สิ่งที่ต้องทำ เมื่อ iPhone หาย ทำอย่างไร? ให้ได้คืน
[Tip & Trick] iPhone หาย ทำอย่างไร? วิธีตามหา iPhone หายให้ได้คืน พร้อมแนะสิ่งที่ต้องทำ เมื่อใช้ iPhone
iPhone หาย ทำยังไงดี? เชื่อได้เลยว่า หลายๆ ท่านคงจะประสบพบเจอกับประโยคคำถามดังกล่าว ทั้งเจอกับตัวเอง หรือแม้แต่เพื่อนฝูงและคนรอบข้าง แน่นอนครับว่า ปัญหาเรื่อง มือถือหาย เป็นเรื่องที่สามารถพบเจอได้บ่อย และมีหลากหลายสาเหตุด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น ลืมทิ้งไว้, ทำหล่นหาย หรือแม้แต่ถูกขโมยไป
ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้ มักจะเกิดขึ้นจากความประมาท และไม่ได้ตั้งใจ และเชื่อว่าคงไม่มีใครอยากทำ โทรศัพท์มือถือหาย กันอย่างแน่นอน บางท่านที่ทำ iPhone หาย มักจะคิดว่า ไม่ได้คืนแล้วอย่างแน่นอน แต่ในความจริงแล้ว เราสามารถ ติดตาม iPhone ที่หายไปคืนได้ ผ่านทางแอปพลิเคชันที่มีชื่อว่า Find My iPhone นั่นเอง
Find My iPhone ถือว่า เป็นแอปพลิเคชันสำคัญ ที่ผู้ใช้ iPhone รวมไปถึง iPad จำเป็นต้องมีไว้ติดเครื่อง ซึ่งสามารถระบุพิกัดของ iPhone ได้ ผ่านทาง GPS นั่นเอง นอกจาก Find My iPhone แล้ว ยังมี iCloud ที่ยังสามารถเข้าถึงข้อมูลบางส่วนของ iPhone ได้ ถ้าหากมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอยู่ อย่างไรก็ดี Find My iPhone จะไม่สามารถใช้งานได้ ถ้าหาก ตัวเครื่องถูกปิดการใช้งาน, ไม่ได้มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต, อยู่ในโหมด Airplane Mode และยังไม่ได้ทำการเปิดใช้งาน Find My iPhone ครับ
ท่านที่อ่านมาถึงบรรทัดนี้ อาจจะเกิดข้อสงสัยว่า ถ้าหาก iPhone ที่ถูกขโมย ถูกปิดเครื่องไปแล้ว จะสามารถติดตามหา iPhone ที่หายไปได้อย่างไร จริงๆ แล้วยังพอมีวิธีอยู่บ้าง ซึ่งจะกล่าวเป็นลำดับถัดไปครับ
วิธีการป้องกัน ไม่ให้ผู้ที่ไม่ประสงค์ดี ล้วงข้อมูลส่วนตัวบน iPhone ไป นั่นก็คือ การตั้งรหัสผ่าน 4 หลัก หรือ Passcode นั่นเอง และไม่ควรบอกรหัสผ่านกับใคร แม้ว่าจะเป็นบุคคลที่สนิทสนมด้วยก็ตาม อีกทั้ง ไม่ควรตั้งรหัสผ่านตามรหัสบัตร ATM ด้วยนะครับ เพราะมิเช่นนั้น นอกจากจะสูญ iPhone แล้ว อาจจะสูญเงินในบัญชีด้วยเช่นกัน
แต่สำหรับบน iPhone 5S, iPhone 6 และ iPhone 6 Plus จะมี Touch ID หรือเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ เพิ่มเข้ามาด้วย ซึ่งควรจะเปิดใช้งานควบคู่กับ รหัส Passcode และอย่าให้คนนอก มาเพิ่มลายนิ้วมือในตัวเครื่อง
วิธีการเปิดใช้งาน Passcode
1) เข้าไปที่ Settings > Passcode
2) เลือก Turn Passcode On
3) จากนั้น ระบบจะให้ใส่รหัสผ่าน 4 หลัก ทั้งหมด 2 ครั้ง และให้ใส่เหมือนกันทั้ง 2 ครั้ง เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
นอกจากการตั้งรหัสผ่าน Passcode แล้ว ให้เปิดใช้งาน Find My iPhone เป็นลำดับถัดไป โดยจะต้องใส่ Apple ID และรหัสผ่าน นอกจากนี้ อย่าลืมเปิด Location Services และเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตด้วยนะครับ อันนี้ถือว่าสำคัญมาก เพราะถ้าหากปิดใช้งาน Location Services จะไม่สามารถค้นหาตัวเครื่องที่หายได้เช่นกัน
และสุดท้าย ให้จดหมายเลข IMEI ของตัวเครื่อง (วิธีการเช็คหมายเลข IMEI คลิกที่นี่) ด้วยการกด *#06# ก็จะปรากฏเลข IMEI จำนวน 15 หลัก ซึ่งเลข IMEI นี้ สามารถนำไปตรวจสอบกับผู้ให้บริการอย่าง dtac, TrueMove H และ AIS ได้เช่นกัน
ก่อนที่เราจะทำการค้นหา iPhone ที่หาย ผ่านทางแอปพลิเคชัน Find My iPhone อันดับแรกก็คือ พยายามตั้งสติ และนึกก่อนว่า ลืม iPhone ทิ้งไว้ที่ไหนหรือไม่ อย่างเช่น ร้านอาหาร, บ้านเพื่อน หรือบนรถแท็กซี่ และลองโทรเข้าหา iPhone เครื่องที่หายไปเสียก่อน แต่ถ้าหากไม่สามารถติดต่อได้ ให้ทำการค้นหาผ่านทาง Find My iPhone ครับ
เข้าไปที่ icloud.com แล้วล็อกอินด้วยการใส่ Apple ID พร้อมรหัสผ่าน
จากนั้น เข้าไปที่แอปพลิเคชัน Find My iPhone
โดยหน้านี้ จะเป็นลักษณะคล้ายกับแผนที่ ซึ่งจะมีการระบุตำแหน่งของ อุปกรณ์ Apple ที่เรามีทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น MacBook, iPhone หรือว่า iPad นั่นเอง
นอกจากนี้ ที่มุมบนขวา จะมีเมนูย่อยๆ ให้เลือกใช้งานอีก 3 เมนูด้วยกัน ได้แก่
• Play Sound : เมื่อกดที่ปุ่ม Play Sound อุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น iPhone หรือ iPad จะมีเสียงดังขึ้นมา แม้ว่าตัวเครื่องจะปิดเสียงไว้ก็ตาม ซึ่งวิธีนี้ สามารถใช้กับ iPhone หรือ iPad ที่หาไม่เจอ เมื่อถูกลืมทิ้งไว้ในบ้านนั่นเอง
• Lost Mode : เมื่อกดใช้งาน Lost Mode จะมีหน้าจอให้ใส่เบอร์โทรศัพท์ และข้อความ และจะทำการส่งไปยังหน้าจอ iPhone เครื่องที่เราทำหาย และมีผู้เก็บได้ ซึ่งผู้ใช้ควรจะทำการระบุข้อมูลให้ครบถ้วน โดยเฉพาะเบอร์โทรศัพท์ติดต่อกลับ
• Erase iPhone : ใช้ลบข้อมูลทุกอย่างที่มีอยู่ในตัวเครื่อง เพื่อป้องกันข้อมูลรั่วไหล
นอกจาก Find My iPhone จะช่วยสามารถตามหา iPhone ที่หายไปได้แล้ว เลข IMEI ถือว่า เป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยตามหา iPhone ได้เช่นกัน โดยเฉพาะในกรณีที่ iPhone แบตเตอรี่หมด หรือตัวเครื่องถูกปิดไปนั่นเอง
โดยเจ้าของเครื่อง จะต้องเตรียมเอกสารและหลักฐานการเป็นเจ้าของ iPhone เครื่องที่หายไป ไม่ว่าจะเป็น ตัวกล่อง, ใบเสร็จรับเงิน รวมไปถึงเลข IMEI ที่สามารถดูได้จากข้างกล่อง พร้อมกับนำหลักฐานทั้งหมด ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ เมื่อเสร็จสิ้นแล้ว ให้นำเอกสารแจ้งความ ไปยื่นยังฝ่ายกฏหมายของผู้ให้บริการเครือข่าย ตามเครือข่ายที่เราใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น TrueMove H, dtac หรือ AIS เพื่อทำการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม
และเมื่อใดที่ iPhone ที่ถูกขโมย มีการเปิดใช้งาน จะมีข้อมูลแจ้งไปยัง ผู้ให้บริการเครือข่ายรายนั้นๆ ซึ่งระหว่างนี้ ให้เราพยายามติดต่อสอบถามทาง ผู้ให้บริการเครือข่าย บ่อยๆ เพราะถ้าหากมีการเปิดใช้งาน จะสามารถค้นหาพิกัดได้ และนำข้อมูลเหล่านั้น ไปแจ้งยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อทำการติดตามเครื่องต่อไปครับ
แม้ว่าจะเช็คข้อมูลผ่านทาง Find My iPhone หรือตรวจสอบกับทางผู้ให้บริการแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถติดตามตัวเครื่องได้ ทางที่ดี ผู้ใช้ควรจะทำการเปลี่ยนรหัสผ่านทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น Apple ID, บัญชีอีเมล รวมไปถึงรหัสผ่านอื่นๆ อย่างเช่น Facebook, Twitter เพื่อความปลอดภัยของข้อมูลทั้งหมดครับ
ทิ้งท้ายไว้กันสักเล็กน้อย สำหรับผู้ใช้งาน iPhone หรือ iPad ควรจะเปิดใช้งาน Find My iPhone และตั้งรหัสผ่านตัวเครื่องเสมอ แม้ว่าบางท่านอาจจะคิดว่า เป็นคนระมัดระวังอยู่แล้ว ถึงอย่างไรก็ไม่มีทางทำ iPhone หายได้ แต่อุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้เสมอแบบไม่คาดคิดครับ ฉะนั้น เมื่อซื้อ iPhone มาใช้งานใหม่ อย่าลืมทำ 3 ขั้นตอนนี้ก่อนทุกครั้ง นั่นก็คือ ตั้งรหัสผ่าน Passcode เข้าตัวเครื่อง, เปิดใช้งาน Find My iPhone และจดเลข IMEI สำหรับตรวจสอบ ซึ่ง 3 ขั้นตอนนี้ ทำให้ผู้ที่ทำ iPhone หาย สามารถติดตามหาเครื่องที่หาย และได้คืนมาแล้วหลายรายเลยทีเดียว
บทความโดย : techmoblog.com