รีวิว Jabra Elite Sport หูฟังไร้สายกับฟีเจอร์วัดชีพจรสุดแม่นยำ
หลังจากที่เคยรีวิวหูฟัง Jabra Sport Pace ถือว่าเป็นรุ่นเริ่มต้น แต่ด้วยกระแสของหูฟังไร้สายที่มาแรงโดยเฉพาะ AirPods ทำให้ Jabra เผยเทคโนโลยีหูฟังรุ่นใหม่ออกมา รุ่นที่จะรีวิวต่อไปนี้คือ Jabra Elite Sport หูฟังไร้สายรุ่นใหม่ล่าสุดชื่อดังจากประเทศเดนมาร์ค
Jabra Elite Sport ได้รับการออกแบบเป็นอย่างดีเน้นการสวมใส่สบายและความคล่องตัวเพื่อให้รองรับได้หลากหลายกิจกรรมไม่ว่าจะเป็นการเดินทาง ออกกำลังกาย วิ่ง ปั่นจักรยาน หรือ โยคะ ก็สามารถสวมใส่ได้อย่างมั่นใจและสามารถปรับ ear wing ในรูปแบบต่างๆที่อยู่ในแพคเกจเพื่อปรับให้เหมาะสมกับการสวมใส่ของแต่ละคนได้อีกด้วย
คุณสมบัติเด่นของ Jabra Sport Pace
- หูฟังไร้สายเต็มรูปแบบ
- วัดอัตราการเต้นของหัวใจ
- ป้องกันเหงื่อและละอองน้ำด้วยมารตฐานการป้องกัน IP67
- ไมค์โครโฟน 4 ตัว เพิ่มความชัดเจนในทุกสภาพแวดล้อม
- น้ำหนักเบาส่วมใสสบาย
- รองรับการใช้งาน Jabra Sport Life application
รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์ของ Jabra Elite Sport และการออกแบบดีไซน์
เริ่มด้วยตัวกล่องของ Jabra Elite Sport ที่เป็นมากกว่ากล่องครับ เพราะมันเป็นตัวชาร์จในตัว หากเราชาร์จเต็มจะสามารถเพิ่มพลังให้หูฟังได้ 2-3 ครั้งต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง หูฟังสามารถฟังเพลงได้นานราวๆ 3 ชั่วโมงกว่าๆ หากฟังติดต่อกัน(ส่วนตัวถือว่าน้องครับ)
Jabra Elite Sport เป็นหูฟังแบบไร้สายที่เรียกได้ว่ามีรูปร่างที่ง่าย แค่ใส่เข้าไปในหู และไม่มีสายออกมารบกวน โดยมียางและก้านรอบตัวทำให้ และสามารถเปลี่ยนได้ ส่วนที่ใส่หูยังคงเป็นแบบ In Ear พร้อมกับเซนเซอร์วัดชีพจร
หูฟังรุ่นนี้ฝั่งขวาจะเป็นตัวหลัก ซึ่งคุณสามารถปรับความดังของเสียง, การปรับเลื่อน Track เพลงหน้าหลังได้, เปิดปิดระบบครูฝึกส่วนตัวได้ ฝั่งซ้ายจะไม่ได้ควบคุมอะไรมาก
กดค้างจะมีไฟแสดงสถานะต่าง ๆ ครับ
ส่วนตลับของเครื่องนั้นนอกจากเป็นที่เก็บแล้ว ยังเป็นที่แบตเตอรี่ในตัวด้วย พร้อมกับไฟบอกทั้งหูฟังว่าเหลือเท่าไหร่ ตามสี และไฟบอกว่าแทนชาร์จเหลือไฟเท่าไหร่ พร้อมช่องเสียบชาร์จ Micro USB
ตลับสำรองไฟไว้อีก 6 ชั่วโมง
นอกจากนี้นั้นในกล่องยังมีอะไหล่สำรองสำรองมาให้เราเลือกอีกหลายคู่เลยครับ
ภาพรวมถือว่าเป็นอีกหูฟังที่มีความเล็กกะทัดรัด ใส่สบายและสามารถปรับได้หลากหลายขนาดได้เช่นกัน และมีที่เก็บพร้อมเป็นพลังงานเสริมได้อีกด้วยถือว่าดูดีใช้ได้ แต่ข้อเสียนั้นคือ ถ้าหลุดหล่นแล้วอาจจะหายได้เพราะมันเล็กนะ
ลองเปิดเครื่องใช้งานคุณสมบัติเด่น พร้อมการทดสอบฟังก์ชันต่างๆ
จุดเด่นของหูฟังรุ่นนี้ที่ออกแบบเพื่อทนกับสภาพของเหงื่อได้ค่อนข้างดีและกระชับมาก แบตเตอรี่ของตัวหูฟังจะสามารถใช้ได้นานถึง 3 ชั่วโมง แต่แท่นชาร์จะจะทำให้แบตเตอรี่อยู่ได้นานสุดที่ 9 ชั่วโมง หรือเรียกได้ว่าชาร์จได้ 3 ครั้งเลยทีเดียว นับว่านานมาก (รองรับการใช้งานได้ 9 ชั่วโมง โดยตัวหูฟังจะใช้งานต่อเนื่องได้ 3 ชั่วโมง)
และการออกแบบที่เน้นเรื่องการออกกำลังกาย ทำให้เรื่องการวัดชีพจรถือว่าทำได้ค่อนข้างแม่นยำ และใช้งานกับ Apps ที่หลากหลาย แต่การปรับตั้งค่านั้นจะต้องเข้าไปที่ Apps Jabra Sport Life ซึ่งจะสามารถบอกข้อมูลการออกกำลังกายและการปรับแต่งเกี่ยวกับตัวเครื่องได้เต็มที่และรวมถึงการเปิดให้เสียงให้ข้างนอกเข้ามาในหูฟัง
ส่วนการตั้งค่านอกจากจะควบคุมเรื่องการให้เสียงเข้ามาในหูฟังได้แล้ว ยังมีเรื่องของการบอกชื่อคนโทรเข้า การรายงานผลออกกำลังกาย ระบบ Auto Tracking ซึ่งจะต้องทำงานกับการวัดชีพจรเท่านั้น
สรุปหลังจากได้ที่ลองเล่น Jabra Elite Sport มาสักระยะแน่นอนว่าคำตอบที่ได้คือ ใส่ไปเถอะครับไม่ร่วงหลุดออกจากหูแน่นอน
จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่ม
หลังจากที่ได้ลองพบว่าเป็นหูฟังที่มีประสิทธิภาพที่เป็นหนึ่งในหลายแบบที่ไม่ค่อยเข้ามาจำหน่ายในเมืองไทย แต่สำหรับหูฟังตัวนี้ ได้รับการตอบรับจากผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกายพอสมควร และดูดีพอสมควรแต่ในราคานั้นสูงถึง 9,700 บาท ทำให้หลายคนคิดหนักพอสมควร
แต่ถ้ามองถึงคุณภาพและใช้งานออกกำลังกายบ่อยกับเรื่องคุณภาพที่ดีพอสมควรตัวนี้ก็น่าสนใจ เอาเป็นว่าหากใครต้องการซื้อมาเพื่อใส่ฟังเพลงอย่างเดียวผมแนะนำว่าลองหารุ่นอื่นมาใช้งานแทนก็ได้ครับ เพราะคุณจะใช้งานฟังก์ชั่นของ Jabra Elite Sport ไม่ครบเพียงแค่ฟังเพลง