อาลีบาบา กรุ๊ป เผยยอดขาย 1.207 แสนล้านหยวน จากมหกรรมช้อปปิ้ง “11.11

อาลีบาบา กรุ๊ป เผยยอดขาย 1.207 แสนล้านหยวน จากมหกรรมช้อปปิ้ง “11.11

อาลีบาบา กรุ๊ป เผยยอดขาย 1.207 แสนล้านหยวน จากมหกรรมช้อปปิ้ง “11.11
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

อาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง ลิมิเต็ด เผยว่าบริษัทสามารถทำยอดซื้อขายสินค้ารวมมูลค่ากว่า 1.207 แสนล้านหยวน (1.78 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ) ผ่านทางช่องทางค้าปลีกของบริษัทสำหรับลูกค้าในประเทศจีนและทั่วโลก และระบบชำระเงินออนไลน์ อาลีเพย์ ในมหกรรม "11.11 โกลบอล ช้อปปิ้ง เฟสติวัล" เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยจากยอดซื้อขายสินค้ารวมทั้งหมดนี้ มียอดซื้อขายผ่านอาลีเพย์บนอุปกรณ์พกพาคิดเป็นอัตราส่วนถึงร้อยละ 82

"มหกรรมช้อปปิ้ง 11.11 ในปีนี้ ถือเป็นการเผยโฉมอนาคตของวงการค้าปลีกในยุคหน้า ที่จะผสมผสานทั้งความบันเทิง การค้าขาย และการโต้ตอบกับผู้บริโภคในรูปแบบใหม่ๆ ให้เกิดเป็นประสบการณ์ที่หลากหลายอย่างลงตัว" นายแดเนียล จาง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของอาลีบาบา กรุ๊ป กล่าว "ตลอดในทุกช่วงของการจัดงาน ไม่ว่าจะเป็นการจัดกิจกรรมช่วงก่อนเริ่มงาน งานกาล่านับถอยหลัง หรือตัวงานมหกรรมช้อปปิ้งระดับโลก 24 ชั่วโมงนี้ เราพบว่ามีการติดต่อสื่อสารและโต้ตอบกันระหว่างผู้บริโภคและผู้ขายสินค้าอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน มหกรรม 11.11 เป็นเครื่องสะท้อนให้เห็นถึงอนาคตในยุคที่ธุรกิจค้าปลีกในโลกออนไลน์และออฟไลน์จะพลิกโฉมจนเกิดเป็นประสบการณ์ช้อปปิ้งรูปแบบใหม่ สำหรับลูกค้าหลายร้อยล้านคนที่คุ้นเคยและสนใจในเทคโนโลยีโมบายและดิจิทัล"

ในช่วงเวลาไม่กี่ชั่วโมงก่อนการเปิดฉากมหกรรมช้อปปิ้ง 11.11 อย่างเป็นทางการ ณ เวลาเที่ยงคืนวันที่ 11 พฤศจิกายน อาลีบาบา กรุ๊ป ได้ทำการถ่ายทอดสดงานกาล่านับถอยหลังให้ผู้ชมนับล้านได้ติดตามผ่านทางช่องทางออนไลน์และสมาร์ทโฟน ด้วยแอพ Youku Tudou, Tmall และ Taobao ทั้งยังมีการถ่ายทอดสดให้ชมกันทั่วประเทศจีนทางสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมเจ้อเจียง ควบคู่ไปกับการแพร่ภาพสดในฮ่องกงและมาเก๊าเป็นครั้งแรก สำหรับงานกาล่านับถอยหลังนี้ จัดขึ้นที่ศูนย์กีฬาเซินเจิ้น ยูนิเวอร์ซิเอด ในเมืองเซินเจิ้น ทางตอนใต้ของประเทศจีน โดยมีแขกรับเชิญระดับซูเปอร์สตาร์จากทั่วโลกเข้าร่วมงานมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เดวิด-วิคตอเรีย เบ็คแฮม  สการ์เลตต์ โจแฮนส์สัน  โคบี ไบรอันท์ และโธมัส มุลเลอร์ เป็นต้น

"ในปีนี้ เราได้สร้างสรรค์ประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้ชมที่ติดตามการถ่ายทอดสดงานกาล่านับถอยหลังของเรา โดยผู้ชมทุกท่านจะสามารถมีส่วนร่วมกับการแสดงบนเวทีได้แบบสดๆ ผ่านทางโทรศัพท์มือถือ" คริส ถัง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด อาลีบาบา กรุ๊ป กล่าวเสริม "ผู้บริโภคที่รับชมการถ่ายทอดสดอยู่หน้าจอโทรทัศน์สามารถเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงได้ด้วยการเขย่าหรือจิ้มหน้าจอโทรศัพท์ ทั้งยังสามารถสแกนรหัสโปรโมชั่น พูดคุยกับผู้ชมท่านอื่น หรือเลือกซื้อสินค้าได้โดยตรง จนเกิดเป็นประสบการณ์ความบันเทิงที่สมบูรณ์แบบในทุกด้าน"

หลังจากที่เปิดฉากมหกรรมช้อปปิ้ง 11.11 ไปได้เพียง 5 นาที ยอดซื้อขายสินค้าที่ชำระเงินผ่านทางอาลีเพย์ได้พุ่งสูงขึ้นเกินกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ (6.8 พันล้านหยวน) ก่อนที่จะทะยานไปแตะระดับ 5.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ (3.53 หมื่นล้านหยวน) ในเวลาเพียง 1 ชั่วโมง

"ผู้บริโภคชาวจีนได้สั่งซื้อสินค้าในช่วง 1 ชั่วโมงแรกของมหกรรม 11.11 ในปีนี้ คิดเป็นมูลค่ามากกว่ายอดการซื้อขายตลอด 24 ชั่วโมงในมหกรรม 11.11 ปี 2556 เสียอีก การเติบโตอย่างก้าวกระโดดนี้สะท้อนให้เห็นถึงพัฒนาการที่น่าทึ่งของมหกรรมช้อปปิ้งของเรา โดยระดับความสนใจและการมีส่วนร่วมของผู้บริโภคในครั้งนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงศักยภาพการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคชาวจีนได้เป็นอย่างดี ทั้งยังเน้นย้ำให้เห็นว่าการช้อปปิ้งออนไลน์เป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตของพวกเขา"

ไฮไลท์สำคัญจากมหกรรม "11.11 โกลบอล ช้อปปิ้ง เฟสติวัล" ประจำปี 2559

- มูลค่าการซื้อขายที่ชำระเงินผ่านทางอาลีเพย์ สูงกว่า 1.207 แสนล้านหยวน (1.78 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ) ซึ่งเพิ่มขึ้นจากยอดในปี 2558 ถึงร้อยละ 32
- มูลค่าการซื้อขายผ่านอุปกรณ์พกพาที่ชำระเงินผ่านอาลีเพย์ สูงถึง 9.9 หมื่นล้านหยวน (1.46 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ) หรือคิดเป็นร้อยละ 82 ของยอดการซื้อขายรวมทั้งหมด ซึ่งสูงกว่าอัตราส่วนร้อยละ 69 ในปีก่อนหน้า
- อาลีบาบา คลาวด์ ประมวลผลคำสั่งซื้อที่อัตราสูงสุดถึง 175,000 คำสั่งต่อวินาที
- อาลีเพย์ รองรับการทำธุรกรรมทางการเงินรวมทั้งสิ้นกว่า 1 พันล้านรายการตลอดวัน โดยมีอัตราการประมวลผลสูงสุดที่ 120,000 รายการต่อวินาที
- ไช่เหนี่ยว เน็ตเวิร์ค ได้รับคำสั่งส่งสินค้ารวมกว่า 657 ล้านรายการ ผ่านทางช่องทางค้าปลีกของอาลีบาบา ทั้งในประเทศจีนและต่างประเทศ

 

มหกรรมช้อปปิ้ง 11.11 ในปี 2559 นี้ ถือเป็นมหกรรมช้อปปิ้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในระดับโลก นับตั้งแต่การถือกำเนิดขึ้นของเทศกาล 11.11 ในปี 2552 จึงทำให้ผู้บริโภคชาวจีนสามารถเลือกซื้อสินค้าจากแบรนด์ต่างๆ ทั่วโลก ทั้งนี้ มีการซื้อขายสินค้าข้ามประเทศครอบคลุมทั้งสิ้นกว่า 235 ประเทศทั่วโลก โดยที่ราวร้อยละ 37% ของฐานลูกค้าทั้งหมดเลือกสั่งซื้อสินค้าจากแบรนด์หรือผู้ขายจากต่างประเทศ

 

สำหรับประเทศที่มีมูลค่าการขายสินค้าให้ผู้บริโภคจีนสูงสุด ได้แก่ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และเยอรมนี ขณะที่แบรนด์ที่ทำยอดขายได้ดีที่สุดในแต่ละภูมิภาค มีดังต่อไปนี้:

- แบรนด์จากสหรัฐอเมริกา: แอปเปิล ไนกี้ นิวบาลานซ์ เพลย์บอย สเก็ตเชอร์ส
- แบรนด์จากยุโรป: ซีเมนส์ ฟิลิปส์ อาดิดาส แจ็ค โจนส์ โอนลี่
- แบรนด์จากญี่ปุ่น: ยูนิโคล่ พานาโซนิค ชาร์ป โซนี่ เอสเค-ทู
- แบรนด์จากออสเตรเลีย / นิวซีแลนด์: ยีนส์เวสท์ อักก์ สวิสส์ แมคโคร แบล็คมอร์ส

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook