รีวิว Huawei P9 มือถือเรือธงของ Huawei ที่ได้กล้องหลังคู่จาก Leica แต่ราคาไม่แพง

24 มิ.ย. 59 (10:40 น.) พิมพ์

แชร์เรื่องนี้

แชร์เรื่องนี้Line Twitter Facebook

สำหรับมือถือที่จะรีวิวในครั้งนี้ แค่ดูชื่อรุ่นหลายคนที่เฝ้ารอซื้อ หรือ ซื้อไปก่อนคงจะพูดถึงเรื่องกล้องและคุณภาพของตัวเครื่องเรียกว่า Huawei ทำได้ดีแล้ว แต่จะดีแค่ไหนและ OK ในสายตาทีมงาน Sanook! Hitech อย่างที่เคยทำเปรียบเทียบกล้องไปแล้วหรือเปล่า มาดูกับรีวิว Huawei P9 กันเลยดีกว่า

รายละเอียดของ Huawei P9 (EVA-L19)

- ขนาดตัวเครื่อง 145 x 70.9 x 7 มิลลิเมตร

- สีตัวเครื่อง ทอง, เงิน, ดำ

- น้ำหนัก 144 กรัม

- CPU HiSilicon Kirin 955 Quad-core 2.5 GHz Cortex-A72 & quad-core 1.8 GHz Cortex-A53

- GPU Mali T880 MP4

- RAM 3GB

- ความจุในตัว 32GB

- เพิ่มความจำได้ด้วย Micro SD 256GB

- ความถี่ 2G 850 / 900 / 1800 / 1900

- ความถี่ 3G 850 / 900 / 1700(AWS) / 1900 / 2100 HSDPA

- ความถี่ 4G LTE band 1(2100), 3(1800), 4(1700/2100), 7(2600), 20(800), 38(2600), 39(1900), 40(2300) Cat 6 300/50 Mbps

- WiFi 802.11 b/g/n/ac , Bluetooth V4.1

- หน้าจอ 5.2 นิ้ว IPS-NEO LCD ความละเอียด 1080x1920

- กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล

- กล้องหลัง 12 ล้านพิกเซล เลนส์คู่ Leica พร้อมกับรูรับแสง F 2.2 + Laser Focus, LED Flash คู่

- แบตเตอรี่ 3000 mAh

- ระบบปฏิบัติการ Android 6.0 Marshmallow

รูปร่าง

ด้านหน้าของ Huawei P9 ออกแบบได้แยกส่วนระหว่างหน้าจอและตัวเครื่องได้ชัดเจน แต่สำหรับสีดำนั้นจะดูกลมกลืนเหมือนกับ iPhone พอสมควร ตรงกลางเด่นด้วยหน้าจอขนาด 5.2 นิ้วแบบ NEO-IPS LCD ความละเอียด 1920x1080 ที่ผมมองว่ามันกำลังพอดีแล้ว รองรับมัลติทัชสูงสุด 10 จุด

ส่วนบน เซนเซอร์ต่าง ๆ และกล้องหน้าขนาด 8 ล้านพิกเซล และมีไฟแจ้งสถานะอยู่ภายในหูสนทนา

ส่วนล่างมีปุ่ม Back Home Recent ฝั่งอยู่ในหน้าจอ สามารถปรับเปลี่ยนได้ พร้อมโลโก้ Huawei

ด้านข้างออกแบบด้วยเฟรมอะลูมิเนียมที่ทำออกมาได้ดูสวยและยังปาดขอบให้สามารถถือเครื่องได้มั่ยใจมากขึ้น โดยฝั่งซ้ายจะมีช่องใส่ซิมแบบ Nano SIM 2 ช่อง และสามารถสลับใส่ Micro SD

ข้างขวามีปุ่มปรับระดับเสียงและปุ่ม Power ที่มีการกัดลายอย่างชัดเจน ส่วนเส้นทั้งบนและล่างนั้นคือเสาอากาศของเครื่อง

ด้านบนมีแค่ไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน

ด้านล่างมีช่องเสียบ Port USB-C, ลำโพงเครื่อง, ช่องเสียบหูฟัง และไมโครโฟนสนทนา

ด้านหลัง มาพร้อมกับกล้องหลังคู่ เลนส์จาก Leica ขนาด 12 ล้านพิกเซล พร้อมกับ LED Flash แบบ Truetone และ Laser Focus นอกจากนี้มีระบบสแกนลายนิ้วมือ และคำว่า Huawei แปะข้างล่างดูเรียบร้อย

ภาพรวมของ Huawei P9 ถือว่าเป็นเครื่องที่ออกแบบได้เรียบร้อย จับได้ถนัดมือ น้ำหนักเบาพกพาง่าย แต่บางครั้งรู้สึกว่า ดีไซน์แบบนี้มันดูเรียบจนไม่มีจุดเด่นสักเท่าไหร่ แต่พูดได้เลยว่า ถ้าไม่ได้แคร์เรื่องเหมือนรุ่นอื่นหรือไม่ Huawei P9 ก็จะเป็นมือถืออีกรุ่นสวยดูดีอยู่ไม่เบา

ประสิทธิภาพของ Huawei P9

จากภาพการทดสอบ Benchmark ที่เห็นคะแนนของ Antutu นั้นทำได้อยู่ที่ 89,126 คะแนน ถือว่าเกาะกลุ่มกับรุ่นที่มีราคาแพงพอสมควร ดังนั้นการใช้งานทั่วไปดูลื่นไหลและใช้กำลังดี เล่นเกมที่ใช้แรงเครื่องเยอะ จะให้ความรู้สึกที่ดี ความร้อนที่เกิดจากเครื่อง มีบ้างแต่ไม่ได้เยอะมากมายนัก

ส่วนแบตเตอรี่ให้ขนาดมาที่ 3000 mAh ดูเหมือนตัวเลขจะเยอะ และใช้งานได้นาน แต่ความเป็นจริงแล้วเจอการทดสอบ Benchmark แบตเตอรี่เข้าไปทั้ง 2 โปรแกรมเข้าไป อยู่ได้นานสุด 4 ชั่วโมงเท่านั้น ถือว่าน้อยแต่ผมรู้สึกเมื่อใช้งานจริง กลับได้นานถึงเย็นได้อย่างสบาย ดังนั้นแล้ว การเล่นเกมเยอะจะให้แบตฯหมดไว และยังมีระบบจัดการพลังงานมาให้

คุณสมบัติลูกเล่นที่น่าสนใจ

Huawei P9 ใช้ระบบปฏิบัติการ Android 6.0 Marshmallow แต่มีการครอบ EMUI รุ่นใหม่ มันลื่นไหลดีมากพอสมควร สามารถปรับแต่งได้และส่วน Notification มีแยกทั้ง Shortcut และ การแจ้งเตือน

ลูกเล่นเด็ด ๆ ของ Huawei P9 นั้นมีมากมายตั้งแต่ Gesture ที่สามารถเลือกใช้งานได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการถือเครื่องลดเสียง, แนบหูรับสาย, เคาะเพื่อ Capture หน้าจอ ระบบเสียงสั่งงาน

ในเรื่องของระบบสแกนลายนิ้วมือที่ออกแบบสามารถจับได้ละเอียดมากขึ้น นอกจากสามารถสั่งงานได้หลากนิ้วและได้หลายงานไม่ว่าจะเป็นการปลดล็อค สั่งรับสาย, หยุดนาฬิกาปลุก แสดง Notification รวมถึงการสังการเข้า Apps ได้เช่นกัน

ในเครื่องมืออื่น ๆ นั้น Huawei P9 ให้ระบบเครื่องเล่นเพลงที่ดีขึ้นมาก ถ้าได้หูฟังดี ๆ สักตัวคุณจะเพลินกับเสียงเพลงของเครื่องรุ่นนี้ และจะมีเรื่องของเครื่องคิดเลข, ปฏิทิน สมุดจด, เครื่องคิดเลข, ไฟฉาย, ปฏิทิน, Phone Manager และอีกมากมาย เรียกว่ามันจัดเต็มเลยดีกว่า

มาในเรื่องของกล้องสำหรับ Huawei P9 ซึ่งเป็นจุดเด่นและจุดขายสำคัญที่หลายคนชอบแน่นอน นั่นคือ กล้องหล้งความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมกับ Phase Detection Auto Focus และ การโฟกัสแบบต่อเนื่องรวมกัน ทำให้ P9 ทำความเร็วโฟกัสได้ดีขึ้น แต่ทั้งหมดนี้ยังได้ Laser Focus และเลนส์ Leica SUMMARIT คู่ที่รูรับแสง F2.2

การทำงานของกล้องตัวนี้เลนส์ทั้ง 2 ตัวจะทำงานพร้อมกัน โดยเลนส์ตัวแรกจะเป็นเลนส์ถ่ายภาพปกติจะอ่านค่าสีออกทั้งขาวดำ, และ RGB ที่ใช้งานปกติ แต่เลนส์ที่ 2 จะรองรับสี Monochrome หรือ ขาวดำ เท่านั้น ทำให้เมื่อกล้องทั้งคู่รวมการประมวลผลภาพจึงได้ออกมาเป็นสีที่สมจริงอย่างที่เห็น ลูกเล่นของกล้องนั้นจะเปลี่ยน Mode ให้ปัดไปทางซ้าย และจะมีลูกเล่นมากมาย รวมถึงการทำภาพแบบ Beauty ได้อีกด้วย รวมถึงสามารถถ่ายภาพแบบ RAW File ได้เช่นกัน ส่วนหนึ่งของ UI ปรับง่ายแบบนี้เพราะ การร่วมมือการพัฒนาระหว่าง Huawei และ Leica นั่นเอง ในการถ่ายวีดีโอ Huawei P9 ทำได้ที่ความละเอียดสูงสุด Full HD เท่านั้น

และกล้องหน้าของ Huawei P9 ขนาด 8 ล้านพิกเซล พร้อมกับรูรับแสง F2.4 ที่ถ่ายภาพที่แสงน้อยไม่ได้โดดเด่นมาก แต่ด้วย Mode ลูกเล่นต่าง ๆ มีให้ครบทั้ง Beauty Mode สามารถปรับได้เยอะ ถ่ายวีดีโอยังตั้งแบบ Beauty ได้ แถม Panorama Selfie ยังทำงานได้ด้วย ภาพออกมาเนียนและสวยงาม แต่ถ้าต้องการมากกว่านี้ต้องจัด Huawei P9 Plus

(ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Huawei P9)

สรุปจากการลองใช้ Huawei P9

เรียกว่าตื่นเต้นตั้งแต่ข่าวหลุดและไปจนถึงเทคโนโลยีของกล้องที่จับมือกับ Leica และเมื่อตัวจริงเปิดตัว สิ่งที่ให้มานั้นก็ไม่ผิดหวัด เช่นเรื่องการถ่ายภาพที่ให้สีตรง แม้ว่าการรับแสงอาจจะด้อยกว่าคู่แข่ง นอกจากนั้น เรื่องเสียงและความเสถียรของ ROM ทำให้มันน่าใช้มากขึ้น แต่แบตเตอรี่อาจจะยังไม่ทนทานพอก็ทำให้คนที่ต้องการใช้มือถือหนัก

และราคาของ Huawei P9 อยู่ที่ 16,990 บาทเรียกได้ว่าออกมาทุบตลาดทั้งหมดเลยก็ว่าได้ และถือว่าเป็นราคาที่คนอยากได้มือถือที่มีพร้อมทุกอย่างจับจ้องได้ง่าย แต่ถ้าต้องเทียบจริง ๆ แล้วจะเจอกับ LG G5 SE, Sony Xperia X, Samsung Galaxy S7 รวมไปถึง iPhone 6s ซึ่งมีราคาที่สูงกว่าทั้งหมด ถ้าต้องการเครื่องที่จบทุกอย่าง และแถมได้ประกันเมื่อเสียซ่อม 1 ชั่วโมง แล้วไม่เสร็จ เปลี่ยนเครื่องใหม่เลย Huawei P9 ก็เป็นคำตอบที่ดี

แต่ถ้าเครื่องนี้ยังตอบโจทย์ทั้งขนาดและประสิทธิภาพไม่พอ คุณสามารถเพิ่มเงินไปที่ 21,990 บาท กับรุ่น P9 Plus ที่ได้กล้องหน้า Auto Focus, จอใหญ่ 5.5 นิ้ว ความจำในตัว 64GB และ RAM 4GB หวังว่าคงจะพอนะครับ

ข้อดี