่ดีอีกทางหนึ่ง แต่เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่า iPhone มือสองที่กำลังจะซื้อ ไม่เคยตกน้ำ ไม่ถูกย้อมแมวขาย ซึ่งในวันนี้ เว็บไซต์ techmoblog มีเคล็ดลับดีๆ ในการดู ไอโฟนมือสอง มาฝากกันครับ
ก่อนจะซื้อ iPhone มือสอง ต้องถามตัวเองก่อนว่า อยากได้รุ่นไหน ความจุเท่าไหร่?
iPhone มือสอง ที่ขายตามร้านค้าทั่วไป มีตั้งแต่ iPhone 4, iPhone 4S, iPhone 5, iPhone 5C, iPhone 5S, iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ยิ่งถ้าเป็นโมเดลเก่า ราคาจะถูกกว่า แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งานด้วยเช่นกัน ที่บอกว่า ต้องถามตัวเองก่อนว่า ต้องการ ไอโฟนมือสอง ความจุเท่าไหร่ เป็นเพราะว่า ไอโฟนทุกรุ่น ไม่สามารถเพิ่มหน่วยความจำในตัวเครื่องได้นั่นเอง
ยังมีการรับประกันเหลืออยู่หรือไม่?
การรับประกันตัวเครื่อง ถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นครับ ยิ่งเป็น ไอโฟนมือสอง แต่เหลือประกันด้วยแล้ว เป็นอะไรที่น่าสนใจครับ แต่เราจะทราบได้อย่างไรว่า ไอโฟนมือสอง ที่กำลังจะซื้อ หมดประกันเมื่อไหร่ สามารถเข้าไปเช็คได้ที่ เว็บไซต์ Apple ได้โดยตรง โดยใส่เลข serial number ลงไป ซึ่งเลข serial number นั้น สามารถดูได้จากข้างกล่อง (ถ้ามี) หรือเข้าไปที่ Settings > General > About แล้วเช็คดูว่า เหลืออีกกี่เดือน
ตัวเครื่องเคยตกน้ำมาหรือเปล่า?
ความชื้น เป็นอันตรายสำหรับ สมาร์ทโฟน ทุกรุ่น iPhone ก็เช่นกันครับ ซึ่งเราสามารถตรวจเช็คได้ว่า iPhone มือสอง ที่กำลังจะซื้อ เคยโดนน้ำ หรือตกน้ำมาหรือไม่ ให้ดูที่ แถบวัดความชื้น นั่นเอง ซึ่ง iPhone แต่ละรุ่น จะมีแถบวัดความชื้นอยู่แล้ว ซึ่งอยู่ตรงพอร์ตการเชื่อมต่อต่างๆ ถ้าหากตัวเครื่องเคยถูกความชื้น จะเปลี่ยนจากแถบสีขาว เป็นชมพู หรือสีแดงครับ ถ้าหากว่าเจอ ไอโฟนมือสอง แล้วแถบวัดความชื้นเปลี่ยนสีแบบนี้ ห้ามซื้อเด็ดขาด ถึงจะเป็นเครื่องมีประกันเหลืออยู่แล้ว ก็ไม่สามารถเคลมได้ เพราะหมดประกันทันทีครับ
มาดูกันว่า แต่ละรุ่น มีแถบวัดความชื้นอยู่ตรงไหนกันบ้าง
iPhone 6 / iPhone 6 Plus / iPhone 6/ iPhone 6S Plus
iPhone 5S / iPhone 5 / iPhone 5C
iPhone 4S / iPhone 4
iPhone 3G / iPhone 3GS
ตรวจสอบสภาพภายนอก และการเชื่อมต่อต่างๆ
เป็นเรื่องปกติครับ ถ้าหากมองหา ไอโฟนมือสอง ซักเครื่อง จะเจอเครื่องใหม่กิ๊กเอี่ยมอ่อง ไม่มีรอยเหมือนเครื่องใหม่ คงจะเป็นไปได้ยาก (เว้นแต่โชคดีจริงๆ) อันดับแรกดูว่า หน้าจอมีรอยมากน้อยแค่ไหน ลองเสียบสายชาร์จดูว่า เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ได้หรือเปล่า ชาร์จแบตเตอรี่เข้าหรือไม่ รวมไปถึงหูฟัง ต้องทดสอบว่ามีเสียงด้วยหรือไม่ จะซื้อทั้งที ต้องตรวจสอบให้ละเอียดครับ
เช็คหน้าจอว่ามี Dead Pixel หรือไม่
หลายท่านจะมองว่า Dead Pixel บนสมาร์ทโฟนคงไม่ใช่เรื่องสำคัญเท่าไหร่ แต่จริงๆ แล้ว ก็สำคัญไปไม่น้อยกว่าบนโน๊ตบุ๊คครับ ซึ่งสามารถเช็ค Dead Pixel ได้ที่ iPhone Dead Pixel Tester
ทดสอบการเข้าใช้งานอินเทอร์เน็ต ทั้ง Wi-Fi และเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ
ลองเช็คดูว่า iPhone มือสอง ที่กำลังจะซื้อ สามารถเข้าใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ตามปกติหรือไม่ โดยต้องตรวจสอบทั้งการเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi และเครือข่าย 3G ผ่านมือถือครับ
เช็คการใช้งานโทรศัพท์, ส่ง SMS และเซ็นเซอร์ต่างๆ
ตรวจสอบสัญญาณโทรศัพท์ ด้วยการส่ง SMS หาเพื่อน และเช็คการใช้งานโทรศัพท์ว่า สามารถได้ยินเสียงของคู่สนทนาได้อย่างชัดเจนหรือไม่ มีเสียงแตกซ่าหรือเปล่า และทางฝ่ายคู่สนทนา ได้ยินเสียงเราชัดเจนด้วยหรือไม่
นอกจากนี้ ขณะที่ทำการโทรออก ให้ตรวจสอบเซ็นเซอร์หน้าจอด้วย ถ้าหากแนบหูแล้วหน้าจอดับ แสดงว่าปกติครับ
เช็คแบตเตอรี่
ตรวจสอบว่า แบตเตอรี่เสื่อมหรือไม่ สามารถดูได้จาก Settings > General > Usage แล้วดูว่า ที่อัตราแบตเตอรี่ 100% สามารถใช้งานได้นานกี่ชั่วโมง และเปิดสแตนบายด์ได้นานกี่ชั่วโมง
ตรวจสอบการใช้งานกล้องทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
ทดสอบการถ่ายรูปด้วยกล้องด้านหน้า และกล้องด้านหลัง โดยให้ทดสอบถ่ายทุกโหมดครับ ทั้งภาพนิ่ง, วีดีโอ, ถ่ายภาพรัว, พาโนรามา รวมไปถึงการโฟกัสภาพในแต่ละจุด, การซูมภาพ และการถ่ายภาพด้วยไฟแฟลช นอกจากนี้ ในส่วนของการถ่ายวีดีโอ เมื่อเปิดดูจะต้องมีเสียงติดเข้ามาด้วย
ตรวจสอบปุ่ม Home, ปุ่มต่างๆ รอบตัวเครื่อง และการสแกนลายนิ้วมือ
ตรวจสอบปุ่มควบคุมการทำงานรอบๆ ตัวเครื่อง เช่น ปุ่มปรับระดับเสียง เมื่อกดแล้ว มีการแสดงผลที่หน้าจอหรือไม่ เสียงดังขึ้นหรือเบาลงหรือไม่ รวมไปถึงปุ่มปิดเสียง (ด้านบนปุ่มปรับระดับเสียง), ปุ่ม Power และปุ่ม Home ว่า ทำงานได้ปกติดีหรือไม่ ถ้าหากจะต้องกดปุ่มลงไปแรงๆ ให้หลีกเลี่ยงการซื้อ ไอโฟนมือสอง เครื่องนั้นอย่างเด็ดขาด เพราะเป็นสัญญาณว่า ปุ่มกำลังจะเสียแล้วนั่นเอง
และสำหรับ iPhone 5S, iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ที่มี Touch ID หรือระบบสแกนลายนิ้วมือเข้ามา ให้ลองทดสอบการสแกนลายนิ้วมือด้วยครับ โดยสามารถตั้งค่าได้ที่ Settings > General > Touch ID & Passcode > Touch ID
ซื้อ iPhone มือสอง ที่ไหนดี?
จริงๆ แล้ว พ่อค้าที่ขาย ไอโฟนมือสอง มีทั้งที่เป็นร้านค้า และผู้ใช้เอง ซึ่งอาจจะเป็นญาติเรา หรือคนรู้จักก็ได้ บางท่านอาจจะคิดว่า ถ้าซื้อ iPhone มือสอง จากคนรู้จัก คนสนิท เพื่อนฝูง อาจจะได้ของที่ดีกว่าไปซื้อตามร้านตู้ จริงๆ แล้วก็ถูกส่วนหนึ่ง แต่ไม่เสมอไปครับ ในขณะที่ร้านค้า มักจะขายให้ตามสภาพ 90% หรือ 95% ซึ่งจะมีราคาที่ต่างกันไป ทางที่ดี ควรหาร้านที่เชื่อใจได้นะครับ และพยายามขอนามบัตร และใบเสร็จเอาไว้ด้วย เผื่อเวลามีเครื่องมีปัญหา จะสามารถนำไปให้ร้านตรวจเช็คได้ทันทีครับ
สนับสนุนเนื้อหา: www.techmoblog.com