สรุป 10 ฟีเจอร์ที่น่าสนใจบน Android O เวอร์ชันใหม่ล่าสุดจาก Google ฟีเจอร์ใหม่เป็นอย่างไร
สรุป 10 ฟีเจอร์ที่น่าสนใจบน Android O ระบบปฏิบัติการเวอร์ชันใหม่ล่าสุดจาก Google ฟีเจอร์ใหม่เป็นอย่างไร ช่วยให้ใช้งานได้สะดวกขึ้นหรือไม่ มาดูกัน!
หลังจากที่ Google ได้เปิดตัว Android O ระบบปฏิบัติการเวอร์ชันใหม่ล่าสุดอย่างเป็นทางการสำหรับนักพัฒนาไปเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ เหล่าแฟนๆ ผู้ใช้ Android ทั่วโลกต่างก็อยากทราบว่า Android O มาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่อย่างไร และฟีเจอร์แต่ละแบบนั้นจะมีส่วนช่วยในการใช้งานทั่วไปให้มีความสะดวกสบายมากขึ้นหรือไม่
ซึ่งล่าสุดก็มีผู้ทดสอบติดตั้ง Android O เวอร์ชัน Developer พร้อมทดสอบฟีเจอร์ที่น่าสนใจทั้งหมด 10 ฟีเจอร์ มาให้เราได้ชมกันแล้ว จะมีอะไรบ้างนั้น ติดตามชมไปพร้อมกันได้เลยครับ
Notification Channels
สำหรับฟีเจอร์แถบแจ้งเตือน (Notification) รูปแบบใหม่บน Android O จะสามารถจัดกลุ่มให้อยู่หมวดเดียวกันได้ ซึ่งผู้ใช้สามารถตั้งค่าได้ด้วยว่าจะให้แอปพลิเคชันใดแสดงการแจ้งเตือนบ้าง หรือจะตั้งค่าความสำคัญให้แอปพลิเคชันบางโปรแกรมแสดงการแจ้งเตือนไว้ด้านบนสุดตลอดก็ทำได้เช่นเดียวกัน
Background Limits
ฟีเจอร์ Background Limits จะเป็นการตรวจสอบการทำงานของแอปพลิเคชันที่เปิดใช้งานแบบ Background App โดยระบบจะประมวลผลโดยอัตโนมัติว่าแอปพลิเคชันใดควรหยุดการทำงานเมื่อถึงระยะเวลา หรือควรมีการทำงานต่อในฟังก์ชันใดบ้าง ทั้งนี้ ก็เพื่อเป็นการประหยัดแบตเตอรี่ของสมาร์ทโฟนนั่นเอง
Picture-in-Picture
ฟีเจอร์นี้จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถรับชมวิดีโอได้ตลอดเวลาแม้ว่าจะใช้งานแอปพลิเคชันอื่นๆ อยู่ก็ตาม โดยคลิปวิดีโอดังกล่าวจะถูกย่อขนาด และลอยอยู่บนหน้าจอ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถรับชมภาพยนตร์ หรือคลิปวิดีโอต่างๆ ได้แบบไม่ขาดตอน
Autofill APIs
ฟีเจอร์ Autofill จะช่วยในการใส่ข้อมูลที่มีความจำเป็นในการล็อกอิน หรือตั้งค่าต่างๆ เช่น Username หรือ Password ให้สะดวก และรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เพราะบางครั้งการใส่ข้อมูลที่มีความสำคัญเช่นนี้ ตัวผู้ใช้อาจมีการใส่ข้อมูลผิดพลาด และต้องเสียเวลาใส่ข้อมูลจนครบทุกช่อง ซึ่งฟีเจอร์ Autofill APIs จะช่วยประหยัดเวลาในการกรอกข้อมูลเหล่านี้มากยิ่งขึ้น
Adaptive Icons
ฟีเจอร์ Adaptive Icons ช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับรูปลักษณ์ของไอคอนแอปพลิเคชันต่างๆ ภายในตัวเครื่องได้ ซึ่งผู้ใช้บางส่วนคงจะเคยเห็นแบรนด์ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนบางรายที่ตกแต่งไอคอนใน UI ของตนเองให้มีความสวยงามแตกต่างจากแบรนด์อื่น ฟีเจอร์ Adaptive Icons ก็จะช่วยให้ผู้ใช้ทำแบบนั้นได้ด้วยเช่นกัน
Easier fonts for Devs
ฟีเจอร์นี้อาจจะไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับผู้ใช้ทั่วไปเท่าใดนัก แต่สำหรับนักพัฒนาแล้วถือว่าฟีเจอร์นี้ค่อนข้างสำคัญมากสำหรับการพัฒนาแอปพลิเคชัน เพราะฟีเจอร์ดังกล่าวช่วยให้เหล่านักพัฒนาสามารถเข้าถึง และปรับแต่ง Font ได้อย่างอิสระ อย่างเช่น การเลือก Font สำหรับใช้งานในแอปพลิเคชันของตน เป็นต้น
Wide-Gamut Color Support
ฟีเจอร์นี้จะช่วยให้ผู้พัฒนาแอปพลิเคชันที่เกี่ยวกับรูปภาพ สามารถใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์หน้าจอ Wide-Gamut ที่มีในสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตรุ่นใหม่ๆ ได้ ซึ่งหน้าจอ Wide-Gamut จะสามารถแสดงผลสีได้สูงถึงระดับพันล้านเฉดสี จึงหมายความว่าผู้พัฒนาแอปพลิเคชันเกี่ยวกับรูปภาพสามารถแสดงผลภาพแบบ AdobeRGB, DCI-P3 หรือรูปแบบไฟล์อื่นๆ ที่แสดงเฉดสีให้ละเอียดมากขึ้น
Connectivity Features
สำหรับฟีเจอร์ด้านการเชื่อมต่อก็มีการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นเช่นกัน คือ การรองรับระบบเสียง High Quality Codec ผ่านการเชื่อมต่อทาง Bluetooth แบบเดียวกับ LDAC ของ Sony และฟีเจอร์ Wi-Fi Alliance ที่สามารถรับ-ส่งข้อมูลกับสมาร์ทโฟนเครื่องอื่นๆ ได้โดยไม่ต้องใช้อินเทอร์เน็ต รวมถึงสามารถใช้บอกพิกัดของสมาร์ทโฟนเครื่องนั้นๆ ได้ด้วย เหมาะสำหรับการเดินในสถานที่ที่มีฝูงชนเยอะ แล้วเกิดพลัดหลง ก็สามารถใช้ฟีเจอร์นี้ช่วยบอกทางได้เช่นกัน
WebView Enhancements
Android O ได้รับการพัฒนาในส่วนของการท่องเว็บไซต์ให้มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โดย Android O ใช้การทำงานแบบ Multiprocess Mode และเพิ่มเติมในส่วนของ API ที่ช่วยรักษาอาการ Error หรือการ Crash ของตัวแอปให้มีความเสถียรตลอดเวลา นอกจากนี้เวลากดเข้าหน้าเว็บไซต์ ตัวเว็บไซต์จะแสดงผลคล้ายกับเวลากดผ่านแอปพลิเคชันด้วย
Improved Keyboard Navigation
Android O ปรับระบบ Keyboard Navigation ใหม่ทั้งหมด เพื่อเอื้ออำนวยให้ผู้ใช้ และบรรดานักพัฒนาใช้งานได้อย่างสะดวก และลื่นไหลมากที่สุด
สำหรับผู้ใช้ท่านใดที่อยากทดลองใช้งาน Android O เวอร์ชันล่าสุด สามารถดาวน์โหลดได้ที่ลิงก์ด้านล่างนี้ แต่ต้องขอแนะนำไว้ก่อนว่า Android O Developers Preview เวอร์ชันนี้ยังเต็มไปด้วย Bug และความไม่เสถียรของระบบ หากท่านใดที่ตัดสินใจจะใช้งานจริงๆ ก็ขอให้สำรองข้อมูลต่างๆ ไว้ให้ครบถ้วนก่อนด้วยนะครับ